ตอน ตอนที่ 2853 ผลพวง จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 2853 ผลพวง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 2853 ผลพวง
หลินสวินและหลีเจินเดินทางไปยังส่วนลึกของเทือกเขาหมื่นห้วย
เมื่อผ่านการหลอมพลังระเบียบ ทำให้หลินสวินรับรู้ถึงความแตกต่างของต้นกำเนิดระเบียบระดับปฐพีและต้นกำเนิดระเบียบระดับสวรรค์อย่างชัดเจน
ต้นกำเนิดระเบียบระดับสวรรค์บริสุทธิ์กว่า พลังที่บรรจุภายในก็มากกว่า และเป็นประโยชน์ต่อการฝึกปราณยิ่งกว่า
เมื่อเทียบกันแล้วต้นกำเนิดระเบียบระดับปฐพีธรรมดาสามัญอย่างเห็นได้ชัด
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความแตกต่างด้านการฝึกปราณเท่านั้น
สำหรับขั้นดับเทพคนใดก็ตาม ระเบียบระดับปฐพียังคงเรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่า
ในช่วงเวลาถัดจากนี้หลินสวินและหลีเจินเดินทางไปยังส่วนลึกของเทือกเขาหมื่นห้วย จิตใจล้วนจดจ่ออยู่กับการล่าสัตว์ระเบียบ
ด้วยพลังต่อสู้ของทั้งคู่ ไม่ต้องกลัวสัตว์ระเบียบระดับสวรรค์ธรรมดาทั่วไปสักนิด
…
และเมื่อเวลาเคลื่อนคล้อย ข่าวการพ่ายแพ้ของผู้เข้าร่วมศึกจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะอย่างพวกหวังเจวี๋ยฮ่วนก็ไม่สามารถปกปิดได้สักนิด ไม่นานก็แพร่สะพัดไปทั่ว กระจายไปตามแดนมารต่างๆ
แดนมารทักษิณ
ส่วนลึกของหนองน้ำแห่งหนึ่ง
พรูด!
หัวของสัตว์ปีศาจระดับสวรรค์ขั้นห้าที่รูปร่างเหมือนงูยักษ์ตัวหนึ่งถูกฝ่ามือหนึ่งตบกระจุย ร่างกายมหึมากระแทกในหนองน้ำ คลื่นน้ำสีโลหิตพุ่งกระเด็น
ชางฝูเฟิงยื่นมือออกไปคว้า พลังระเบียบระดับสวรรค์ขั้นห้าสายหนึ่งก็ตกสู่กลางฝ่ามือ
ตั้งแต่เริ่มต่อสู้จนบัดนี้เป็นเพียงไม่กี่อึดใจสั้นๆ เท่านั้น
มองดูเงาร่างผอมสูงของเขายืนอยู่เหนือหนองน้ำ ในแววตาผู้เข้าร่วมศึกจากลัทธิพ่อมดสี่คนล้วนทอแววบ้าคลั่ง
ลัทธิพ่อมดศรัทธาในพลัง ยึดความแข็งแกร่งเป็นหลัก
ยิ่งเป็นพวกแข็งแกร่งเท่าไร ก็ยิ่งได้รับความเคารพเลื่อมใส
ในช่วงนี้พวกเขาติดตามอยู่ข้างกายชางฝูเฟิง เห็นด้วยตาตัวเองว่าชางฝูเฟิงล่าสัตว์ระเบียบด้วยอานุภาพทำลายล้างล้นหลามอย่างไร ในใจก็ยิ่งเคารพนับถือต่อชางฝูเฟิงมากขึ้นเรื่อยๆ
“นายน้อย เพิ่งสืบข่าวมาได้ว่าพวกหวังเจวี๋ยฮ่วนพ่ายแพ้แล้ว”
เมื่อเห็นชางฝูเฟิงเดินมาแต่ไกล ผู้เข้าร่วมศึกลัทธิพ่อมดคนหนึ่งรีบกล่าวรายงานเป็นพัลวัน
“พ่ายแพ้หรือ”
ชางฝูเฟิงอึ้งไป นัยน์ตาเจิดจ้าดุจคบไฟคู่นั้นไหลมีเพลิงเทพประหนึ่งแผดเผาฟ้าลุกโชน “แพ้อย่างไร”
“เรื่องนี้ไม่แน่ใจขอรับ แต่ตอนนี้ผู้เข้าร่วมศึกจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะเหลือเพียงยี่สิบห้าคนแล้ว คนบาดเจ็บล้มตายไม่อาจเรียกว่าไม่สาหัส”
ชางฝูเฟิงหรี่ตาลง เนิ่นนานกว่าจะกล่าวว่า “เจ้าหลินสวินนี่… ไม่ธรรมดาจริงๆ”
เขาเจือความทอดถอนใจ
มรรควิถีขั้นดับเทพขั้นต้น แต่กลับสามารถสร้างผลงานการต่อสู้นองเลือดเช่นนั้นภายใต้การล้อมกรอบแน่นหนาได้ นี่ทำให้ในใจเขายังหนาวเยือกไม่หยุด
“นายน้อย เจ้าหมอนี่ตึงมือหาที่เปรียบไม่ได้จริงๆ หลายปีต่อจากนี้หากเขาหลอมพลังระเบียบมากขึ้นเรื่อยๆ มีหรือที่มรรควิถีของเขาจะไม่พัฒนาขึ้นไปด้วย”
มีคนเอ่ยเตือน
“เจ้าจะให้ข้าไปจัดการเขาตอนนี้หรือ”
นัยน์ตาชางฝูเฟิงมองทางคนผู้นั้น ฝ่ายหลังแข็งทื่อไปทั้งตัวทันที เหงื่อเย็นผุดพราย รีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน “ข้าเพียงแต่กังวลว่ายามเข้าสู่แดนมารปฐพี คนผู้นี้จะกลายเป็นหายนะร้ายแรง”
“หายนะร้ายแรง…”
ชางฝูเฟิงหัวเราะน้อยๆ “เช่นนั้นเมื่อถึงเวลาค่อยว่ากันอีกที”
ความคิดของเขาไม่ได้อยู่ที่การสังหารหลินสวิน ที่เข้าร่วมศึกมรรคอมตะก็แค่อยากไขว่คว้าศุภโชคยิ่งใหญ่ที่สุดในแดนมารสิบทิศก็เท่านั้น
นี่จะเป็นประโยชน์ยิ่งยวดต่อการทะลวงขั้นหลุดพ้นของเขา
…
แดนมารอุดร
“ข้ารู้เรื่องหมดแล้ว หากพวกเจ้าอยากไปจัดการหลินสวิน ข้าไม่ขัดขวาง แต่ตอนนี้ข้าจะไม่ลงมือ”
เหวินเฉียวสุ่ยเอ่ยปากเนิบๆ
เขายืนอยู่บนชั้นเมฆ กำลังเสาะหาร่องรอยของสัตว์ระเบียบ
เขาสวมชุดคลุมสีฟ้า ผมมวยเป็นทรงนักพรต หล่อเหลาราวหยก ทั่วร่างผ่องแผ้วบริสุทธิ์ อุปนิสัยกลับลึกล้ำดุจหินผา เมื่อทำการตัดสินใจจะไม่มีทางเปลี่ยนใจ
ไม่ไกลนักในใจพุทธองค์ทั้งสี่จากลัทธิฌานล้วนทอดถอนใจ
หากมีเหวินเฉียวสุ่ยลงมือ พวกเขามั่นใจว่าสามารถฆ่าหลินสวินให้ตายได้ แต่ที่น่าเสียดายคือเหวินเฉียวสุ่ยไม่คิดจะทำเช่นนี้
และพวกเขาก็ไม่กล้าไปขัดขืน
เผ่าเทพตระกูลเหวินแห่งน่านฟ้าที่เก้ามีคนใหญ่คนโตที่สะเทือนฟ้าดินไม่น้อย ในกาลเวลาที่ผ่านมาก็เคยให้การสนับสนุนลัทธิฌานมากมาย
เหวินเฉียวสุ่ยเป็นหนึ่งในบุตรเทพตระกูลเหวิน พวกเขาก็ไม่อาจไม่เคารพการตัดสินใจของอีกฝ่าย
“ทุกคนวางใจได้ เวลาต่อจากนี้หากบังเอิญพบหลินสวิน ข้าก็ไม่รังเกียจจะช่วยพวกเจ้าอีกแรง”
เมื่อเหวินเฉียวสุ่ยเอ่ยประโยคนี้ออกมา ถึงค่อยทำให้พวกขู่เสวียน ขู่จี้สบายใจขึ้นไม่น้อย
…
แดนมารประจิม
ในหุบเขาแห่งหนึ่ง ซากโครงกระดูกกองสะสมระเนระนาด สีโลหิตเปื้อนทั่วพื้นดิน ดูน่าสยองขวัญ
จี้ซานไห่ปัดมือเบาๆ กล่าวว่า “เก็บกวาดสนามรบ รอจิ่งจงเยวี่ยกลับมาพวกเราค่อยไปสถานที่ถัดไป”
นางเงาร่างสูงระหง สวมอาภรณ์สีเข้มตัวหลวมสบาย ผมยาวดำสนิทดุจหมึกถูกมวยขึ้นและปักปิ่นสีเขียวมรกตไว้เฉียงๆ ดวงหน้างดงามเกลี้ยงเกลา
ตัวนางดุจดั่งกล้วยไม้กลางหุบเขาลึก เป็นอิสระจากโลก ดุจดั่งไม่แปดเปื้อนโลกีย์ ปราศจากมลทินแม้เพียงเศษเสี้ยว
แต่ผู้สืบทอดลัทธิวิญญาณเหล่านั้นแต่ละคนล้วนผุดเหงื่อเย็นชุ่ม
ก่อนหน้านี้ก็เป็นธิดาเทพผู้มีฉายา ‘เป็นเลิศในหมู่โฉมสะคราญ พิสุทธิ์หนึ่งเดียวในโลกีย์’ ผู้นี้ ที่สังหารหมู่สัตว์ระเบียบทั้งฝูงในหุบเขาแถบนี้อย่างง่ายดาย
สัตว์ปีศาจทุกตัว ไม่ว่าพลังจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอล้วนถูกมือหยกเรียวเล็กขาวเนียนของนางตบตาย ร่างแตกระเบิด แขนขากระจุบกระจาย ตายในสภาพอเนจอนาถ
ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนไม่มีโอกาสให้พวกเขายื่นมือเข้าแทรก!
และใครจะไปคาดคิดอีกว่าหญิงงามที่เงียบสำรวมดุจเซียน บุคลิกดั่งกล้วยไม้คนนี้ ยามต่อสู้กลับมีท่วงท่าดุจภูผามหาสมุทร อานุภาพพาดขวางฟ้าดิน
“ควรเคลื่อนไหวแล้ว””ฮณ๊ฯดฯฌซ,
นัยน์ตาดุจสายน้ำของจี้ซานไห่กวาดมองผู้สืบทอดลัทธิวิญญาณสามคนนี้ปราดหนึ่ง
แต่ความหมายที่เปิดเผยชัดเจนในประโยคนี้ ก็สามารถมองออกว่าในใจนางมีความภาคภูมิและความเชื่อมั่นในตัวเองเช่นกัน
“บนโลกนี้มีคนที่เรียกได้ว่าเป็นคู่แข่ง เช่นนี้จึงจะไม่เหงา”
จิ่งจงเยวี่ยกล่าวทอดถอนใจ
“ไป ไปล่าสัตว์ระเบียบในสถานที่ถัดไป”
จี้ซานไห่ไม่ได้พูดคุยประเด็นนี้อีก หยัดตัวขึ้นแล้วเคลื่อนไหวมุ่งหน้าไกลออกไป
จิ่งจงเยวี่ย ผูซงจื่อ ถานหลิวอวิ๋น และเยวี่ยโหยวเฟิงตามหลังไปติดๆ พร้อมกัน
…
แดนมารบูรพา
“ดูท่าข้าจะประเมินความสามารถของหวังเจวี๋ยฮ่วนสูงไป”
หยวนฉางเทียนถอนใจเบาๆ เขาก็ได้ข่าวเช่นกัน ในใจตกใจและประหลาดใจเป็นล้นพ้น และเกิดสภาพอารมณ์ซับซ้อนเสี้ยวหนึ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้
หลินสวินนี่จัดการยากเย็นเช่นนี้จริงๆ หรือ
เขามั่นใจว่าไม่เคยดูเบาหลินสวิน ถึงตอนนี้กลับเพิ่งพบว่าการไม่เคยดูเบาก็เป็นการประเมินหลินสวินต่ำไปอย่างหนึ่งเช่นกัน!
“เจ้าพวกโง่เอ๊ย!”
เฉาเป่ยโต้วโกรธจนสีหน้าอึมครึม “สถานการณ์ได้เปรียบเช่นนี้แต่ดันแพ้เสียได้ หรือว่าอยู่สูงนานเกินไป ไม่เข้าใจหลักการที่ว่าสิงโตสู้กระต่ายก็ต้องใช้กำลังทั้งหมดแล้วหรือ”
“พูดจาระวังๆ หน่อย”
อวิ๋นเทียนหมิงขึงตามองเขาปราดหนึ่ง “สิบยักษ์ใหญ่อมตะไม่ใช่จะพวกที่สามารถดูหมิ่นได้ตามใจชอบ ยิ่งกว่านั้นสิงโตสู้กับกระต่าย ก็เห็นชัดเจนว่าใครเป็นสิงโตใครเป็นกระต่าย คิดจริงๆ หรือว่าบุตรฟ้าประทานอย่างหวังเจวี๋ยฮ่วนจะใช่คนที่พวกโง่เง่าเหล่านั้นจะเทียบได้”
เฉาเป่ยโต้วสีหน้าวูบไหวไปมา “ข้าก็แค่ไม่อาจยอมรับผลลัพธ์เช่นนี้ได้ก็เท่านั้น แต่ไม่กล้าดูหมิ่นใดๆ”
“สิ่งที่ข้ากังวลในตอนนี้คือ เกรงว่าหลินสวินจะรู้แล้วว่าพวกเราเปิดเผยร่องรอยของเขา ด้วยพฤติกรรมและอุปนิสัยของเจ้าหมอนี่ต้องไม่ยอมเลิกราโดยง่ายแน่”
หว่างคิ้วอวิ๋นเทียนหมิงทอแววกลัดกลุ้มเสี้ยวหนึ่ง
เมื่อนึกถึงทุกสิ่งที่หลินสวินทำลงไปในลัทธิแรกกำเนิดก่อนหน้านี้ ในใจเฉาเป่ยโต้วก็อดเสียววาบไม่ได้ สายตาหันมองหยวนฉางเทียนอย่างห้ามไม่อยู่
“ครั้งนี้พวกเราเป็นตัวแทนสำนักออกศึก หากเข่นฆ่ากันเองคนที่จะขายหน้าก็คือทั่วทั้งลัทธิแรกกำเนิด เท่าที่ข้าดู แม้ว่าในใจหลินสวินจะเคียดแค้น ก็คงไม่ถึงขั้นแตกหักกันในศึกมรรคอมตะครั้งนี้แน่”
หยวนฉางเทียนกล่าวใคร่ครวญ
“หวังว่าจะเป็นเช่นนี้”
เฉาเป่ยโต้วถอนใจยาว
หยวนฉางเทียนขมวดคิ้วน้อยๆ เกรงว่าแม้แต่ตัวเฉาเป่ยโต้วเองก็ยังไม่ทันสังเกตว่าหลังผ่านเรื่องนี้มา ยามที่เขากล่าวถึงหลินสวินก็เจือแววกริ่งเกรงขึ้นมาบ้างแล้ว
“แต่หากคราแรกเจ้าถามความเห็นข้าก่อนจะแพร่ข่าวไปให้สิบยักษ์ใหญ่อมตะ เกรงว่าคงไม่มีทางเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแล้ว”
หยวนฉางเทียนกล่าว “แต่ในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นไปแล้ว ก็ไม่ต้องกลุ้มใจเพราะเรื่องนี้อีก เวลาต่อจากนี้ไปทุกคนอยู่อย่างสงบเสงี่ยมไว้เป็นดีที่สุด จดจ่อสมาธิกับเรื่องล่าสัตว์ระเบียบ”
นี่เป็นการกล่าวสะกิดเฉาเป่ยโต้วและอวิ๋นเทียนหมิง
สองคนนี้อุทิศชีวิตให้แก่สิบยักษ์ใหญ่อมตะมาโดยตลอด
แต่สิ่งที่เขาหยวนฉางเทียนต้องการคือคนที่ยอมมอบชีวิตให้แก่เขา!
………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์