Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 3061

สรุปบท ตอนที่ 3061 อิงซานอิง: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 3061 อิงซานอิง – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 3061 อิงซานอิง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 3061 อิงซานอิง

เพราะก่อนหน้านี้ถูกโจมตี หลินสวินบาดเจ็บสาหัสมาก ร่างกายแตกหัก เลือดไหลเต็มตัว

แต่เมื่อเทียบกับบาดแผลเหล่านี้ การจับพลังจิตของเงาร่างสีทองนั่นให้ได้สำคัญกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย!

สวบ!

เงาร่างของเขาเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งทะยานออกไป

ที่เหนือความคาดหมายของหลินสวินก็คือพลังจิตของเงาร่างสีทองราวกับยอมแพ้อย่างสิ้นเชิงแล้ว ไม่มีความคิดจะต้านทาน ถูกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกำราบโดยตรง

ง่ายดายจนทำให้หลินสวินอดอึ้งไม่ได้

การหายไปของเมฆาเคราะห์สร้างความกระทบกระเทือนต่อเงาร่างสีทองนี้มากเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย!

แต่หลินสวินคร้านจะสนใจว่าในใจอีกฝ่ายคิดอย่างไร เขาถอนหายใจยาว ทอดสายตามองรอบๆ ผ่อนคลายลงทั้งตัว

“ในที่สุดก็จบลงแล้ว…”

หลินสวินถอนหายใจเบาๆ

ตอนนี้ฟ้าดารากว้างใหญ่ไพศาลนี้ทรุดทลายไปนานแล้ว พังพินาศทั้งหมด ไร้ซึ่งคลื่นชีวิตแม้แต่เสี้ยวเดียว

มีเพียงเมืองเทพศุภโชคตั้งตระหง่านอยู่ในห้วงอากาศพังพินาศ ดูสะดุดตาผิดปกติ และทำให้คนรู้สึกวางใจหาใดเปรียบ

หลินสวินมองไปบนห้วงอากาศเหนือเมืองเทพศุภโชคตามจิตใต้สำนึก ที่นั่นปกคลุมด้วยหมอกที่คลุมเครือปานม่านนภาชั้นหนึ่ง และลายธารก็พิทักษ์อยู่ในนั้น

ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว ยอดบุคคลเฉินซีสร้างเมืองนี้ขึ้นเองกับมือ ทั้งทิ้งลายธารพิทักษ์ที่แห่งนี้ หนึ่งเพื่อปกป้องพลังต้นกำเนิดศุภโชค สองเพื่อต้านทานอานุภาพของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ

อย่างพวกอู๋ยาง หลายปีมานี้ฝึกปราณอยู่ในเมืองมาโดยตลอด ไม่เคยถูกเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพโจมตี

และวันนี้ในฟ้าดาราเหนือเมืองเทพศุภโชคนี้ ลายธารก็สำแดงประโยชน์ในการโจมตีระฆังแรกปฐมที่แปลกประหลาดอัปมงคลนั่นจนถอยไป!

เท่ากับช่วยชีวิตหลินสวินอ้อมๆ!

“ขอบคุณมาก”

หลินสวินประสานหมัดจากไกลๆ

จากนั้นเขาหมุนตัวมุ่งหน้าไปยังเมืองเทพศุภโชค

……

ยอดเขาราตรีสงัด

จนกระทั่งเห็นหลินสวินปรากฏในสายตา พวกอู๋ยางจึงเหมือนตื่นจากฝัน ได้สติจากความตะลึงลึกล้ำนั่น

ทันใดนั้นในใจพวกเขากระเพื่อมไหว ล้วนพูดไม่ออก

วันนี้พวกเกาหยางไหว เจียงเถานำกำลังพลอันแข็งแกร่งอย่างระดับนิรันดร์จากเผ่าเทพหลากตระกูลมาเยือน

ภาพนี้สามารถทำให้ทุกคนบนโลกสิ้นหวังได้

แต่เมื่อหลินสวินปรากฏตัว กลับใช้กำลังของตนคนเดียวกวาดล้างขั้นล่วงกฎนับร้อย กำจัดเฒ่าดึกดำบรรพ์ขั้นสรรสร้างสิบเก้าคน เผยความองอาจไร้เทียมทานที่โดดเด่นที่สุดตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน!

แต่ยังไม่รอให้คนดีใจ เคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพก็มาเยือนกะทันหัน…

ไม่มีใครคิดว่าหลินสวินจะเลือกปะทะกับเคราะห์นี้

ยิ่งไม่มีใครคิดว่าในการต่อสู้กับเงาร่างสีทอง หลินสวินที่บาดแผลเต็มตัวกลับสามารถฟันร่างของอีกฝ่ายด้วยกระบี่เดียวในช่วงสุดท้ายได้!

แต่นี่ยังไม่จบ

ยามระฆังแรกปฐมปรากฏจากวังวนเมฆาเคราะห์ ทุกคนต่างสิ้นหวัง ในใจเต็มไปด้วยความขมขื่นและหดหู่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

แต่ปาฏิหาริย์กลับเกิดขึ้น พวกเขาไม่ตาย หลินสวินเองก็ไม่ตาย ระฆังแรกปฐมที่ทำให้คนสิ้นหวังนั่นถูกโจมตีจนถอยกลับไป!

ทั้งหมดนี้นำพาความตะลึงและแรกสะเทือนมาให้อย่างยิ่งใหญ่

จนกระทั่งตอนนี้เห็นหลินสวินกลับมา พวกเขาถึงขั้นรู้สึกเหมือนฝันไป แต่ละคนสีหน้างุนงง จิตใจไม่สามารถสงบได้

แต่หลินฝานและซูไป๋กลับนิ่งสงบมาก

เพราะหลังจากเงาร่างสีทองนั่นปรากฏตัว การรับรู้ทั้งหมดของพวกเขาก็ถูกบดบัง แม้แต่ตัวพวกเขายังถูกพวกอู๋ยางคุ้มกัน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

คำว่า ‘ผู้ไม่รู้ย่อมไม่กลัว’ ก็เป็นเช่นนี้

ทว่าก่อนหน้านี้ทั้งสองเห็นภาพที่หลินสวินกวาดล้างระดับนิรันดร์ทั้งกลุ่ม เมื่อเห็นหลินสวินปรากฏตัวตรงหน้าพร้อมบาดแผลเต็มตัว จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าแม้แต่เคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพนั่นก็ทำอะไรหลินสวินไม่ได้

“ท่านพ่อ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”

หลินฝานทั้งตื่นเต้นทั้งกังวล ส่งเสียงเป็นคนแรก

ซูไป๋เองก็กังวลมาก

ร่างกายหลินสวินบาดเจ็บ เลือดเต็มตัว จะไม่ให้เป็นห่วงได้อย่างไร

“ไม่เป็นไร”

หลินสวินยิ้มน้อยๆ เมื่อแสงมรรคแผ่ออกรอบตัว ร่างกายและบาดแผลที่แตกหักสมานกันทั้งหมด แน่นอนว่านี่เป็นเพียงแค่บาดแผลภายนอก

ในการต่อสู้ครั้งนี้ทำให้หลินสวินได้รับบาดเจ็บภายในเช่นกัน แม้ไม่ถึงกับอันตรายถึงชีวิตแต่ก็รุนแรงไม่น้อย โชคดีที่หลินสวินไม่ขาดโอสถเทพรักษาแผล

สำหรับเขา บาดแผลเหล่านี้ไม่มีผลกระทบใดๆ

“เจ้ารีบไปรักษาตัว อย่าได้เสียเวลาอีก มีเรื่องอะไรรอบาดแผลของเจ้าหายแล้วค่อยว่ากัน” อู๋ยางส่งเสียงเร่ง

สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ พยักหน้ารัว

หลินสวินเองก็ไม่บ่ายเบี่ยง เดินเข้าตำหนักโดยตรง

จนกระทั่งเงาร่างเขาหายไป พวกอู๋ยางจึงสบตากัน อดถอนหายใจยาวไม่ได้

“ผ่านเรื่องวันนี้แหล่งสถานศุภโชคคงโกลาหลแล้ว”

ขั้นสรรสร้างอย่างพวกเกาหยางไหว เจียงเถา แต่ละคนล้วนอยู่ในขั้นสัมบูรณ์ของขอบเขตนี้ แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

แต่เห็นได้ชัดมากว่าที่เงาร่างสีทองแข็งแกร่งขนาดนี้ไม่ใช่เพียงเพราะสามารถใช้พลังของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพได้ แต่ยังเป็นเพราะอีกฝ่ายมีพลังปราณขั้นไร้ขอบเขตด้วย

นี่ต่างหากจึงจะเป็นจุดสำคัญ!

พลังจิตของเงาร่างสีทองคล้ายสัมผัสถึงการสำรวจของจิตรับรู้หลินสวิน จึงสั่นเบาๆ คราหนึ่ง จากนั้นเอ่ยเสียงเรียบ

“ข้ารู้ว่าเจ้าเก็บพลังจิตของข้าไว้เพื่ออะไร แต่ข้าไม่อาจไม่บอกเจ้าว่าแม้เจ้าจะค้นวิญญาณข้า ก็ไม่มีทางรู้เรื่องราวใดๆ ของนายท่าน”

“หรือพูดอีกอย่างว่าขอเพียงเจ้าค้นวิญญาณของข้า รอยประทับในความทรงจำของข้าที่นายท่านประทับไว้จะรู้ตัว และสังหารพลังจิตของข้าในทันที”

ตอนที่พูดคำว่า ‘นายท่าน’ เขาดูผิดหวังและเสียใจหาใดเปรียบ

เห็นได้ชัดว่าเขายังคงเศร้าโศกที่ไม่สามารถไปยัง ‘หนทางกลับ’ ในเมฆาเคราะห์นั่นได้

“เช่นนั้นเจ้าสามารถบอกอะไรข้าได้บ้าง”

จิตรับรู้ของหลินสวินส่งเจตจำนงหนึ่งออกไป

เงียบไปครู่ใหญ่ พลังจิตของเงาร่างสีทองพลันเอ่ยว่า “เรื่องที่เกี่ยวข้องกับข้าล้วนสามารถบอกเจ้าได้”

“ข้าไม่ได้สนใจเรื่องของเจ้า” หลินสวินเอ่ยเย็นเยียบ

“เหอะๆ เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าข้าเป็นทูตชะตาสวรรค์ได้อย่างไร”

เงาร่างสีทองสีหน้าแปลกประหลาดมาก เหมือนโศกเศร้า ทั้งเหมือนขมขื่น และเหมือนคิดคำนึงถึงอะไร ดูพิกลนัก

ครั้งนี้ไม่รอหลินสวินพูด ในดวงตาเขาเผยแววย้อนระลึก เอ่ยว่า

“ข้าคืออิงซานอิง ทายาทตระกูลอิงซานเผ่าวิญญาณแรกกำเนิดแห่ง ‘ยุคมรรค’ ตอนอายุน้อยพรสวรรค์โดดเด่น เป็นอันดับหนึ่งในตระกูล! ยามอายุสิบสามก็ถูกคัดเลือกเป็นกรณีพิเศษ ได้กราบอาจารย์เข้าฝึกปราณใน ‘โถงสามพิสุทธิ์’ สำนักอันดับหนึ่ง ไม่ถึงร้อยปีข้าก็ก้าวสู่ ‘ระดับจอมมรรค’ แล้ว หรือก็คือมรรคาอมตะในของยุคพวกเจ้านี้”

ตอนนี้เงาร่างสีทองที่เรียกตัวเองว่าอิงซานอิงจมอยู่ในความทรงจำโดยสมบูรณ์ พึมพำด้วยเสียงต่ำลึก

“ตอนนั้นข้าจิตใจฮึกเหิม มั่นใจว่าด้วยมรรคของข้าสามารถสะเทือนหมื่นกาล กำราบคนรุ่นเดียวกันตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน กระทั่งหลังจากนั้นข้าสู้ศึกเพียงลำพังมาแปดร้อยปี ไร้ศัตรูในระดับจอมมรรคแล้ว ผู้คนบนโลกล้วนเรียกข้าว่า ‘เจ้ามรรคอิงซาน’ สรรพชีวิตมากมายล้วนยกย่องชื่อข้า แม้แต่คนระดับเดียวกันเจอข้ายังต้องก้มหัว เรียกว่า ‘เจ้ามรรค’…”

สีหน้าของเขาปรากฏความทอดถอนใจและพึงพอใจอย่างบอกไม่ถูก รวมถึงความภาคภูมิที่ปกปิดไม่อยู่

“จนกระทั่งสามพันปีหลังจากนั้น ข้าผ่านเคราะห์แห่งยุคสมัยและแจ้งมรรคนิรันดร์ และภายในไม่ถึงหกร้อยปี ก็กลายเป็นหนึ่งในสี่ราชันที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคมรรค”

“ตอนนั้นผู้คนล้วนเรียกข้าว่า ‘ราชันอิงซาน’ แต่ข้าในตอนนั้นไม่ได้สนใจชื่อเรียกจอมปลอมนี้ สิ่งที่ข้าเสาะหาคือมรรคคาที่ล้มล้างอดีตปัจจุบัน เป็นหนึ่งในโลก ในใจก็ปรารถนามาโดยตลอดว่าสักวันจะสามารถหลุดพ้นจากการสับเปลี่ยนยุคสมัยอย่างแท้จริง!”

“จนกระทั่งเคราะห์แห่งยุคสมัยมาเยือน ข้ามุ่งมั่นจะไปแหล่งสถานคุนหลุน ช่วงชิงในทะเลโชคชะตา ต่อสู้สังหารกับระดับนิรันดร์ทั้งหมด สุดท้ายได้รับโอกาสเดินทางไปยังแหล่งสถานอัศจรรย์!”

พูดถึงตรงนี้ในดวงตาเขาวาบแสงประกาย นั่นเป็นท่าทีเหยียดหยัน มั่นใจ และเย่อหยิ่ง

ก็เป็นตอนนี้เองที่หลินสวินซึ่งไม่มีการตอบสนองมากโดยตลอดในใจสั่นสะท้าน

เจ้าหมอนี่ถึงกับเคยไปแหล่งสถานอัศจรรย์หรือ

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์