Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 3064

ตอนที่ 3064 ตัดสินใจจากไป

แดนฌาน

ในถ้ำสถิตแห่งหนึ่ง บงกชเก้าสีส่ายไปมาสาดแสงแพรวพราว

ฟ่านอั้นที่เงาร่างผอมแห้งนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะรองนั่ง ใบหน้าผอมซูบ หนวดเคราขาวหิมะ ตรงหน้ามีรูปปั้นไท่ชูวางอยู่

“คนนอกกรีตนั่นบุกมาแล้ว เจ้า… จะทิ้งลัทธิฌานของพวกเราจริงหรือ…”

ฟ่านอั้นสีหน้าอึมครึมไม่สามารถสงบได้ สายตาจ้องมองรูปปั้นไท่ชู

สมบัติที่บรรพจารย์ซื่อของลัทธิฌานทิ้งเอาไว้นี้ หลังจากส่งคลื่นเจตจำนงออกมาครั้งก่อนก็ไม่เคยเกิดการตอบสนองอีกแม้แต่เสี้ยว

ตอนนี้ก็เช่นกัน

นอกถ้ำสถิตเสียงโกลาหลดังขึ้น มีทั้งที่ตะโกนอย่างเดือดดาล ที่กรีดร้องอย่างตื่นตระหนก และมีคลื่นการต่อสู้อึงอล มีเสียงหินทลายทรุดตัว เสียงอาคารหักพัง…

ทั้งหมดนี้ทำให้สีหน้ามืดทะมึนของฟ่านอั้นเข้มมากกว่าเดิม ในใจก็เกิดความโศกเศร้าและความขมขื่น

ครู่ใหญ่สองมือของฟ่านอั้นคว้ารูปปั้นไท่ชูนั่นไว้ ในดวงตาเผยประกายน่ากลัว “เป็นเจ้าทำลายลัทธิฌานของพวกเรา เพราะเจ้า…!”

เสียงคำรามต่ำลึกของเขาราวกับสัตว์ที่สิ้นหวัง

ใบหน้าผอมซูบของเขาเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำเหี้ยมโหด ในดวงตาเต็มไปด้วยความเดือดดาลและชิงชัง

ปัง!

รูปปั้นไท่ชูระเบิดเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นฝุ่นผงกระจายออกจากระหว่างนิ้วของฟ่านอั้น

ฟ่านอั้นหายใจหอบถี่ครู่หนึ่ง ก่อนหันหน้ามาพลัน และเห็นเงาร่างสูงโปร่งสายหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่ามายืนอยู่ตรงทางเข้าถ้ำสถิตตั้งแต่เมื่อไหร่

หลินสวิน!

ฟ่านอั้นนัยน์ตาหดรัด ค่อยๆ ลุกจากเบาะรองนั่งพลางเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า “เหลือข้าคนเดียวแล้วหรือ”

หลินสวินส่ายหน้า “ข้าไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ ผู้บริสุทธิ์บางส่วนไม่จำเป็นต้องตายเพราะความผิดที่ลัทธิฌานของพวกเจ้าก่อ”

ฟ่านอั้นอึ้งไป สายตาซับซ้อน “เหอะ เช่นนี้ข้ายังต้องขอบคุณเจ้าแทนบรรดาผู้สืบทอดที่มีชีวิตอยู่หรือไม่”

หลินสวินชี้ตรงตำแหน่งหัวใจของตนเอง “ทำเช่นนี้ข้าจะได้ไม่ละอายใจ ไม่ใช่ความเมตตาจอมปลอมอะไร”

ความเมตตาจอมปลอม!

คำพูดนี้เห็นชัดว่าเต็มไปด้วยความเสียดสี เป็นการเสียดสีคนในลัทธิฌานของพวกเขา!

แต่ฟ่านอั้นไม่มีใจจะสนใจเรื่องพวกนี้ เขาจ้องมองหลินสวิน ครู่ใหญ่จึงเอ่ยว่า “ข้าไม่เข้าใจยิ่ง เจ้าไม่กลัวผู้บงการหลังม่านของเคราะห์แห่งยุคสมัยหรือ”

หลินสวินอดยิ้มไม่ได้ “กลัวแล้วมีประโยชน์อะไร หรือเพราะกลัว ผู้บงการหลังม่านจะปล่อยให้ข้ารอดชีวิตหรือ”

ฟ่านอั้นหรี่ตาเล็กน้อย ครู่ใหญ่จึงพยักหน้ากล่าว “ก็ถูก เจ้าไม่มีทางหนีแล้ว แน่นอนว่าไม่มีอะไรต้องกลัว แต่บางทีทางถอยหนีเยอะไปกลับจะเลือกทางเลือกโง่ๆ”

เขานึกถึงรูปปั้นไท่ชูที่บรรพจารย์ทิ้งเอาไว้

เดิมทีนี่เป็นสมบัติพิทักษ์ลัทธิฌานของพวกเขา แต่ก็เพราะสมบัตินี้ทำให้ลัทธิฌานประสบเคราะห์ในวันนี้!

“ก่อนจะลงมือข้าก็มีเรื่องหนึ่งที่ไม่เข้าใจมาก”

หลินสวินพูด “เหตุใดลัทธิฌานของพวกเจ้าต้องแค้นเคืองคีรีดวงกมลขนาดนี้”

ไม่เพียงแค่ลัทธิฌาน แม้แต่ลัทธิพ่อมดก็เป็นเช่นนี้

จนตอนนี้หลินสวินก็ยังไม่เข้าใจ

“การต่อสู้แห่งมหามรรค”

ฟ่านอั้นพูดโดยไม่คิดด้วยซ้ำ “ในสี่หอบรรพจารย์ บรรพจารย์ลัทธิฌานและบรรพจารย์ลัทธิพ่อมดล้วนเป็นศัตรูเก่ากับเจ้าแห่งคีรีดวงกมลอาจารย์ของเจ้าตั้งแต่ก่อนสร้างหอบรรพจารย์ หรือพูดอีกอย่างว่าการต่อสู้ระหว่างพวกเขาเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อครั้งอดีตแล้ว”

หลินสวินอดถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้ “การต่อสู้มหามรรค…”

ความแค้นเช่นนี้ต่างหากที่ไร้ทางแก้ที่สุด

เจ้ามองข้าว่าเป็นมรรคสายมารร้าย ข้ามองเจ้าว่าเป็นคนนอกรีต เหมือนน้ำกับไฟที่อยู่ร่วมกันไม่ได้ อยากจะคลี่คลายก็ทำได้เพียงตัดสินแพ้ชนะ!

“น่าเสียดาย”

ชั่วขณะนี้ฟ่านอั้นเองก็ถอนหายใจยาวคราหนึ่ง

หลินสวินเลิกคิ้ว “เสียดายอะไร”

ฟ่านอั้นสีหน้าพิกลเอ่ยว่าว่า “ไม่อาจมองดูได้อีกต่อไปว่าเจ้าจะรอดจากการดับสิ้นของยุคสมัยหรือไม่ นี่ย่อมเป็นเรื่องน่าเสียดาย”

หลินสวินยิ้มน้อยๆ ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ ลงมือโดยตรง

ครู่หนึ่งหลังจากนั้น

ยามหลินสวินเดินออกจากแดนฌาน ระเบียบระดับเทพของหอบรรพจารย์ลัทธิฌานถูกชิงไปแล้ว ประตูสำนักถล่ม รากฐานที่สั่งสมมาในกาลเวลาไร้สิ้นสุดถูกทำลายล้างจนสิ้นในเวลาเพียงสั้นๆ

หลังจากนี้บนโลกนี้จะไม่มีลัทธิฌานอีกต่อไป

……

หอบรรพจารย์ลัทธิพ่อมด

หน้าประตูสำนัก

กายมรรคเพลิงแดงของหลินสวินเอามือไพล่หลัง มองสถานที่คุ้นเคยนี้ ในสายตาเผยแววทอดถอนใจ

ตอนนั้นเขากับพวกหยวนฉางเทียนเป็นตัวแทนของลัทธิแรกกำเนิด มาแดนมารสิบทิศของลัทธิพ่อมด

วันนี้พอกลับมาอีกครั้ง เขาเป็นขั้นสรรสร้างบนมรรคานิรันดร์แล้ว

“เป็ฯเจ้าหมอนี่จริงดังคาด!”

“หึ เขาคิดว่าลัทธิพ่อมดของเราอ่อนแอเหมือนพวกเผ่าเทพนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าหรือ”

หน้าประตูสำนักที่อยู่ไกลออกไปมีเงาร่างผู้แข็งแกร่งลัทธิพ่อมดมากมาย แต่ละคนกลิ่นอายเหี้ยมหาญ เต็มไปด้วยบรรยากาศป่าเถื่อน ไอสังหารพลุ่งพล่าน

ลัทธิพ่อมดพิเศษมาก ไม่นับถือฟ้าดิน ไม่เคารพกฎเกณฑ์ แต่ละคนไม่กลัวความเป็นตาย ภาคภูมิใจกับการสิ้นชีพในการต่อสู้

ดังนั้นแม้ตอนนี้เห็นหลินสวินบุกมาถึงที่ แต่ละคนก็ไร้ซึ่งความกลัว

เพียงแต่ไม่กลัวตายไม่ได้หมายความว่าพวกเขาบ้าบิ่น

เรื่องที่เกิดขึ้นในน่านฟ้าที่เก้าพวกเขาล้วนรู้นานแล้ว แน่นอนว่ารู้ถึงความน่ากลัวของหลินสวินเป็นอย่างดี

“ดูท่าทุกคนรู้จุดประสงค์การมาของข้าแล้ว เช่นนั้นก็ดี ให้โอกาสพวกเจ้าสักครั้ง จะเลือกต่อสู้หรือก้มหัวยอมจำนนตอนนี้ ให้ข้าคนแซ่หลินลงโทษความผิดของพวกเจ้าลัทธิพ่อมด”

กายมรรคเพลิงแดงของหลินสวินพูดเรียบๆ

ยามพูดเขาสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง

ฮูม…

ระเบียบระดับเทพทะยานปกคลุมท้องฟ้าแถบนี้

“อยากให้พวกเราก้มหัวหรือ ฝันไปเถอะ!”

เฒ่าชราชุดหนังสัตว์คนหนึ่งตะโกน เสียงราวกับระเบิดก้องท้องฟ้า “ตั้งกระบวน!”

ตูม!

คนใหญ่คนโตลัทธิพ่อมดนับร้อยคนพุ่งออกมา รวมตัวเป็นกระบวนค่ายกลรบยิ่งใหญ่ ยามก่อกระบวนค่ายกลรบสำเร็จถึงกับชักนำพลังระเบียบระดับเทพที่ปกคลุมอยู่ทั้งบนล่างลัทธิพ่อมดเช้ามา อานุภาพที่ปะทุออกมาน่ากลัวไร้ขอบเขต

“ฆ่า!”

เฒ่าชราชุดหนังสัตว์เป็นแกนนำออกโจมตี กระบวนค่ายกลรบก็โคจรทันใด ทำให้ฟ้าดินสั่นไหว สิบทิศล้วนสะเทือน ไอชั่วร้ายทะลวงฟ้าดิน

“ตั๊กแตนขวางรถ”

หลินสวินแค่นเสียงขึ้นจมูกเย็นเยียบ ยื่นมือกวาดกลางอากาศ

เปลวเพลิงมากมายทะยานฟ้า กระแสเพลิงสว่างไสวสะดุดตาราวกับมหาสมุทรโหมคลั่ง กลบท่วมฟ้าดินแถบนั้น

ชั่วพริบตาร่างของเฒ่าชราชุดหนังสัตว์และเหล่าคนใหญ่คนโตนับร้อยของลัทธิพ่อมดล้วนกลายเป็นฝุ่นผง ถูกสังหารอย่างง่ายดายเหมือนกระดาษเปื่อย!

ภาพนั้นทำเอาผู้แข็งแกร่งลัทธิพ่อมดทุกคนที่อยู่บริเวณประตูสำนักหวาดหวั่น หน้าเปลี่ยนสีไป

“ใครไม่กลัวตายก็โจมตีมาได้เลย”

หลินสวินพูดเรียบๆ ในดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ

เมื่อเทียบกับลัทธิฌาน เขาเกลียดลัทธิพ่อมดมากกว่า ลัทธินี้ทำอะไรไร้กลัวเกรง หลายปีมานี้ส่งคนมาเล่นงานเขาไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ผูกแค้นต่อกันอย่างลึกล้ำ

“ตั้งแต่ชั่วขณะที่ลัทธิพ่อมดของข้าก่อตั้งขึ้นก็ไม่เคยเกรงกลัวมาก่อน!”

ชายชุดเทาที่เงาร่างผึ่งผายราวกับภูเขาคนหนึ่งตะโกน ร่างพริบไหวโดยพลันเปลี่ยนเป็นสูงใหญ่พันจั้ง แสงมรรคนิรันดร์น่ากลัวโปรยลงจากร่าง

เห็นชัดว่าเป็นขั้นล่วงกฎคนหนึ่ง

“เช่นนั้นหรือ”

หลินสวินตบไปกลางอากาศ

ปัง!

ชายร่างสูงพันจั้งถูกตบจนคุกเข่าลงพื้นโดยตรง ซัดสะเทือนพื้นดินเป็นหลุมใหญ่ ผิวทั่วตัวแตกยับ เลือดไหลชุ่มโชก

“นี่…”

บรรดาผู้แข็งแกร่งลัทธิพ่อมดราวกับถูกฟ้าผ่า รู้สึกเหมือนฟ้าจะถล่มลงมาอย่างไรอย่างนั้น

พวกเขาไม่กลัวตาย และไม่กลัวการต่อสู้จริงๆ แต่ยามเผชิญกับคนที่สามารถกำราบขั้นล่วงกฎได้อย่างง่ายดายอย่างหลินสวินก็อดรู้สึกสิ้นหวังไม่ได้

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

สู้กับเขาก็ไม่ต่างอะไรกับมดเขย่าต้นไม้!

ถ้าเป็นเมื่อก่อนมีขั้นไร้ขอบเขตดูแลลัทธิพ่อมด แน่นอนว่าพวกเขาไม่กลัว แต่ตอนนี้ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปนานแล้ว ไม่ว่าพูดอะไรล้วนสายเกินไป

“หลินสวิน เจ้าคิดว่าทำเช่นนี้จะสามารถทำให้ลัทธิพ่อมดของข้าก้มหัวให้หรือ ฝันไปเถอะ!”

ชายชุดเทาตะโกน

“ไม่ก้มหัวก็ไม่เป็นไร ลบลัทธิของพวกเจ้าออกจากโลกก็พอ”

หลินสวินพูดง่ายๆ

“น่าขัน เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ในลัทธิพ่อมดของข้าไปแหล่งสถานอัศจรรย์นานแล้ว รอพวกเขากลับมาเจ้ากับลัทธิแรกกำเนิดต้องตายทั้งหมด!!”

ชายชุดเทาคำราม

หลินสวินสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม “ผู้ยิ่งใหญ่ลัทธิพ่อมดของพวกเจ้าชาตินี้คงไม่สามารถกลับมาได้แล้ว แต่เจ้าวางใจ สักวันหนึ่งข้าคนแซ่หลินจะไปหาพวกเขาที่แหล่งสถานอัศจรรย์”

ปัง!

เขาชี้ผ่านห้วงอากาศ ชายชุดเทาซึ่งมีพลังปราณขั้นล่วงกฎระเบิดออก กายและจิตดับสลาย

จากนั้นหลินสวินก้าวเท้า มุ่งหน้าไปยังประตูสำนักของลัทธิพ่อมด

“ฆ่า!”

มีผู้แข็งแกร่งที่เหี้ยมหาญไม่กลัวตายมากมายพุ่งเข้ามา แต่ล้วนเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ ร่วงหล่นเบื้องหน้าหลินสวิน ไม่มีใครสามารถขวางฝีเท้าของเขาไว้ได้

ชั่วพริบตาเท่านั้นหลินสวินก็ก้าวผ่านพลังผนึกมากมาย แหวกเปิดเส้นทางประตูสำนักที่ระเบียบระดับเทพปกคลุม บุกเข้าไปในแดนพ่อมด

ไร้ศัตรูตลอดทาง!

ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา หอบรรพจารย์ลัทธิพ่อมด หนึ่งในสี่หอบรรพจารย์ก็ถูกหลินสวินกวาดล้าง!

เหมือนกับที่ผ่านมา หลินสวินไม่ได้สังหารสิ้นซาก นี่คือหลักการที่เขายึดถือ สังหารเพียงผู้นำ ไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์

ในวันนั้นหลังจากลัทธิฌาน หอบรรพจารย์ลัทธิพ่อมดก็ถูกลบชื่อออกจากโลกตามไป

……

แดนแรกเริ่ม

วันที่ร่างต้นของหลินสวินกลับมา กายมรรคเพลิงแดงและกายมรรคทองขาวก็กลับมาพร้อมกัน และนำข่าวที่หอบรรพจารย์ลัทธิพ่อมดล่มสลายกลับมาด้วย

กับเรื่องนี้หลินสวินไม่รู้สึกประหลาดใจ

ด้วยระดับปราณในตอนนี้ของเขา ทอดสายตามองไปทั้งโลกยอดนิรันดร์ก็ยากจะหาคู่ต่อสู้ การกวาดล้างยักษ์ใหญ่ที่พลังดั้งเดิมเสียหายหนักอย่างพวกลัทธิพ่อมดก็เป็นเรื่องง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ

กระทั่งสิบวันหลังจากนั้น กายมรรคไม้เขียวที่มุ่งหน้าไปน่านฟ้าที่เก้าก็กลับมา

ที่แท้ยามกายมรรคไม้เขียวไปถึงน่านฟ้าที่เก้าถึงพบว่า เผ่าเทพนิรันดร์ทั้งสามอย่างตระกูลเย่ ตระกูลผานอู่ ตระกูลสิงเทียนยังคงไม่เปิดเผยร่องรอย ไม่รู้ว่าซ่อนตัวอยู่ที่ไหน

หลังจากกายมรรคไม้เขียวสืบด้วยวิธีต่างๆ ใช้วิชาลับมากมายก็ยังหาที่ซ่อนตัวของสามตระกูลนี้ไม่เจอ ทำได้เพียงกลับมามือเปล่า

กับเรื่องนี้หลินสวินไม่ถึงกับผิดหวังนัก

หากไม่ผิดจากที่คาด แม้เผ่าเทพนิรันดร์สามตระกูลนี้สามารถรอดจากการดับสิ้นของยุคสมัยได้ พวกเขาและอารยธรรมแห่งยุคสมัยนี้ก็จะไปปรากฏในแหล่งสถานศุภโชค

ถึงตอนนั้นหลินสวินย่อมมีวิธีไปจัดการพวกเขา

“ผู้อาวุโสทุกท่านพิจารณาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง”

ในเรือนมรรคกลาง หลินสวินเอ่ยถาม

ก่อนหน้านี้พวกเสวียนเฟยหลิง ฟางเต้าผิงต่างรู้ข่าวที่ลัทธิพ่อมดกับลัทธิฌานล่มสลายแล้ว ในใจกำลังตะลึงและทอดถอนใจ ตอนนี้ได้ยินคำถามของหลินสวิน พวกเขาสบตากัน ต่างพยักหน้า

“พวกเราตัดสินใจแล้ว จะทำตามที่เจ้าบอก”

เสวียนเฟยหลิงยิ้มพูด

ลัทธิแรกกำเนิดในตอนนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ผู้สืบทอดของลัทธิ ยังมีคนจากตระกูลต่างๆ เช่นตระกูลหลิน ตระกูลลั่ว ตระกูลเสวียน ตระกูลหยวน ตระกูลตู๋กูอยู่ด้วย

ต่อให้พวกเขาไม่อยากจากไปแค่ไหน ก็ต้องนึกถึงภาพรวม คิดถึงอนาคตของทุกคน

“เช่นนี้ก็ดี”

หลินสวินผ่อนคลายลงทันที ยิ้มพูด “รอไปถึงแหล่งสถานศุภโชคก็ปลอดภัยอย่างสิ้นเชิงแล้ว”

——

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์