Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2887

สรุปบท ตอนที่ 2887 ยกพลมากล่าวโทษ!: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 2887 ยกพลมากล่าวโทษ! จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 2887 ยกพลมากล่าวโทษ! คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 2887 ยกพลมากล่าวโทษ!

ลัทธิแรกกำเนิด

หลังก้าวออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้าย คงเจวี๋ยจากไปเพียงลำพัง

ผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิดที่เฝ้าค่ายกลเคลื่อนย้ายไม่สังเกตเห็นตัวตนของคงเจวี๋ยโดยสิ้นเชิง

การกลับมาของหลินสวิน ฟางเต้าผิง และหลีเจิน ก่อให้เกิดความพลุ่งพล่านในลัทธิแรกกำเนิดทั้งบนล่าง

หน้าเรือนมรรคกลาง

รองหัวหน้าหออย่างเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยง อวี๋สิ่ง ผู้นำเก้ายอดเขาอย่างฉินอู๋อวี้ เยวี่ยอู๋โฉว ชางฉงเสวี่ย รวมถึงใบหน้าคุ้นเคยอย่างเถาเหลิ่ง เฟิงซีซี หลิวอวิ๋นเฟิงล้วนมารวมตัวกัน

เมื่อเห็นเงาร่างของพวกหลินสวินปรากฏในครรลองสายตา ทุกคนล้วนเผยรอยยิ้มจากก้นบึ้งหัวใจ

“ทุกท่าน ตลอดทางลำบากแล้ว!”

เสวียนเฟยหลิงหัวเราะร่าพลางเดินเข้าไปต้อนรับก่อน พาพวกหลินสวินเข้าไปในเรือนมรรคกลาง

เมื่อแต่ละคนนั่งประจำที่ โต๊ะสำรับตรงหน้าทุกคนล้วนเต็มไปด้วยอาหารเลิศรสแล้ว

นี่คืองานเลี้ยงต้อนรับ

ส่วนพวกหยวนฉางเทียน อวิ๋นเทียนหมิง เฉาเป่ยโต้วที่เคยเข้าร่วมศึกมรรคอมตะพร้อมกับพวกหลินสวินตอนแรก ล้วนถูกมองข้ามอย่างรู้กันอยู่ในที

“มา พวกเราดื่มให้หมดจอก”

เสวียนเฟยหลิงยกจอกเหล้าขึ้น รอยยิ้มองอาจผ่าเผย

ทุกคนรับคำเสียงกึกก้อง ยกดื่มหมดจอกเช่นกัน

ร่ำสุราไปหลายยก เสวียนเฟยหลิงจึงถามเรื่องศึกมรรคอมตะครั้งนี้

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแดนมารสิบทิศมีเพียงหลินสวินกับหลีเจินรู้ชัดที่สุด หลีเจินเงียบขรึมเรื่อยมา ก็ได้แต่ให้หลินสวินเล่าแล้ว

หลินสวินเรียบเรียงความคิดในหัว เล่าเรื่องราวบางส่วนซึ่งเกิดในช่วงสิบปีหลังจากเข้าสู่แดนมารสิบทิศออกมา

เมื่อรู้ว่าพวกอวิ๋นเทียนหมิงกับเฉาเป่ยโต้วบอกร่องรอยของหลินสวิน จนชักนำการปิดล้อมจากผู้ร่วมศึกสิบยักษ์ใหญ่อมตะอย่างพวกหวังเจวี๋ยฮ่วนมา ทุกคนในที่นั้นล้วนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ สีหน้าอึมครึม

หลังรู้ว่าหลินสวินกำจัดอวิ๋นเทียนหมิงกับเฉาเป่ยโต้วแล้ว ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นโห่ร้องยินดีทันที กล่าวว่าคนทรยศเช่นนี้สมควรฆ่าไม่ละเว้น!

และเมื่อได้ยินวีรกรรมนองเลือดที่หลินสวินทยอยกำจัดผู้ร่วมศึกสิบยักษ์ใหญ่อมตะ ผู้ร่วมศึกลัทธิพ่อมด ผู้ร่วมศึกลัทธิฌานตามลำดับในช่วงหลายปีต่อจากนั้น

ทุกคนที่อยู่ในงานพลันอึ้งงัน ในใจสั่นสะท้านไม่หยุด สายตาที่มองหลินสวินล้วนเจือสีสันประหลาด

กระทั่งหลินสวินพูดถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในแดนมารสวรรค์ ทุกคนในที่นั้นทั้งแปลกใจทั้งขบขัน

ใครก็คิดไม่ถึงว่าธิดาเทพผู้โดดเด่นเหนือใครอย่างจี้ซานไห่ ถึงกับยอมสละระเบียบระดับเทพนั่น!

ยิ่งคิดไม่ถึงว่าในสถานการณ์ที่ถูกหยามเหยียดมากเช่นนี้ ตอนนั้นหยวนฉางเทียนก็ยังอดกลั้นได้!

กระทั่งฟังเรื่องทุกอย่างที่หลินสวินเล่าออกมาจบ บรรยากาศในเรือนใหญ่พลุ่งพล่านขึ้นมาแล้ว

“ศึกมรรคอมตะครั้งนี้ ลัทธิแรกกำเนิดของพวกเราถือว่าได้ชัยชนะครั้งใหญ่!”

“ตั้งกี่ปีมาแล้ว ในที่สุดก็ถึงคราวพวกเราลัทธิแรกกำเนิดลืมตาอ้าปากสักครั้ง”

“หึๆ จากมุมมองนี้ลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน สิบยักษ์ใหญ่อมตะ… คงเสียหายหนักเป็นแน่!”

สัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างเสวียนเฟยหลิงกับตู๋กูยงหัวเราะขบขัน คนอื่นในที่นั้นก็ไม่วายยินดี

ศึกมรรคอมตะครั้งนี้ ความสามารถของหลินสวินเชิดหน้าชูตาให้ลัทธิแรกกำเนิดจริงๆ!

กระทั่งผ่านไปนานบรรยากาศครึกครื้นนี้จึงสงบลง

“ระหว่างทางกลับมาเกิดเรื่องใดขึ้นอีก”

สายตาเสวียนเฟยหลิงมองไปทางฟางเต้าผิง

ก่อนหน้านี้พวกเขาแค่ได้สารขอความช่วยเหลือจากฟางเต้าผิง ไม่รู้เรื่องที่พวกเขาเจอระหว่างทางอย่างแน่ชัด

คนอื่นก็เคลื่อนสายตามองฟางเต้าผิง

ฟางเต้าผิงดื่มสุราจนหมดจอก แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างทางออกมาจนหมดเปลือก

ตั้งแต่เผชิญหน้ากับการตามล่าจากสัตว์ประหลาดเฒ่าแห่งสิบยักษ์ใหญ่อมตะ ถึงเปิดศึกกับชื่อเย่และจู่เหวินเหิง กระทั่งเรื่องที่เจอหยวนซวีคุนกับเจียหนานขัดขวาง ล้วนเล่าออกมาทั้งหมด

ระหว่างนี้บรรยากาศในเรือนใหญ่กดดันจนเงียบลงทีละน้อย สีหน้าของทุกคนเผยแววขุ่นเคือง เดือดดาล จริงจัง ยากจะเชื่อ

บางครั้งในแววตาที่พวกเขามองไปทางหลินสวินก็เจือการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

คราวนี้เหมือนตระหนักได้ว่าหลินสวินที่เพิ่งทะลวงปราณแจ้งมรรคขั้นหลุดพ้น ที่แท้พลังต่อสู้ก็พลิกฟ้าถึงขั้นนี้แล้ว เพียงคนเดียวสังหารสัตว์ประหลาดเฒ่าขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์มากมายอย่างเดือดดาล!

ถึงขั้นเคยใช้อภินิหารต้องห้ามขังรูปจำลองเจตจำนงของหยวนซวีคุนด้วย!

สำหรับพวกเขาเรื่องนี้ช่างสะเทือนใต้หล้าจริงๆ น่าเหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่ง อยู่เหนือความคาดหมายทั้งหมดของพวกเขาโดยสิ้นเชิง หากทุกอย่างนี้ไม่ได้ออกมาจากปากของฟางเต้าผิง พวกเขาคงไม่กล้าเชื่อ

กระทั่งฟางเต้าผิงพูดว่ารูปจำลองเจตจำนงของไท่เสวียนสลายไป คนใหญ่คนโตในที่นั้นล้วนเก็บกลั้นไอสังหารในใจไว้ไม่อยู่ สีหน้าอึมครึมเป็นพิเศษ

แม้ต่อมาจะรู้ว่าอาจารย์อาของหลินสวินลงมือทันเวลา กอบกู้สถานการณ์อันตราย สลายเคราะห์สังหารครั้งใหญ่นี้ได้ แต่สีหน้าทุกคนในที่นั้นกลับยังไม่น่าดู

“นี่พวกเขารังแกลัทธิแรกกำเนิดของข้าด้วยเห็นว่าไร้ผู้คนหรือ!!”

ตู๋กูยงเดือดดาล เสียงราวอสนีบาต

เรื่องทั้งหมดนี้ทำให้พวกเขาต่างไม่พอใจ นี่ไม่เพียงเกี่ยวเนื่องกับความปลอดภัยของพวกหลินสวิน ยังเกี่ยวโยงกับหน้าตาของลัทธิแรกกำเนิดด้วย!

“เพื่อระเบียบระดับเทพ ใครต่างก็ไปช่วงชิงโดยไม่สนใจสิ่งใด”

เสวียนเฟยหลิงสูดหายใจเข้าลึกๆ นัยน์ตาเยียบเย็น “ลัทธิพ่อมดหรือลัทธิฌานก็ดี เผ่าเทพตระกูลหยวนหรือสิบยักษ์ใหญ่อมตะก็ช่าง ภายหน้าความแค้นนี้ต้องสะสางกับพวกเขา!”

“ศึกภายในต้องสงบก่อนค่อยรับมือศึกภายนอก เรื่องนี้ไม่อาจรีบร้อน อย่างน้อยตอนนี้พวกเราก็ได้แต่อดกลั้น”

ฝูเหวินหลีกล่าวเย็นชา “เจ้ายังยิ้มอีก เป็นถึงผู้ดูแลหอแรกนภา แต่เจ้ากลับปีนเกลียว ใช้วิธีต่ำช้าทำร้ายผู้อาวุโสสองคนของสำนัก สมควรตายนัก! ข้ามาครานี้ก็เพื่อพาผู้ร้ายอย่างเจ้าไปลงโทษตามกฎสำนัก ปลอบโยนวิญญาณบนสวรรค์ของเพื่อนร่วมสำนักทั้งสอง!”

“ฝูเหวินหลี ด้วยฐานะของเจ้าถึงกับพูดจามั่วซั่ว ใส่ร้ายป้ายสีเช่นนี้ ไม่คิดว่าน่าอายหรือ”

เสวียนเฟยหลิงไม่อาจวางเฉยแล้ว เขาหยัดร่างขึ้น แววตาเยียบเย็น “คนทรยศสองคนอย่างเฉาเป่ยโต้วกับอวิ๋นเทียนหมิงสมคบคิดกับศัตรูภายนอก ทำให้หลินสวินตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ทำไมเจ้าถึงบอกว่าพวกต่ำทรามไร้ยางอายเช่นนี้เป็นคนดีที่ถูกฆ่าอย่างไม่เป็นธรรมเล่า”

เมื่อเสวียนเฟยหลิงยืนขึ้น ตู๋กูยงและคนอื่นในเรือนใหญ่ก็พากันลุกขึ้น ถลึงตามองพวกฝูเหวินหลี

บรรยากาศเปลี่ยนเป็นตึงเครียดขึ้นมา!

“คนทรยศ? เสวียนเฟยหลิง เจ้าเคยเข้าร่วมศึกมรรคอมตะไหม เห็นทุกอย่างนี้กับตาตัวเองหรือ”

ฝูเหวินหลีกล่าวเรียบๆ “นอกจากหลินสวินกับหลีเจิน ทุกคนในที่นี้ล้วนไม่รู้ความเป็นมาของเรื่องนี้ แต่สิ่งที่แน่ใจได้คือเฉาเป่ยโต้วกับอวิ๋นเทียนหมิงถูกหลินสวินฆ่า ทั้งเมื่อครู่หลินสวินยังยอมรับด้วยตัวเอง ตามกฎของสำนัก การสังหารศิษย์ร่วมสำนักตามอำเภอใจโดยไม่ผ่านการไต่สวนของหอแรกนภา นี่ก็คือโทษมหันต์เกินกว่าจะไถ่ถอน!”

“เรื่องนี้หยวนฉางเทียนเป็นคนบอกท่านหรือ”

หลินสวินพลันกล่าว

ฝูเหวินหลีหรี่ตาเล็กน้อยแล้วกล่าว “เป็นใครไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือเจ้าละเมิดกฎสำนักแล้ว แน่นอนว่าต้องถูกลงโทษ”

หลินสวินยิ้มขึ้นมา “คิดอยู่แล้วว่ารองหัวหน้าหอฝูคงไม่ยอมพลาดโอกาสโจมตีข้าหลินสวินเช่นนี้ เช่นนั้นก็เชิญรองหัวหน้าหอฝูลองดูว่าคนพวกนี้เป็นใคร”

เขาสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง

พลังจิตที่ถูกกักขังหมดสติสายแล้วสายเล่าปรากฏอยู่ในสายตาของทุกคน

เมื่อเห็นรูปร่างของพลังจิตเหล่านี้อย่างชัดเจน สีหน้าฝูเหวินหลีเปลี่ยนไปมากทันที ยกมือจะเก็บพลังจิตเหล่านี้ไป แต่กลับถูกหลินสวินหลบเลี่ยงไปก่อนหนึ่งก้าว

ขณะเดียวกันฟางเต้าผิงยืนอยู่ข้างกายหลินสวิน กล่าวอย่างเย็นชา “ฝูเหวินหลี เจ้าจะทำอะไร”

“คนพวกนี้คือคนตระกูลฝูของข้า!!”

ฝูเหวินหลีกล่าวเดือดดาล “แต่ตอนนี้กลับถูกเจ้าหลินสวินนี่ทำลายร่าง พลังจิตก็ถูกกักขัง ไม่อาจอภัยได้จริงๆ!”

หลินสวินเอ่ย “รองหัวหน้าหอฝูพูดถูก พวกนี้ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งตระกูลฝูที่เข้าร่วมศึกมรรคอมตะ พวกเขาเคยร่วมมือกับผู้ร่วมศึกอื่นมากำจัดข้า โชคไม่ดีที่พวกเขากลับประสบเคราะห์ เรื่องนี้หยวนฉางเทียนไม่ได้บอกท่านหรือ”

ทรวงอกของฝูเหวินหลีกระเพื่อมไหว พยายามทำให้ตนใจเย็นลง แววตาไหววูบกล่าว “หลินสวิน ปล่อยคนตระกูลฝูของข้าไป ข้าจะให้โอกาสเจ้าล้างมลทิน”

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือใช้สิ่งนี้เป็นการแลกเปลี่ยน

กลับเห็นหลินสวินยิ้มพลางส่ายหัว “รองหัวหน้าหอฝู ท่านผิดแล้ว ข้านำพลังจิตของคนตระกูลฝูพวกนี้ออกมา ใช่ว่าเพื่อข่มขู่ท่าน ข้าคนแซ่หลินเป็นถึงผู้ดูแลหอแรกนภา ไม่กล้าปีนเกลียวไปข่มขู่รองหัวหน้าหอคนหนึ่งเช่นกัน”

เขาเว้นช่วงไปก่อนกวาดสายตามองทุกคนในเรือนใหญ่ “ข้าคนแซ่หลินแค่อยากบอกทุกท่านในที่นี้ว่า พวกเฉาเป่ยโต้วกับอวิ๋นเทียนหมิงเป็นคนทรยศหรือไม่ ขอแค่สืบค้นพลังจิตคนพวกนี้ก็จะรู้ดำรู้แดง!”

เสียงชัดกระจ่างดังก้องในเรือนใหญ่

เพียงชั่วขณะพวกฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋น ชือเวินพลันหน้าเปลี่ยนสี

………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์