ตอนที่ 3008 มุ่งหน้าไปน่านฟ้าที่เก้า
หอแรกมายา
เขาตำรา ตู๋กูยงกำลังอ่านตำราโบราณนานัปการซึ่งเกี่ยวข้องกับน่านฟ้าที่เก้าร่วมกับหลินสวิน
นี่คือความเคยชินของหลินสวิน
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
“ไม่แปลกที่เผ่าเทพนิรันดร์พวกนี้ยืนหยัดอยู่บนน่านฟ้าที่เก้าได้ถึงปัจจุบัน”
ครู่ใหญ่หลินสวินวางตำราโบราณในมือลง กล่าวทอดถอนใจออกมา
เผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูล ยามแข็งแกร่งล้วนมียอดบุคคลขั้นไร้ขอบเขตซึ่งเคยข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพดูแล!
แต่เมื่อเวลาผันผ่าน โดยเฉพาะในไม่กี่ปีมานี้ ด้วยสังเกตเห็นภัยคุกคามจากเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ ระดับนิรันดร์ขั้นสรรสร้างและขั้นไร้ขอบเขตในเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลนั้นล้วนทยอยจากไปแล้ว มุ่งหน้าไปยังแหล่งสถานคุนหลุน
ตอนนี้ในเผ่าเทพนิรันดร์แต่ละตระกูลเหลือแค่ระดับนิรันดร์ขั้นล่วงกฎสองถึงสามคนดูแล
ดูเหมือนด้อยกว่าแต่ก่อนมาก
แต่ต้องรู้ว่านั่นเป็นถึงระดับนิรันดร์! กวาดสายตามองทั่วโลกยอดนิรันดร์ มีสักกี่คนที่สั่นคลอนฐานะของพวกเขาได้
พูดอย่างไม่เกินจริง ก่อนหลินสวินแจ้งมรรคนิรันดร์ล้วนหาไม่ได้สักคน!
“เจ้าคิดไปน่านฟ้าที่เก้าจริงหรือ”
ตู๋กูยงกังวลอยู่บ้าง “ยังไม่พูดถึงเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพนั่น แค่รากฐานกับกำลังพลที่เผ่าเทพนิรันดร์พวกนั้นมีก็แข็งแกร่งถึงขีดสุด อย่างน้อยในยุคสมัยนี้จนปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสั่นคลอนพวกเขาได้สักคน”
“ก่อนหน้านี้พวกเขามีระดับนิรันดร์ขั้นไร้ขอบเขตบัญชาการ แน่นอนว่าย่อมไม่มีใครสั่นคลอนได้ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว”
หลินสวินกล่าวง่ายๆ
ตู๋กูยงนึกถึงศึกใหญ่ที่เกิดขึ้นบนทะเลหมื่นดาราเมื่อหลายวันก่อนแล้วอดเงียบไปไม่ได้
คิดดูแล้วก็ใช่ เผชิญหน้าการล้อมโจมตีจากระดับนิรันดร์เก้าคน หลินสวินยังสามารถเย้ยฟ้าดิน ซัดพวกเขาร่วงหล่นทั้งหมดได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ในขั้นล่วงกฎใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินได้อีก
หลินสวินไม่ได้บอกตู๋กูยง ว่าครั้งนี้เขาจะไปน่านฟ้าที่เก้าด้วยมีเป้าหมายอื่นอีก ไอรีนโนเวล
นั่นก็คือตรวจสอบว่าปีนั้นหลังอาจารย์เจ้าแห่งคีรีดวงกมลไปถึงน่านฟ้าที่เก้า เขาเจอกับอะไรกันแน่ ทำไมผู้คนถึงคิดว่าเขาประสบเคราะห์บนน่านฟ้าที่เก้าแล้ว
วันนั้นหลินสวินเตรียมพร้อม และตัดสินใจจากแดนแรกเริ่มไป
ก่อนจากเขาไปพบจ้าวจิ่งเซวียนกับซย่าจื้อ จากนั้นค่อยทิ้งกายมรรควารีดำไว้ดูแลลัทธิแรกกำเนิด ส่วนร่างต้นของเขาก็พาสี่กายมรรคอื่นจากไปด้วยกัน
…
จากอดีตเรื่อยมาจนปัจจุบัน น่านฟ้าที่แปดมีทางเชื่อมต่อไปยังน่านฟ้าที่เก้าตลอด
แต่เพราะเคราะห์แห่งยุคสมัยใกล้มาเยือน เผ่าเทพนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าจึงปิดทางพวกนี้ไปนานแล้ว
แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ไม่ยากเกินมือหลินสวิน
หรือกล่าวได้ว่าไม่ยากเกินมือระดับนิรันดร์
ปราการระหว่างเขตแดนควบรวมจากกฎระเบียบฟ้าดินเสมอ สามารถขวางใครก็ตามที่อยู่ต่ำกว่าระดับนิรันดร์ได้
แต่ระดับนิรันดร์เป็นข้อยกเว้น
ด้วยระดับนี้เริ่มครอบครองและควบคุมกฎระเบียบฟ้าดินแล้ว ต่อให้ทางเชื่อมต่อระหว่างน่านฟ้าพวกนั้นถูกปิดผนึก ก็ใช้พลังของตนไปทำลายผนึกพวกนี้ได้!
ด้วยเหตุนี้หลินสวินจึงเดินทางไปน่านฟ้าที่แปดทันที
ระหว่างทางเขารู้สึกได้อย่างฉับไวว่าพลังของกฎระเบียบฟ้าดินคงอยู่ทุกแห่งหนจริงๆ ทำให้ตนรู้สึกว่าถูกจำกัดมือเท้า เหมือนตกอยู่ในบ่อโคลน
ทั้งหลินสวินยังสงสัยนักว่าหากตนใช้พลังระดับนิรันดร์เข้าจริงๆ ยามเยื้องย่างอย่างสบายอารมณ์ เกรงว่าคงเหยียบห้วงอากาศแหลกละเอียด ทำให้ฟ้าดินแห่งหนึ่งจ่อมจมได้!
แน่นอนว่าหากกฎระเบียบฟ้าดินสังเกตเห็นภัยคุกคาม ย่อมเกิดการตอบโต้ตั้งแต่พริบตาแรกแน่ แม้ว่าพลังนั้นถูกต้านทานและสลายได้ แต่กลับทำลายมรรควิถีของระดับนิรันดร์
นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมร่างต้นของระดับนิรันดร์ถึงปรากฏตัวบนโลกน้อยนัก
เหมือนตอนเกิดศึกใหญ่บนทะเลหมื่นดารา หากไม่ใช่ว่ามีระเบียบวัฏจักรฟ้ากับระเบียบปฐมป้องกันสองชั้น ย่อมนำมาซึ่งพลังสะท้อนกลับจากกฎระเบียบฟ้าดินแน่
ถึงตอนนั้นไม่ว่าหลินสวินหรือพวกเจียหนาน ย่อมต้องโดนพลังสะท้อนกลับจากกฎระเบียบฟ้าดิน
ดังนั้นครั้งนี้ยามหลินสวินก้าวเดินจึงจำต้องกำราบกลิ่นอายและพลังทั้งหมดของตนเข้าไปในร่าง ใช้แค่พลังระดับอมตะ
หลังจากนั้นครู่ใหญ่หลินสวินมาถึงน่านฟ้าที่แปด
ภูเขาเทพจันทร์กระจ่าง เดิมที่นี่เป็นอาณาเขตของตระกูลตงหวงหนึ่งในสิบยักษ์ใหญ่อมตะ
แต่ปีนั้นยามหลินสวินคนเดียวเหยียบทำลายสิบยักษ์ใหญ่อมตะทีละแห่ง ถึงตอนนี้ภูเขาเทพจันทร์กระจ่างถูกเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลเซียวยึดครองนานแล้ว
แน่นอนว่าภูเขาเทพจันทร์กระจ่างไม่มีระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าอีก ต่อให้มีขุมอำนาจยึดครองที่นี่ก็ไม่อาจเติบโตเป็นสิบยักษ์ใหญ่อมตะเหมือนตระกูลตงหวงได้
ยามดึกภูเขาเทพจันทร์กระจ่างมีแสงไฟสว่างไสว
ในโถงใหญ่ของตระกูล ผู้นำตระกูลเซียวฉางคงกำลังชื่นชมยอดหญิงงามกลุ่มหนึ่งร่ายรำพลิ้วไหว แต่ละคนสวมชุดผ้าโปร่ง เผยผิวเย้ายวนเป็นระยะ ท่าทางอ้อนแอ้น มีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง
หญิงงามพวกนี้ล้วนเป็นสาวงามที่มีเสน่ห์โดยกำเนิด พลังปราณไม่ธรรมดา ใช้เสน่ห์ทั้งตัวผสานรวมการร่ายรำ หากคนทั่วไปมาเห็นคงถูกดึงดูดจนลุ่มหลงนานแล้ว
เซียวฉางคงยิ้มตาหยี ท่าทางลุ่มหลงเต็มประดา
แต่ถ้ามองโดยละเอียดนัยน์ตาเขาไม่ฟุ้งซ่านแม้แต่น้อย เยียบเย็นลุ่มลึก ไม่ต้องสงสัยว่าการเป็นผู้นำตระกูลหนึ่ง ทั้งยึดครองแดนมงคลอย่างภูเขาเทพจันทร์กระจ่างได้ เซียวฉางคงย่อมไม่ใช่คนทั่วไปแน่
ทันใดนั้นนัยน์ตาเซียวฉางคงพลันหดรัด
ด้วยสาวงามที่กำลังขับร้องร่ายรำพวกนั้นเหมือนต้องมนต์ นิ่งงันอยู่จุดเดิมไม่ขยับ
ขณะเดียวกันเงาร่างสูงตระหง่านหนึ่งเดินเข้ามา
เซียวฉางคงผุดลุกขึ้นกล่าว “ผู้มาเป็นใคร ทำไมบุกรุกตระกูลเซียวของข้ายามวิกาล หากมีเรื่องล่วงเกินโปรดชี้แจง ข้าคนแซ่เซียวย่อมชดเชยเป็นสิบเท่าร้อยเท่า”
ผู้มาเยือนย่อมเป็นหลินสวิน เขากล่าวลวกๆ “ถือว่าเจ้าเป็นคนฉลาด เช่นนั้นก็จัดการได้ง่ายแล้ว ตั้งแต่วันนี้ไปข้าต้องยืมสถานที่นี้ชั่วคราว”
เขาผนึกดารา หนึ่งในเขาเทพนิรันดร์ที่เผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางครอบครอง
ส่วนลึกของที่นี่ซ่อนสายแร่ขนาดใหญ่ไว้ มีเจตวัตถุอมตะชนิดหนึ่งนามว่า ‘เหล็กดาราเงินโลหิต’ มูลค่าชวนตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกันในเขาผนึกดาราก็มีอุโมงค์มิติเชื่อมต่อไปยังน่านฟ้าที่แปด มีเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางควบคุมดูแลเช่นกัน
จากเขาผนึกดาราถึง ‘เขาเทพตะวันไพศาล’ อาณาเขตเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางอยู่ห่างกันราวแปดแสนลี้ สำหรับผู้ฝึกปราณทั่วไปแน่นอนว่าห่างไกลมาก
แต่สำหรับระดับนิรันดร์ ชั่วขณะเดียวก็ไปถึง
หลายปีมานี้ผู้ดูแลควบคุมเขาผนึกดาราคือผู้อาวุโสระดับอมตะขั้นดับเทพคนหนึ่งของเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยาง นามว่าหยางซั่วหง
มีผู้แข็งแกร่งภายใต้การดูแลมากนับพัน ประจำการอยู่ที่นี่โดยเฉพาะ คอยดูแลการสกัดเจตวัตถุอมตะอย่างเหล็กดาราเงินโลหิต
แน่นอนว่าคนตระกูลหยางไม่มีทางทำงานสกปรกเปลืองแรงเช่นนี้ ผู้ที่ไปขุดแร่ในส่วนลึกของเขาผนึกดาราที่แท้จริงคือทาสซึ่งถูกตระกูลหยางจับมา
อย่ามองว่าเป็นทาส ผู้อ่อนแอที่สุดก็มีมรรควิถีระดับอริยะ ผู้แข็งแกร่งยิ่งเป็นบุคคลระดับจักรพรรดิ
เหตุผลนั้นง่ายมาก ในส่วนลึกของเขาผนึกดาราเต็มไปด้วยปราณสกปรกซึ่งอันตรายหาใดเปรียบ พวกที่พลังปราณอ่อนแอเข้าใกล้ไม่ได้แต่แรก แน่นอนว่าไม่มีทางขุดเหล็กดาราเงินโลหิตได้เช่นกัน
ต่อให้ระดับอมตะมุ่งหน้าไป นานเข้ามรรควิถีแห่งตนก็จะถูกปราณสกปรกนั้นกัดกร่อน
ด้วยเหตุนี้สำหรับเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยาง วิธีง่ายที่สุดก็คือให้ทาสซึ่งถูกจับมาพวกนั้นไปขุดแร่ เช่นนี้ต่อให้ตายไปก็ไม่ปวดใจ
เวลานี้ส่วนลึกในทางเหมืองหนึ่งในนั้น
เสียงตวาดเดือดดาลหนึ่งดังขึ้น “เจ้าคนชั้นต่ำ! ถ้ากล้าหนีอีกข้าจะตัดขาเจ้า!”
“ตาม ใครตามจับคนชั้นต่ำนั่นได้ ข้าจะยกแกนเทพอมตะให้พันชั่ง!”
ก็เห็นผู้แข็งแกร่งเสื้อผ้ามอมแมมเหมือนเทพดุอสูรร้ายกลุ่มหนึ่งห้อตะบึงในทางเหมืองมืดมิด
ส่วนลึกทางเหมืองเชื่อมผ่านถึงกันเหมือนใยแมงมุม เส้นทางมากมายเชื่อมต่อไปยังสถานที่ต่างๆ
บนเส้นทางหนึ่งในนั้นมีร่างผอมบางหนึ่งกำลังวิ่งหนีโซเซ
นี่คือหญิงสาวคนหนึ่ง เศษฝุ่นติดตัวเต็มไปหมด บนผิวหนังเปี่ยมด้วยรอยแส้ชุ่มเลือดชวนประหวั่น ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนฟางข้าว
สีหน้านางตื่นตระหนก ขบฟันแน่นกรอด
แต่ไม่นานนางก็สิ้นหวัง
ด้วยทางข้างหน้าคือผนังหินหนาทึบ ไม่มีทางออกใดอีก
“ไม่ ไม่นะ!”
หญิงสาวเหมือนคลุ้มคลั่ง กระหน่ำโจมตีผนังหินนั้นเต็มกำลัง แต่กลับทำลายได้แค่เศษหินบางส่วน ผนังหินนั้นไม่มีสัญญาณว่าจะถูกซัดทลายโดยสิ้นเชิง
ส่วนด้านหลังเสียงตะโกนเซ็งแซ่กำลังเข้ามาใกล้ช้าๆ เห็นชัดว่าเหล่าผู้ตามล่านั้นใกล้เข้ามาแล้ว…
…………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์