Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 3019

สรุปบท ตอนที่ 3019 มุ่งหน้าไปตระกูลจี้: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปตอน ตอนที่ 3019 มุ่งหน้าไปตระกูลจี้ – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

ตอน ตอนที่ 3019 มุ่งหน้าไปตระกูลจี้ ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 3019 มุ่งหน้าไปตระกูลจี้

ครึ่งเดือน

ทะลวงต่อเนื่องจากขั้นล่วงกฎขั้นต้นสู่ขั้นล่วงกฎขั้นปลาย!

หากความเร็วในการเลื่อนขั้นเช่นนี้กระจายออกไป เกรงว่าต้องทำให้เฒ่าชราระดับนิรันดร์พวกนั้นงุนงงแน่

ในหมู่พวกเขา ใช้เวลาไม่รู้กี่หมื่นปีหลอมชำระตนเอง อาจจะทำได้เพียงเพิ่มพลังปราณขึ้นหนึ่งขั้นเล็ก

แต่หลินสวินกลับดีนัก ครึ่งเดือนก็ทะลวงขั้นเล็กได้สองขั้นต่อเนื่อง!

กระทั่งตัวหลินสวินเองยังอึ้งงันอยู่บ้าง

พลังปราณพัฒนาเร็วไปแล้วจริงๆ!

ก่อนมาน่านฟ้าที่เก้า เขาไม่เคยคิดสักนิดว่าจะทะลวงขั้นล่วงกฎได้สองขั้นเล็กในเวลาครึ่งเดือน

แต่พอนึกถึงสมบัติที่ตนเสียไปในช่วงครึ่งเดือนนี้ ความตื่นเต้นในใจหลินสวินก็สงบลงทันที

ทรัพยากรฝึกปราณของระดับนิรันดร์ที่เผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางสั่งสมมาไม่รู้กี่ปี ถูกตนใช้หมดไปสามส่วนในเวลาสั้นๆ เพียงครึ่งเดือน!

นี่เป็นสิ่งที่ขั้นล่วงกฎคนอื่นไม่มีทางได้ใช้อยู่แล้ว!

ถึงอย่างไรต่อให้เปลี่ยนเป็นเผ่าเทพนิรันดร์ ก็เพราะมีระดับนิรันดร์อยู่มากมาย ใครจะเอาทรัพยากรฝึกปราณหายากยิ่งยวดมากมายขนาดนี้มาทุ่มให้คนเพียงผู้เดียว

พูดได้ว่าสำหรับหลินสวินแล้ว การถอนรากถอนโคนตระกูลหยางคราวนี้ก็เท่ากับชิงเอาศุภโชคเย้ยฟ้ามาได้อย่างหนึ่ง

เป็นเพราะทรัพยากรที่ตระกูลหยางสะสมมาเหล่านี้ ทำให้หลินสวินได้ชุบมือเปิบ นำมาฝึกปราณและเลื่อนขั้นอย่างรวดเร็วได้…

‘ด้วยพลังปราณของข้าในตอนนี้ พลังต่อสู้ที่มีเพิ่มขึ้นจากสมัยอยู่ขั้นล่วงกฎขั้นต้นประมาณหนึ่งเท่า!’

หลินสวินสงบใจสัมผัสความเปลี่ยนแปลงในพลังของตน ‘แต่คิดจะทะลวงขั้นสัมบูรณ์กลับอาศัยเพียงสมบัติไม่ได้’

หลินสวินตระหนักได้ว่าสิ่งที่ตนต้องทำต่อไปก็คือตกตะกอนและสร้างความมั่นคงให้กับมรรควิถี เช่นนี้จึงจะขัดเกลาพลังปราณที่สมบูรณ์ถึงขีดสุดได้

ฟู่…

หลินสวินพ่นลมหายเฮือกหนึ่ง เริ่มตั้งใจหยั่งรู้ห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์

ห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เป็นตัวแทนพลังต้นกำเนิดกฎระเบียบของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ห้าชนิด ได้แก่แปรโลหิต แปรร่าง แปรมรรค แปรศาสตราและแปรวิญญาณ

แต่ละชนิดเรียกได้ว่าเป็นดั่งสิ่งต้องห้าม พุ่งเป้าไปที่ผู้แข็งแกร่งที่มีมรรควิถีทุกคนบนโลก สามารถสลายพลังเลือดลม พลังปราณ พลังมหามรรค พลังวิญญาณ และพลังศาสตราบริสุทธิ์ที่พวกเขามีทั้งหมดเป็นพลังต้นกำเนิดมหามรรคที่ดั้งเดิมที่สุด

นี่เป็นสิ่งที่หลินสวินสัมผัสได้อย่างลึกซึ้งตั้งแต่สมัยอยู่แดนฝังมรรคในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์

ถึงขั้นที่จากคำพูดของศิษย์พี่สี่หลิงเสวียนจื่อ สาเหตุที่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ไม่มีทางถูกผู้บงการหลังม่านนั่นควบคุมก็เพราะแดนฝังมรรค

และแกนกลางต้นกำเนิดของแดนฝังมรรคก็อยู่ที่กฎระเบียบต้นกำเนิดห้าชนิดนี้!

ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ขอเพียงเป็นระดับนิรันดร์ที่ตายในแหล่งสถานคุนหลุนในยุคก่อน ศพและพลังที่พวกเขาหลงเหลือไว้จะถูกกำราบไว้ในแดนฝังมรรคทั้งหมด ก่อนเคราะห์แห่งยุคสมัยครั้งหน้าจะมาเยือน ซากศพและพลังของระดับนิรันดร์เหล่านี้จะถูกแปลงเป็นพลังชีวิตมหามรรคบริสุทธิ์ดั้งเดิมที่สุดคืนสู่ทั่วหล้า…

จากจุดนี้แค่คิดก็รู้ว่าห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งปานไหน!

และตอนนี้ หลินสวินมีคุณสมบัติหยั่งรู้ห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์แล้ว มิหนำซ้ำเขาที่มีนัยเร้นลับนิพพานอยู่ ยามหยั่งรู้กฎระเบียบห้าชนิดนี้ก็ย่อมง่ายดายและสบายกว่าคนอื่นมาก

กาลเวลาผันผ่าน

เวลาสามเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ราตรีดุจน้ำหมึก ในเขาเทพตะวันไพศาลหลินสวินตื่นจากการนั่งสมาธิ

นัยเร้นลับห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ถูกเขาผสานเข้าไปในกฎเกณฑ์นิรันดร์ในร่างตนทั้งหมดแล้ว แม้จะยังไม่ได้หยั่งรู้นัยเร้นลับเหล่านี้ถึงขีดสุดทั้งหมด แต่ใช้ต่อสู้ก็ไม่เป็นปัญหา!

หลังจากครอบครองห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ หลินสวินก็เกิดความรู้สึกอย่างหนึ่ง ราวกับว่าขอเพียงตนหยั่งรู้พลังกฎระเบียบต้นกำเนิดห้าชนิดนี้ถึงขีดสุดแล้ว อาจถึงขั้นไปครอบครองและควบคุมแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างแท้จริง

กลายเป็นนายเหนือหัวของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์!

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความรู้สึกของหลินสวินในตอนนี้

‘ได้เวลาเคลื่อนไหวแล้ว…’

หลินสวินพ่นลมหายใจยาวแล้วลุกขึ้นยืน

ผ่านไปสามเดือนกว่าแล้วตั้งแต่เขาฝึกปราณในเขาเทพตะวันไพศาล

ตอนนี้มรรควิถีทั้งร่างเขาเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าพลิกดิน ทำให้เขานั่งไม่ติดอีก ตัดสินใจว่าวันนี้จะไปเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลจี้!

อาณาเขตที่เผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลจี้ยึดครองห่างไกลจากเขาเทพตะวันไพศาลมากนัก ถ้ามุ่งหน้าไปด้วยการเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ ต่อให้เป็นระดับนิรันดร์ก็ต้องเดินทางประมาณสามวัน

แต่หลินสวินรู้แล้วว่าในเขาเทพตะวันไพศาลแห่งนี้ก็มีกระบวนค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณอยู่กระบวนหนึ่ง สามารถไปอาณาเขตที่เผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลจี้ยึดครองอยู่ได้ในเวลาอันสั้นที่สุด

ก่อนจากไปหลินสวินมาที่นอกประตูเขาเทพตะวันไพศาล

“เจ้าดูสิ เผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางประสบเคราะห์ไปแล้ว”

ใต้ท้องฟ้ายามราตรี เมื่อหลินสวินชูมือขยับโบก เงาร่างชิงเฉียนเสวี่ยก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศแล้ว

ยามได้ยินคำพูดของหลินสวิน ชิงเฉียนเสวี่ยอึ้งงัน “ประสบเคราะห์แล้วหรือ”

“ที่นี่ก็คือเขาเทพตะวันไพศาล แต่อีกเดี๋ยวข้าจะหลอมแล้วเอามันไปด้วย”

หลินสวินอธิบายอย่างจริงจัง “หรือพูดอีกอย่างก็คือ ภายหน้าในน่านฟ้าที่เก้าแห่งนี้จะไม่มีเขาเทพตะวันไพศาลกับเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางอีก”

ชิงเฉียนเสวี่ยตาเบิกกว้าง นางตะลึงงันอยู่ตรงนั้น ยังไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง

ครู่ใหญ่นางถึงเอ่ยเสียงสั่นว่า “นะ… นี่เป็นเรื่องจริงหรือ”

สำหรับนางแล้ว วันนี้ก็เหมือนกับความฝัน

เริ่มจากได้พบกับหลินสวินในส่วนลึกของเหมืองแร่ รอดชีวิตจากความตาย จากนั้นก็เห็นผู้แข็งแกร่งของเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางที่ปกครองเหมืองแร่ในเขาผนึกดาราเหล่านั้นตายสิ้นทั้งขบวน

จนกระทั่งในคืนนี้ ยามได้เห็นเขาเทพตะวันไพศาลตรงหน้า ได้ยินหลินสวินพูดว่าเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางประสบเคราะห์…

นางจะรับไหวในชั่วขณะเดียวได้อย่างไร

ชั่วขณะหนึ่งขุมอำนาจไม่รู้เท่าไรเริ่มเคลื่อนไหว พุ่งทะยานมายังเขาเทพตะวันไพศาลแห่งนี้

จากนั้นก็ได้เห็นภาพอันน่าเหลือเชื่อ…

บนผืนดินกว้างใหญ่นั้นว่างเปล่า ไม่มีเงาของเขาเทพตะวันไพศาลอีกต่อไป!

“เป็นไปได้อย่างไร… หลังจากการต่อสู้ครั้งนั้นปิดฉากไปเมื่อสามเดือนก่อน เขาเทพตะวันไพศาลยังอยู่ กฎระเบียบตะวันไพศาลก็ยังอยู่ เหตุใดชั่วขณะเดียวก็หายไปแล้วล่ะ”

ผู้คนไม่น้อยตกตะลึงอ้าปากค้าง งุนงงไปหมดแล้ว

“หรือเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางจะถูกคนถอนรากถอนโคนไปแล้วจริงๆ”

หลายคนสั่นไปทั้งตัว สะท้านสะเทือนจนขวัญหาย ต่างไม่อาจเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง

ถึงอย่างไรอำนาจของเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางก็ฝังลึกอยู่ในใจของผู้คนทั่วหล้ามาไม่รู้กี่ปี ไม่มีใครเชื่อว่าขุมอำนาจใหญ่โตเช่นนี้จะถึงกับล่มสลายไปในคืนนี้

นี่น่าเหลือเชื่อเกินไป!

และหลังข่าวนี้กระจายกลับไป ถูกขุมอำนาจต่างๆ ในพื้นที่กว้างใหญ่นี้ล่วงรู้ ก็เหมือนก่อพายุขึ้นลูกหนึ่ง

“เร็วเข้า รีบไปกระจายข่าวว่าเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางประสบเคราะห์แล้ว!”

มีคนตื่นเต้นจนแทบคลั่ง

“สวรรค์ นี่ฟ้าจะเปลี่ยนหรือ นั่นคือเผ่าเทพนิรันดร์เชียวนะ ถูกเรียกว่าเป็นตัวตนที่ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ ไม่อาจสั่นคลอน ทำไมถึง…”

มีคนอกสั่นขวัญหาย ไม่อาจคิดว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร

“ตกลงเป็นฝีมือใครกันแน่”

มีคนหวาดผวา เดาไม่ถูกว่าทั่วหล้าในตอนนี้เป็นใครที่ลงมือกันแน่ ถึงได้ทำลายเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางได้ในชั่วข้ามคืน

“ฮ่าๆๆๆ ในที่สุดกรรมก็ตามสนองตระกูลหยางแล้ว! ทุกคน ได้เวลาล้างแค้นแล้ว!”

มีคนดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง

คืนนี้ในพื้นที่กว้างใหญ่ซึ่งเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางครอบครอง ตกอยู่ในความโกลาหลและปั่นป่วนโดยสมบูรณ์ คลื่นใต้น้ำผุดขึ้นใต้ท้องฟ้ายามราตรีไม่รู้เท่าไร

คาดการณ์ได้ว่าเมื่อข่าวที่ว่าเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยางล่มสลายกระจายออกไปไม่หยุด ต้องเกิดคลื่นลมนับไม่ถ้วนขึ้นแน่!

และคนตระกูลหยางที่กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ เหล่านั้นก็ย่อมไม่มีทางอยู่เย็นเป็นสุขได้แล้ว…

แน่นอนว่าความวุ่นวายเช่นนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น

การล่มสลายของเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหนึ่งย่อมไม่มีทางส่งผลกระทบกับพื้นที่เพียงแห่งเดียว แต่จะกระทบไปทั้งน่านฟ้าที่เก้า หรือแม้กระทั่งสถานการณ์ของทั้งโลกยอดนิรันดร์!

เรียกว่า ‘ฟ้าเปลี่ยน’ ก็ยังไม่เกินไป!

และในคืนที่ข่าวเพิ่งกระจายออกไปนี้เอง หลินสวินก็จากไปด้วยกระบวนค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ เดินทางสู่เผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลจี้แล้ว

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์