ตอน ตอนที่ 2976 เจ็ดขุมอำนาจใหญ่ของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 2976 เจ็ดขุมอำนาจใหญ่ของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 2976 เจ็ดขุมอำนาจใหญ่ของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์
ในบรรยากาศเงียบสงัด จินเทียนเสวียนเยวี่ยไม่สนใจทุกสายตาที่มองมาโดยรอบ นางเอ่ยเสียงเบา “คุณชาย ควรจัดการคนผู้นี้อย่างไรดี”
หลินสวินกล่าว “แน่นอนว่ามอบหมายให้เจ้าจัดการ วางใจเถอะ เรือนกระบี่ต้าเหิงไม่คู่ควรให้พูดถึง ไม่ต้องห่วงว่าจะก่อความวุ่นวายอะไรให้ข้า”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยพยักหน้าน้อยๆ
วู้ม!
กระบี่มรรคที่จ่อร่างฟางเซียวอวิ๋นพลันสั่นสะเทือนรุนแรง เจตกระบี่ที่แผ่ออกมาซัดร่างของฟางเซียวอวิ๋นจนแหลกทั้งเป็น พลังจิตดับสลาย
ระดับอมตะคนหนึ่งตายต่อหน้า เหตุการณ์นองเลือดนั้นกระตุ้นจนเหล่าบุคคลสำคัญของตระกูลจินเทียนในที่นั้นตัวแข็งทื่อ
ตึง! ตึง!
พวกจินเทียนอู่หงที่รู้ว่าท่าไม่ดีล้วนคุกเข่าลงกับพื้น อ้อนวอนขอชีวิต
“เสวียนเยวี่ย พวกเราคิดแทนคนในตระกูลทั้งบนล่าง ไม่มีทางยอมจำนนต่อเรือนกระบี่ต้าเหิงจริงๆ พวกเรารู้ตัวว่ามีโทษ ไม่ร้องขอให้เจ้ายกโทษ แต่เจ้าโปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วย”
“ใช่แล้ว เสวียนเยวี่ยเจ้ายังจำได้ไหม ข้าเป็นคนชุบเลี้ยงเจ้าจนเติบใหญ่ ตอนเด็กยังเคยสอนเจ้าฝึกวิชามรรคด้วย”
เสียงอ้อนวอนมากมายดังขึ้น
หลินสวินเห็นภาพนี้แล้วส่ายหัว หันหลังเดินออกไปจากโถงใหญ่ “เสวียนเยวี่ย เจ้าจัดการเองเถอะ”
จากนั้นซย่าจื้อกับเสวียนจิ่วอิ้นก็เดินออกไปจากโถงใหญ่เช่นกัน
“แม่นางเสวียนเยวี่ยน่าสงสารจริงๆ ต้องมาเจอคนร่วมตระกูลเช่นนี้” เสวียนจิ่วอิ้นถอนใจเบาๆ
ในใจหลินสวินรู้สึกทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้เช่นกัน
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แค่พูดถึงตัวเขาเองก็เคยผ่านเรื่องแบบเดียวกันมาไม่น้อย
เช่นตอนเยาว์วัยยามเข้าสู่นครต้องห้ามครั้งแรก ยามเขาไปจัดการเรื่องราวภายในตระกูลหลิน
หรืออย่างตอนมุ่งหน้าไปโลกยอดนิรันดร์ สะสางความแค้นในตระกูลลั่ว
แม้แต่ในลัทธิแรกกำเนิดเมื่อปีนั้นก็มีภัยแฝงและปัญหาภายในดำรงอยู่
ในโลกหล้าเรื่องราวเช่นนี้ล้วนเห็นบ่อยจนชินตา
ผ่านไปครึ่งเค่อ จินเทียนเสวียนเยวี่ยเดินออกมาจากโถงใหญ่
“จัดการแล้วหรือ”
เสวียนจิ่วอิ้นอดถามไม่ได้
จินเทียนเสวียนเยวี่ยขานรับว่าอืม มองหลินสวินพลางกล่าว “คุณชาย พวกท่านพ่อบอกว่าอยากขอโทษท่านด้วยตัวเอง แต่ห่วงว่า… ห่วงว่าท่านจะโกรธ ไม่ยอมยกโทษเรื่องเมื่อปีนั้น”
หลินสวินยิ้มเอ่ย “ไม่ต้องทำเช่นนั้น ข้าไม่มีอคติอะไรกับพวกเขา ขอแค่เจ้าคิดว่าอภัยได้ก็พอแล้ว”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยพยักหน้าพลางกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว”
หลินสวินกล่าวเสียงอ่อนโยน “ไม่ต้องคิดมากเกินไป ข้าไม่สนใจเรื่องที่พวกเขาทำเมื่อปีนั้นสักนิด แค่ในใจรู้สึกละอายต่อเจ้ามาตลอด หากเจ้าไม่วางใจเรื่องคนในตระกูลเหล่านี้ รอครั้งนี้ยามข้ากลับไปโลกยอดนิรันดร์ก็พาพวกเขาจากไปด้วยกันได้”
เมื่อปีนั้นจินเทียนเสวียนเยวี่ยเลือกตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเพื่อเขาหลินสวินอย่างเด็ดเดี่ยว ตั้งแต่นั้นมานางก็ติดตามอยู่ข้างกายตนเสมอ ตลอดทางผ่านพายุฝนนองเลือด ไม่เคยกล่าวแค้นเคืองใดๆ ทั้งไม่เคยร้องขออะไรจากตนมาก่อน
นี่จะไม่ให้หลินสวินซาบซึ้งใจได้อย่างไร
ถึงขั้นรู้สึกละอายใจต่อนางอยู่บ่อยครั้ง
เคยเฆี่ยนม้าดีด้วยมึนเมา หวั่นเพียงความรู้สึกทำร้ายหญิงงาม!
“จริงหรือ”
นัยน์ตาจินเทียนเสวียนเยวี่ยเป็นประกาย กล่าวอย่างตื่นเต้นดีใจ
ก่อนหน้านี้นางไม่กล้าร้องขอเรื่องนี้ กลัวว่าในใจหลินสวินจะต่อต้าน แต่ไม่คิดเลยว่าหลินสวินกลับเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาก่อน
หลินสวินยิ้มพลางตบบ่าของนางแล้วกล่าว “เสวียนเยวี่ย ภายหน้าไม่ต้องคาดเดาความคิดของข้าอย่างระมัดระวังเช่นนี้ เจ้าอยากทำอะไร ขอเพียงเป็นสิ่งที่ข้าทำได้ย่อมช่วยเจ้าทั้งสิ้น”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยพยักหน้า ใบหน้างามผุดผ่องเผยรอยยิ้มชวนหลงใหลจากก้นบึ้งหัวใจ กล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว”
เสวียนจิ่วอิ้นที่อยู่ด้านข้างกระวนกระวายใจ เจ้าเข้าใจอะไร กล้าพูดสิ่งที่เจ้าต้องการที่สุดออกมาต่อหน้าหลินสวินตอนนี้ไหมเล่า
น่าเสียดาย จินเทียนเสวียนเยวี่ยไม่ได้ทำเช่นนั้น
ราวกับการที่หลินสวินรับปากว่าจะพาคนตระกูลจินเทียนพวกนั้นจากไปด้วย ทำให้นางรู้สึกยินดีและพอใจหาใดเปรียบแล้ว
เพียงหนึ่งชั่วยามคนทั้งตระกูลจินเทียนถูกเรียกมารวมตัว จัดเตรียมให้อยู่ในสมบัติที่จินเทียนเสวียนเยวี่ยพกติดตัว
สมบัติระดับศาสตรามรรคอมตะรองรับโลกใบเล็กแห่งหนึ่งได้ การพาคนทั้งตระกูลจินเทียนจากไปย่อมมากเกินพอเป็นธรรมดา
แน่นอนว่าสิ่งที่ตระกูลจินเทียนต้องจ่ายให้เรื่องนี้ ก็คือกิจการและอาณาเขตของตระกูลทั้งหมดในเขตแดนดาราจักรพรรดิขาว
แต่ขอเพียงมุ่งหน้าไปโลกยอดนิรันดร์ได้ สำหรับพวกเขาล้วนเรียกว่าเป็นมหาศุภโชคที่เปลี่ยนชะตาชีวิตของตระกูลแล้ว
ที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงคือ เหล่าบุคคลสำคัญของตระกูลจินเทียนอย่างจินเทียนอู่หงล้วนถูกฆ่าตายด้วยโทษทรยศตระกูล
เมื่อทำทุกอย่างนี้เสร็จสิ้น พวกหลินสวินก็เดินทางต่อโดยไม่รอช้าอีก
…
ทะเลกลืนวิญญาณ
ฟ้าสูงเมฆแผ่กว้าง คลื่นใหญ่สุดลูกหูลูกตา
วู้ม…
คลื่นอากาศระลอกหนึ่งสั่นสะเทือน เงาร่างของพวกหลินสวินปรากฏตัวกลางอากาศ
นี่เป็นครั้งที่สามซึ่งหลินสวินเหยียบที่นี่หลังจากผ่านมาหลายปี
“ล้วนเปลี่ยนไปแล้ว…”
หลินสวินรู้สึกได้แทบจะทันที พลังกฎระเบียบฟ้าดินที่พลุ่งพล่านหาใดเปรียบปกคลุมกลางอากาศ แผ่คลื่นพลังชีวิตเก่าแก่ดั้งเดิมชวนตะลึงออกมา
หลินสวินเงยหน้ามองออกไป นั่นคือผู้ฝึกปราณสองขุมอำนาจห้ำหั่นกัน ดูจากสถานการณ์คงสู้กันเพื่อแย่งสิทธิ์ครองเกาะแห่งหนึ่งบนน่านน้ำแถบนั้น
ในการต่อสู้ทั้งสองฝ่ายฆ่ากันจนย้อมน้ำทะเลเป็นสีแดง น่าสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งมีผู้ฝึกปราณไม่น้อยคอยสังเกตการณ์อยู่ไกลๆ ท่าทางเหมือนเคยชินกับเรื่องพวกนี้
“เกรงว่าน่านน้ำแถบนี้คงถูกจัดเป็นอาณาเขตของ ‘หอกระบี่เมฆวารี’ แห่งโลกนิลถ้ำคูหาแล้ว”
“นี่เป็นศึกชิงอำนาจครั้งที่สี่สิบเก้าในช่วงเดือนนี้แล้วกระมัง”
“จะไม่เป็นเช่นนั้นได้อย่างไรเล่า เมื่อข่าวการเปลี่ยนแปลงของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์แพร่สะพัด ขุมอำนาจชั้นยอดทุกฟ้าดาราในโลกพันจักรวาลนี้ล้วนถูกดึงดูดมา”
“คอยดูเถอะ เมื่อเวลาล่วงเลยน่านน้ำใกล้แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ต้องผ่านการล้างไพ่รอบแล้วรอบเล่าแน่ ตอนนี้อย่ามองว่าขุมอำนาจพวกนั้นครองเกาะแห่งหนึ่งได้ ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้ก็อาจถูกคนช่วงชิงไป”
…
พวกหลินสวินได้ยินเสียงวิจารณ์พวกนี้แล้วสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ต่างออกไป
ทะเลกลืนวิญญาณนี้เหมือนกลายเป็นเนื้อชิ้นโตที่ทุกขุมอำนาจห้ำหั่นแย่งชิง ไม่ว่าใครล้วนอยากครองพื้นที่เป็นราชัน ครอบครองน่านน้ำฟากหนึ่ง การต่อสู้และเข่นฆ่าเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน
สถานการณ์นองเลือดโกลาหลเช่นนี้ทำให้ในใจหลินสวินห่วงเหล่าญาติมิตรตระกูลหลินยิ่งกว่าเดิม
“พี่ชาย ขอถามเจ้าหน่อย”
เสวียนจิ่วอิ้นจับตัวชายคนหนึ่งที่กำลังชมดูเรื่องสนุกมาเอ่ยถาม
ชายคนนี้สวมชุดเงิน เป็นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิเช่นกัน ถือเป็นบุคคลชั้นยอดที่อยู่ต่ำกว่าระดับอมตะ เมื่อถูกเสวียนจิ่วอิ้นจับตัว นอกจากทำให้เขาตกใจแล้วยังอดโมโหไม่ได้
แต่เมื่อสบตากับเสวียนจิ่วอิ้น เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว หน้าเปลี่ยนสีทันที กล่าวอย่างถ่อมตนและกระวนกระวาย “ขอถามผู้อาวุโสว่าอยากรู้เรื่องใด”
“ตอนนี้สถานการณ์ของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างไร”
เสวียนจิ่วอิ้นถามตามตรง
ชายชุดเงินรีบร้อนกล่าว “เรียนผู้อาวุโส ทางเข้าแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ยังคงถูกเจ็ดขุมอำนาจใหญ่ยึดครองและปิดผนึก ถึงตอนนี้ผ่านมาหนึ่งปีแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่อาจทะลวงแนวป้องกันของเจ็ดขุมอำนาจใหญ่ได้ กลับเป็นว่าถูกฆ่าจนราบคาบ กระทั่งช่วงนี้ไม่มีใครกล้ามุ่งหน้าไปแล้ว”
“เจ็ดขุมอำนาจใหญ่? เจ็ดขุมอำนาจไหน”
เสวียนจิ่วอิ้นเลิกคิ้ว
ชายชุดเงินกำลังจะตอบก็ถูกหลินสวินที่อยู่ด้านข้างตัดบท “เรื่องพวกนี้ล้วนไม่สำคัญ ข้าขอถามเจ้า หลายปีนี้มีคนบุกเข้าไปในแดนลับดวงกมลของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์หรือไม่”
ชายชุดเงินนัยน์ตาหดรัด กล่าวตกตะลึง “พวกท่านหมายถึงอาณาเขตของสำนักยุทธ์ก่อเกิดหรือ”
หลินสวินกับเสวียนจิ่วอิ้นสบตากันปราดหนึ่ง พยักหน้ากล่าวว่า “ไม่ผิด”
ชายชุดเงินกล่าว “สำนักยุทธ์ก่อเกิดเป็นกระดูกที่ยากจะกัด ตั้งแต่หลายปีก่อนเจ็ดขุมอำนาจใหญ่ก็เคยร่วมมือกันบุกเข้าไปหลายครั้ง แต่ล้วนถูกขวางอยู่นอกแดนลับดวงกมล ได้ยินว่าที่นั่นเป็นอาณาเขตเก่าของสำนักคีรีดวงกมล ยากยึดครองเป็นอย่างยิ่ง จนถึงตอนนี้เจ็ดขุมอำนาจใหญ่ก็ได้แต่มองตาปริบๆ…”
เมื่อแน่ใจว่าแดนลับดวงกมลไม่ถูกทะลวง หลินสวินก็ไม่มีอารมณ์ฟังคำพูดหลังจากนั้นต่อแล้ว ความกังวลในใจเขาสลายไปไม่น้อย
เวลานี้เขาเพิ่งรู้สึกผ่อนคลายเหมือนยกภูเขาออกจากอก
……………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์