ตอนที่ 3061 อิงซานอิง
เพราะก่อนหน้านี้ถูกโจมตี หลินสวินบาดเจ็บสาหัสมาก ร่างกายแตกหัก เลือดไหลเต็มตัว
แต่เมื่อเทียบกับบาดแผลเหล่านี้ การจับพลังจิตของเงาร่างสีทองนั่นให้ได้สำคัญกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย!
สวบ!
เงาร่างของเขาเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งทะยานออกไป
ที่เหนือความคาดหมายของหลินสวินก็คือพลังจิตของเงาร่างสีทองราวกับยอมแพ้อย่างสิ้นเชิงแล้ว ไม่มีความคิดจะต้านทาน ถูกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกำราบโดยตรง
ง่ายดายจนทำให้หลินสวินอดอึ้งไม่ได้
การหายไปของเมฆาเคราะห์สร้างความกระทบกระเทือนต่อเงาร่างสีทองนี้มากเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย!
แต่หลินสวินคร้านจะสนใจว่าในใจอีกฝ่ายคิดอย่างไร เขาถอนหายใจยาว ทอดสายตามองรอบๆ ผ่อนคลายลงทั้งตัว
“ในที่สุดก็จบลงแล้ว…”
หลินสวินถอนหายใจเบาๆ
ตอนนี้ฟ้าดารากว้างใหญ่ไพศาลนี้ทรุดทลายไปนานแล้ว พังพินาศทั้งหมด ไร้ซึ่งคลื่นชีวิตแม้แต่เสี้ยวเดียว
มีเพียงเมืองเทพศุภโชคตั้งตระหง่านอยู่ในห้วงอากาศพังพินาศ ดูสะดุดตาผิดปกติ และทำให้คนรู้สึกวางใจหาใดเปรียบ
หลินสวินมองไปบนห้วงอากาศเหนือเมืองเทพศุภโชคตามจิตใต้สำนึก ที่นั่นปกคลุมด้วยหมอกที่คลุมเครือปานม่านนภาชั้นหนึ่ง และลายธารก็พิทักษ์อยู่ในนั้น
ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว ยอดบุคคลเฉินซีสร้างเมืองนี้ขึ้นเองกับมือ ทั้งทิ้งลายธารพิทักษ์ที่แห่งนี้ หนึ่งเพื่อปกป้องพลังต้นกำเนิดศุภโชค สองเพื่อต้านทานอานุภาพของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ
อย่างพวกอู๋ยาง หลายปีมานี้ฝึกปราณอยู่ในเมืองมาโดยตลอด ไม่เคยถูกเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพโจมตี
และวันนี้ในฟ้าดาราเหนือเมืองเทพศุภโชคนี้ ลายธารก็สำแดงประโยชน์ในการโจมตีระฆังแรกปฐมที่แปลกประหลาดอัปมงคลนั่นจนถอยไป!
เท่ากับช่วยชีวิตหลินสวินอ้อมๆ!
“ขอบคุณมาก”
หลินสวินประสานหมัดจากไกลๆ
จากนั้นเขาหมุนตัวมุ่งหน้าไปยังเมืองเทพศุภโชค
……
ยอดเขาราตรีสงัด
จนกระทั่งเห็นหลินสวินปรากฏในสายตา พวกอู๋ยางจึงเหมือนตื่นจากฝัน ได้สติจากความตะลึงลึกล้ำนั่น
ทันใดนั้นในใจพวกเขากระเพื่อมไหว ล้วนพูดไม่ออก
วันนี้พวกเกาหยางไหว เจียงเถานำกำลังพลอันแข็งแกร่งอย่างระดับนิรันดร์จากเผ่าเทพหลากตระกูลมาเยือน
ภาพนี้สามารถทำให้ทุกคนบนโลกสิ้นหวังได้
แต่เมื่อหลินสวินปรากฏตัว กลับใช้กำลังของตนคนเดียวกวาดล้างขั้นล่วงกฎนับร้อย กำจัดเฒ่าดึกดำบรรพ์ขั้นสรรสร้างสิบเก้าคน เผยความองอาจไร้เทียมทานที่โดดเด่นที่สุดตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน!
แต่ยังไม่รอให้คนดีใจ เคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพก็มาเยือนกะทันหัน…
ไม่มีใครคิดว่าหลินสวินจะเลือกปะทะกับเคราะห์นี้
ยิ่งไม่มีใครคิดว่าในการต่อสู้กับเงาร่างสีทอง หลินสวินที่บาดแผลเต็มตัวกลับสามารถฟันร่างของอีกฝ่ายด้วยกระบี่เดียวในช่วงสุดท้ายได้!
แต่นี่ยังไม่จบ
ยามระฆังแรกปฐมปรากฏจากวังวนเมฆาเคราะห์ ทุกคนต่างสิ้นหวัง ในใจเต็มไปด้วยความขมขื่นและหดหู่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่ปาฏิหาริย์กลับเกิดขึ้น พวกเขาไม่ตาย หลินสวินเองก็ไม่ตาย ระฆังแรกปฐมที่ทำให้คนสิ้นหวังนั่นถูกโจมตีจนถอยกลับไป!
ทั้งหมดนี้นำพาความตะลึงและแรกสะเทือนมาให้อย่างยิ่งใหญ่
จนกระทั่งตอนนี้เห็นหลินสวินกลับมา พวกเขาถึงขั้นรู้สึกเหมือนฝันไป แต่ละคนสีหน้างุนงง จิตใจไม่สามารถสงบได้
แต่หลินฝานและซูไป๋กลับนิ่งสงบมาก
เพราะหลังจากเงาร่างสีทองนั่นปรากฏตัว การรับรู้ทั้งหมดของพวกเขาก็ถูกบดบัง แม้แต่ตัวพวกเขายังถูกพวกอู๋ยางคุ้มกัน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
คำว่า ‘ผู้ไม่รู้ย่อมไม่กลัว’ ก็เป็นเช่นนี้
ทว่าก่อนหน้านี้ทั้งสองเห็นภาพที่หลินสวินกวาดล้างระดับนิรันดร์ทั้งกลุ่ม เมื่อเห็นหลินสวินปรากฏตัวตรงหน้าพร้อมบาดแผลเต็มตัว จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าแม้แต่เคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพนั่นก็ทำอะไรหลินสวินไม่ได้
“ท่านพ่อ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”
หลินฝานทั้งตื่นเต้นทั้งกังวล ส่งเสียงเป็นคนแรก
ซูไป๋เองก็กังวลมาก
ร่างกายหลินสวินบาดเจ็บ เลือดเต็มตัว จะไม่ให้เป็นห่วงได้อย่างไร
“ไม่เป็นไร”
หลินสวินยิ้มน้อยๆ เมื่อแสงมรรคแผ่ออกรอบตัว ร่างกายและบาดแผลที่แตกหักสมานกันทั้งหมด แน่นอนว่านี่เป็นเพียงแค่บาดแผลภายนอก
ในการต่อสู้ครั้งนี้ทำให้หลินสวินได้รับบาดเจ็บภายในเช่นกัน แม้ไม่ถึงกับอันตรายถึงชีวิตแต่ก็รุนแรงไม่น้อย โชคดีที่หลินสวินไม่ขาดโอสถเทพรักษาแผล
สำหรับเขา บาดแผลเหล่านี้ไม่มีผลกระทบใดๆ
“เจ้ารีบไปรักษาตัว อย่าได้เสียเวลาอีก มีเรื่องอะไรรอบาดแผลของเจ้าหายแล้วค่อยว่ากัน” อู๋ยางส่งเสียงเร่ง
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ พยักหน้ารัว
หลินสวินเองก็ไม่บ่ายเบี่ยง เดินเข้าตำหนักโดยตรง
จนกระทั่งเงาร่างเขาหายไป พวกอู๋ยางจึงสบตากัน อดถอนหายใจยาวไม่ได้
“ผ่านเรื่องวันนี้แหล่งสถานศุภโชคคงโกลาหลแล้ว”
ขั้นสรรสร้างอย่างพวกเกาหยางไหว เจียงเถา แต่ละคนล้วนอยู่ในขั้นสัมบูรณ์ของขอบเขตนี้ แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
แต่เห็นได้ชัดมากว่าที่เงาร่างสีทองแข็งแกร่งขนาดนี้ไม่ใช่เพียงเพราะสามารถใช้พลังของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพได้ แต่ยังเป็นเพราะอีกฝ่ายมีพลังปราณขั้นไร้ขอบเขตด้วย
นี่ต่างหากจึงจะเป็นจุดสำคัญ!
พลังจิตของเงาร่างสีทองคล้ายสัมผัสถึงการสำรวจของจิตรับรู้หลินสวิน จึงสั่นเบาๆ คราหนึ่ง จากนั้นเอ่ยเสียงเรียบ
“ข้ารู้ว่าเจ้าเก็บพลังจิตของข้าไว้เพื่ออะไร แต่ข้าไม่อาจไม่บอกเจ้าว่าแม้เจ้าจะค้นวิญญาณข้า ก็ไม่มีทางรู้เรื่องราวใดๆ ของนายท่าน”
“หรือพูดอีกอย่างว่าขอเพียงเจ้าค้นวิญญาณของข้า รอยประทับในความทรงจำของข้าที่นายท่านประทับไว้จะรู้ตัว และสังหารพลังจิตของข้าในทันที”
ตอนที่พูดคำว่า ‘นายท่าน’ เขาดูผิดหวังและเสียใจหาใดเปรียบ
เห็นได้ชัดว่าเขายังคงเศร้าโศกที่ไม่สามารถไปยัง ‘หนทางกลับ’ ในเมฆาเคราะห์นั่นได้
“เช่นนั้นเจ้าสามารถบอกอะไรข้าได้บ้าง”
จิตรับรู้ของหลินสวินส่งเจตจำนงหนึ่งออกไป
เงียบไปครู่ใหญ่ พลังจิตของเงาร่างสีทองพลันเอ่ยว่า “เรื่องที่เกี่ยวข้องกับข้าล้วนสามารถบอกเจ้าได้”
“ข้าไม่ได้สนใจเรื่องของเจ้า” หลินสวินเอ่ยเย็นเยียบ
“เหอะๆ เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าข้าเป็นทูตชะตาสวรรค์ได้อย่างไร”
เงาร่างสีทองสีหน้าแปลกประหลาดมาก เหมือนโศกเศร้า ทั้งเหมือนขมขื่น และเหมือนคิดคำนึงถึงอะไร ดูพิกลนัก
ครั้งนี้ไม่รอหลินสวินพูด ในดวงตาเขาเผยแววย้อนระลึก เอ่ยว่า
“ข้าคืออิงซานอิง ทายาทตระกูลอิงซานเผ่าวิญญาณแรกกำเนิดแห่ง ‘ยุคมรรค’ ตอนอายุน้อยพรสวรรค์โดดเด่น เป็นอันดับหนึ่งในตระกูล! ยามอายุสิบสามก็ถูกคัดเลือกเป็นกรณีพิเศษ ได้กราบอาจารย์เข้าฝึกปราณใน ‘โถงสามพิสุทธิ์’ สำนักอันดับหนึ่ง ไม่ถึงร้อยปีข้าก็ก้าวสู่ ‘ระดับจอมมรรค’ แล้ว หรือก็คือมรรคาอมตะในของยุคพวกเจ้านี้”
ตอนนี้เงาร่างสีทองที่เรียกตัวเองว่าอิงซานอิงจมอยู่ในความทรงจำโดยสมบูรณ์ พึมพำด้วยเสียงต่ำลึก
“ตอนนั้นข้าจิตใจฮึกเหิม มั่นใจว่าด้วยมรรคของข้าสามารถสะเทือนหมื่นกาล กำราบคนรุ่นเดียวกันตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน กระทั่งหลังจากนั้นข้าสู้ศึกเพียงลำพังมาแปดร้อยปี ไร้ศัตรูในระดับจอมมรรคแล้ว ผู้คนบนโลกล้วนเรียกข้าว่า ‘เจ้ามรรคอิงซาน’ สรรพชีวิตมากมายล้วนยกย่องชื่อข้า แม้แต่คนระดับเดียวกันเจอข้ายังต้องก้มหัว เรียกว่า ‘เจ้ามรรค’…”
สีหน้าของเขาปรากฏความทอดถอนใจและพึงพอใจอย่างบอกไม่ถูก รวมถึงความภาคภูมิที่ปกปิดไม่อยู่
“จนกระทั่งสามพันปีหลังจากนั้น ข้าผ่านเคราะห์แห่งยุคสมัยและแจ้งมรรคนิรันดร์ และภายในไม่ถึงหกร้อยปี ก็กลายเป็นหนึ่งในสี่ราชันที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคมรรค”
“ตอนนั้นผู้คนล้วนเรียกข้าว่า ‘ราชันอิงซาน’ แต่ข้าในตอนนั้นไม่ได้สนใจชื่อเรียกจอมปลอมนี้ สิ่งที่ข้าเสาะหาคือมรรคคาที่ล้มล้างอดีตปัจจุบัน เป็นหนึ่งในโลก ในใจก็ปรารถนามาโดยตลอดว่าสักวันจะสามารถหลุดพ้นจากการสับเปลี่ยนยุคสมัยอย่างแท้จริง!”
“จนกระทั่งเคราะห์แห่งยุคสมัยมาเยือน ข้ามุ่งมั่นจะไปแหล่งสถานคุนหลุน ช่วงชิงในทะเลโชคชะตา ต่อสู้สังหารกับระดับนิรันดร์ทั้งหมด สุดท้ายได้รับโอกาสเดินทางไปยังแหล่งสถานอัศจรรย์!”
พูดถึงตรงนี้ในดวงตาเขาวาบแสงประกาย นั่นเป็นท่าทีเหยียดหยัน มั่นใจ และเย่อหยิ่ง
ก็เป็นตอนนี้เองที่หลินสวินซึ่งไม่มีการตอบสนองมากโดยตลอดในใจสั่นสะท้าน
เจ้าหมอนี่ถึงกับเคยไปแหล่งสถานอัศจรรย์หรือ
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์