Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 2981

ตอนที่ 2981 การเปลี่ยนแปลงของหลินฝาน

ซากคีรีดวงกมล

ตั้งแต่มาแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ครั้งแรกยามยังเยาว์ หลินสวินก็ได้รับมรดกมรรคคาถาที่อาจารย์เจ้าแห่งคีรีดวงกมลทิ้งเอาไว้ที่นี่แล้ว

และเป็นที่นี่เช่นกันที่เขาต่อสู้กับเหล่าผู้กล้าเพียงลำพัง สุดท้ายได้รับมรดกวิชาอริยะยุทธ์ที่ศิษย์พี่ใหญ่ทิ้งเอาไว้

ภายหลังในครั้งที่สองที่หลินสวินเข้ามาที่นี่ เขาเอาชนะศิษย์พี่สี่หลิงเสวียนจื่อด้วยการเดิมพัน และพาอีกฝ่ายออกจากการกำราบชั่วกาล

และตอนนี้เป็นครั้งที่สามที่หลินสวินมาซากคีรีดวงกมล

เพียงแต่เมื่อเทียบกับที่ผ่านมา ที่นี่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว

ประตูภูเขาที่พังทลาย ภาพล่มสลายที่ราวกับซากปรักหักพังไม่มีนานแล้ว แสงมงคลหมอกเทพมากมายพวยพุ่ง ปกคลุมที่แห่งนี้ แฝงกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์อันน่าเกรงขาม

ต้นไม้ใบหญ้าทุกต้นในนั้นล้วนมีกลิ่นอายมหามรรคอันเป็นเอกลักษณ์พลุ่งพล่าน ก้าวเดินอยู่ภายในเหมือนเดินอยู่ในที่พักเทพไท้

เห็นชัดว่าที่นี่ถูกคนบูรณะซ่อมแซม เส้นทางภูเขากว้างขวาง ระหว่างทางปลูกต้นสนต้นไผ่เขียวขจี มีโอสถเก่าแก่ฝังราก กลืนคายแสงมงคล ดอกไม้เซียนขึ้นเป็นจุดๆ งดงามหลากสี บางคราวมีกวางขาวเดินเล่นในทุ่งดอกไม้ วานรวิญญาณประคองท้อท่าทางผ่อนคลาย

หมอกเมฆกลางอบอวล น้ำตกไหลเชี่ยว ทอดสายตามองไป ทุกที่เต็มไปด้วยแสงเร้นลับมหามรรคหนาแน่น ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนสภาวะจิตนิ่งสงบว่างเปล่า ไอรีนโนเวล

เมื่อนานมาแล้วเจ้าแห่งคีรีดวงกมลเคยอธิบายมรรคและถ่ายทอดวิชาที่นี่ เหล่าผู้สืบทอดคีรีดวงกมลเคยฝึกปราณที่นี่ จักจั่นทองตัวนั้นเคยฟังมหามรรคบนภูเขาแห่งนี้ยี่สิบปี

แม้หลินสวินไม่เคยเห็นภาพเหล่านี้ แต่ตอนนี้คิดดูแล้วก็อดปรารถนาไม่ได้

มหามรรคห้าสิบ อุบัติฟ้าสี่สิบเก้า

ส่วนตนก็คือผู้สืบทอดลำดับที่ห้าสิบของคีรีดวงกมล

“ท่านพี่ ฝานเอ๋อร์ฝึกปราณอยู่ในนั้น”

ตรงริมหน้าผา จ้าวจิ่งเซวียนชี้ไปใต้หน้าผา ก็เห็นสระบงกชกลมเกลี้ยงแห่งหนึ่งตั้งอยู่ตรงก้นหุบเหว ตัวสระประกอบด้วยห้าสิบสี่กลีบ ครึ่งหนึ่งใส ครึ่งหนึ่งขุ่น ในสระยังมีกลิ่นอายแรกกำเนิดที่ดั้งเดิมหนาแน่นพลุ่งพล่าน ราวกับภาพยามเบิกฟ้าแยกดินอย่างไรอย่างนั้น

เงาร่างหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนนั้น ยามจมูกปากสูดหายใจเข้าออกล้วนชักนำระลอกคลื่นมหามรรคใกล้เคียง ปลดปล่อยเสียงอึงอลราวกับเสียงลมพายุออกมาเป็นระลอกๆ

ร่างของเขาผอมซูบ หลับตาปิดสนิท พลังขับเคลื่อนรอบตัวสะเทือนไหวพร้อมกับมหามรรค กลายเป็นปรากฏการณ์ประหลาดที่เหลือเชื่อมากมาย มีหุบเหวกลืนกิน เจินหลงท่องทะยาน และมีสุริยันจันทราธารดารา หมื่นลักษณ์ทั่วหล้าลอยผลุบโผล่โคจร

ภาพเช่นนั้นทำให้คนใจสะท้าน

มองอย่างละเอียด นี่เป็นเด็กหนุ่มที่หล่อเหลาคนหนึ่ง เครื่องหน้าชัดเจน ร่างกายเรียกได้ว่าสูงเพรียว ยามฝึกปราณท่าทางเคร่งขรึม บุคลิกราวกับจันทราห้วยภูเขา โดดเด่นละโลกีย์

ชั่วพริบตาสายตาของหลินสวินก็ไม่อาจเคลื่อนออกไปได้อีก อารมณ์พลุ่งพล่าน หลายปีผ่านไป เด็กดื้อคนนั้นกลายเป็นเด็กหนุ่มที่สง่างาม ท่าทางสุขุมสุภาพ มีอุปนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองแล้ว

“ดี ดีจริงๆ…”

หลินสวินพึมพำ ในใจมีทั้งความละอายและมีความดีใจที่ยากปกปิด

ตนผู้เป็นบิดาบกพร่องในหน้าที่เกินไปจริงๆ ไม่เคยอยู่เคียงข้างการเติบโตของลูก ไม่เคยมองดูพัฒนาการบนมหามรรคของเขากับตา ไม่เคยให้ความห่วงใยและชี้แนะใดๆ…

จ้าวจิ่งเซวียนที่อยู่ข้างๆ เผยรอยยิ้มตรงมุมปาก ”ตอนเด็กฝานเอ๋อร์ซนมาก นิสัยเหมือนม้าพยศ เอาแต่ก่อเรื่องจนทั้งบนล่างของตระกูลวุ่นวายกันหมด แม้แต่ผู้อาวุโสเหล่านั้นยังถูกเขารังแกจนหมดปัญญา เป็นปีศาจน้อยป่วนโลกคนหนึ่งชัดๆ แต่พอเขาโตขึ้นนิสัยก็เปลี่ยนไป รู้จักดูแลเอาใจใส่แม่อย่างข้า และยังรู้จักทำเพื่อตระกูล เทียบกับตอนเด็กแล้วเหมือนเป็นคนละคน”

เสียงของนางอ่อนโยน ในน้ำเสียงเผยความปลื้มปริ่มและภาคภูมิใจ

หลินสวินเองก็ยิ้ม จับมือเรียวของนางแล้วเอ่ยว่า “หลายปีมานี้ลำบากเจ้าแล้วจริงๆ”

ดวงตากระจ่างของจ้าวจิ่งเซวียนไหวเคลื่อน พูดด้วยเสียงอ่อนโยน “เมื่อเทียบกับอันตรายและความยากลำบากที่เจ้าเจอ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย” 艾琳小說

ว่าแล้วนางดึงมือกลับมา เตือนเสียงเบา “ซย่าจื่อยังอยู่ เจ้าระวังหน่อย”

หลินสวินขานรับว่าอืม รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

ซย่าจื้อที่อยู่ข้างๆ คล้ายไม่ได้สังเกตถึงบรรยากาศละเอียดอ่อนนั้น สีหน้านิ่งสงบ เพียงมองหลินฝานที่อยู่ใต้หน้าผาเงียบๆ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“ท่านพี่ ข้าเป็นห่วงฝานเอ๋อร์อยู่บ้าง”

จ้าวจิ่งเซวียนพลันเอ่ยว่า “พรสวรรค์ของเขาน่าทึ่งเกินไปจริงๆ ตอนอายุสิบห้าก็ทะลวงธรณีประตูมกุฎมหาจักรพรรดิแล้ว ความเร็วของพัฒนาการถึงขั้นน่าตกตะลึง แข็งแกร่งกว่าเจ้าในตอนนั้นมาก”

“ตอนนั้นข้ากังวลว่าเขาจะทะลวงระดับเร็วเกินไป รากฐานไม่มั่นคง จึงลงมือกำราบพลังปราณของเขาไว้ ลองให้เขาหยุดอยู่ที่เดิมช่วงหนึ่ง แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ ทุกๆ สองสามปีเขาก็จะทะลวงขั้นครั้งหนึ่ง กำราบไม่อยู่จริงๆ…”

พูดพลางหว่างคิ้วของนางก็ปรากฏความกังวล

หากเป็นคนอื่น มีลูกชายที่เรียกได้ว่าปีศาจเย้ยฟ้าเช่นนี้คงยิ้มไม่หุบไปนานแล้ว ดีใจออกหน้าออกตา

แต่สำหรับจ้าวจิ่งเซวียน เส้นทางการฝึกปราณของหลินฝานกลับทำให้นางรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ตลอด

มากไปไม่ดี

การทะลวงระดับเร็วเกินไปใช่จะเป็นเรื่องดี!

หลินสวินได้ยินเช่นนี้หัวคิ้วก็ขมวดเล็กน้อย ด้วยระดับและความสามารถในการแยกแยะของเขาในตอนนี้ ย่อมเข้าใจว่าการทะลวงระดับช้าเกินไปไม่ใช่เรื่องดี เร็วไปก็ไม่ดีเช่นกัน

อย่างศิษย์พี่สี่หลิงเสวียนจื่อ ฉายา ‘เป็นเลิศในหมื่นกาล’ เรียกได้ว่าเป็นปีศาจเย้ยฟ้าคนหนึ่ง ความโดดเด่นของพรสวรรค์ทำให้อาจารย์เจ้าแห่งคีรีดวงกมลยังจำต้องลงมือด้วยตนเองจึงจะกำราบเขาไว้ได้

แต่เมื่อเทียบกับศิษย์พี่สี่ หลินฝานไม่ด้อยกว่าอย่างแน่นอน ถึงขั้นที่จะโดดเด่นยิ่งกว่า!

พลังปราณทะลวงระดับเร็วเกินไป ง่ายต่อความไม่มั่นคงที่สุด สภาวะจิตก็จะเกิดปัญหาได้ง่ายที่สุด

เพราะทุกระดับบนเส้นทางมหามรรคล้วนต้องเคี่ยวกรำสภาวะจิตให้สอดคล้อง มีเพียงทำเช่นนี้จึงจะสามารถสร้างรากฐานมหามรรคที่มั่นคงไร้ใดเปรียบได้

ดูอย่างอาจารย์อาคงเจวี๋ยกับหัวหน้าหอแรกนภาเหยียนจี้ ก็จะรู้ว่าหากสภาวะจิตเกิดปัญหาแล้วจะเป็นเรื่องที่ร้ายแรงเพียงใด

จริงอยู่ว่ามรรคาของหลินฝานในตอนนี้ดูไม่ออกว่ามีข้อบกพร่องอะไร แต่เมื่อพลังปราณของเขาสูงยิ่งขึ้น ยามเผชิญด่านเคราะห์ สภาวะจิตก็ยิ่งเกิดปัญหาได้ง่ายยิ่งขึ้น

“เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเถอะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์