Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 3073

สรุปบท ตอนที่ 3073 ภูเขาเทพใบบัว: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 3073 ภูเขาเทพใบบัว จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 3073 ภูเขาเทพใบบัว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 3073 ภูเขาเทพใบบัว

หลินสวินมุ่งหน้าต่อไปกลางฟ้าดินอันเวิ้งว้าง

เพียงแต่เมื่อเทียบกันแล้วเขาระวังตัวขึ้นมากกว่าก่อนหน้านี้ เก็บซ่อนกลิ่นอายตลอดทาง พุ่งทะลวงห้วงอากาศราวเงาที่ไร้ตัวตนสายหนึ่ง

จากที่หลินสวินคิด ด้วยมรรควิถีในปัจจุบันของเขา หากหมายจะหลบการสัมผัสของคนระดับเดียวกันก็ไม่ใช่เรื่องยาก

ทว่าความจริงกลับเหนือความคาดหมายของหลินสวิน

หรือกล่าวได้ว่าเหล่าเฒ่าชราเหล่านั้นที่กระจายตัวในโลกวิญญาณยุทธ์แห่งนี้ ส่วนมากล้วนครอบครองอภินิหารและวิชาลับที่วิเศษอัศจรรย์สุดขีด สามารถสัมผัสและจับร่องรอยของหลินสวินได้

โดยเฉพาะยามสังเกตเห็นว่าหลินสวินเคลื่อนไหวเพียงลำพัง อันตรายก็มาเยือนทันที

เป็นอย่างที่หญิงสาวกระโปรงดำคนนั้นกล่าวไว้ ในโลกวิญญาณยุทธ์ไม่เคยขาดพวกอาละวาดไร้เกรงกลัว ลงมือไม่เลือก หนำซ้ำยิ่งพลังปราณสูง การลงมือก็ยิ่งโหดเหี้ยมไร้ปรานี

และคนที่เคลื่อนไหวลำพังอย่างหลินสวินก็มักจะถูกมองเป็นเป้าหมายโจมตีได้ง่ายที่สุด

ไม่ว่าจะเพื่อทรัพย์สมบัติหรือเพื่อบีบให้ศิโรราบ การต่อสู้และเข่นฆ่าล้วนอุบัติขึ้นในโลกวิญญาณยุทธ์มาโดยตลอด

นี่คือสาเหตุว่าทำไมพวกหญิงกระโปรงดำจึงเลือกร่วมมือเป็นพันธมิตร และเป็นสาเหตุว่าทำไมพวกเขาจึงคาดหวังอยากให้หลินสวินร่วมกลุ่ม

เมื่อทั้งโลกมีแต่ระดับนิรันดร์ การจับกลุ่มเคลื่อนไหวเท่านั้นจึงจะรอดชีวิตได้นานขึ้น

นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าคนเยอะกำลังมาก

เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยามหลินสวินก็ถูกซุ่มโจมตีอีกครั้ง

คู่ต่อสู้เป็นขั้นสรรสร้างห้าคน อยู่ขั้นสัมบูรณ์สองคน ขั้นปลายสามคน

ยามหลินสวินสังเกตเห็นและพยายามหนีจากวงล้อมของพวกเขา กลับถูกพวกเขามองว่าใจเสาะและอ่อนแอ

หลังจากนั้นการต่อสู้ปะทุขึ้น

ขั้นสรรสร้างห้าคนนี้มีประสบการณ์จัดเจนในการต่อสู้อย่างเด่นชัด เข้าขากันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ยามการต่อสู้ปะทุก็ปลดปล่อยระเบียบระดับเทพสายหนึ่งออกมาปกคลุมฟ้าดินก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้การเคลื่อนไหวที่นี่ดึงดูดคู่ต่อสู้อื่นเข้ามา

จากนั้นพลันสำแดงไพ่ตายเข้าโจมตีหลินสวินทันทีโดยมีขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์สองคนเป็นผู้นำ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้พูดพล่ามใดๆ

ส่วนสามคนที่เหลือก็พุ่งไปอยู่ด้านข้าง กันไม่ให้หลินสวินหลบหนี

ต่างร่วมมือกันอย่างราบรื่นไร้ที่ติ

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นนี่ต้องเป็นการล่าเหยื่อที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบอย่างไม่ต้องสงสัย สามารถจับกุมเหยื่อได้ในชั่วอึดใจ

น่าเสียดาย คนที่พวกเขาเผชิญหน้าคือหลินสวิน

ในพริบตาที่อีกฝ่ายพยายามจับเขา เขาก็ไม่อยากเสียเวลามากกว่านี้เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงเรียกร่างแยกมหามรรคสี่ร่างออกมาพร้อมกันทันที สำแดงความสามารถสูงสุด

ชั่วอึดใจก็ตัดสินแพ้ชนะได้ดังคาด

ขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์สองคนที่โจมตีเข้ามาก่อนถูกกำราบตรงๆ ยังไม่ทันได้ตอบสนองก็ถูกจับยัดใส่เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเหมือนลูกไก่

ผู้แข็งแกร่งขั้นสรรสร้างขั้นปลายซึ่งล้อมอยู่ในแต่ละด้านสัมผัสได้ถึงความไม่เข้าที เพิ่งหมายจะหนีก็ถูกสามร่างแยกมหามรรคของหลินสวินพุ่งเข้าไปขวาง

และถูกกำราบพร้อมกับเสียงทึบดังปึงๆ สามหน

หนึ่งในนั้นถามอย่างโศกเศร้าแกมโกรธขณะถูกกำราบ “พลังต่อสู้ของสหายยุทธ์แข็งแกร่งเพียงนี้ ก่อนหน้านี้ตอนสังเกตเห็นกลิ่นอายของพวกข้า เหตุใดกลับยังเลือกใช้วิธีหลบหนีมาล่อให้พวกข้าลงมือด้วยเล่า”

กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินเอ่ยตอบอย่างมีน้ำอดน้ำทนยิ่ง “ข้ากำลังเร่งเดินทาง คร้านจะลงมือ แต่นึกไม่ถึงว่าพวกเจ้ากลับหมายจะทำให้ถึงตาย แล้วจะโทษใครได้เล่า”

คนผู้นี้ฟังจบก็รู้สึกเหมือนจะกระอักเลือดไปทั้งตัว

ไม่รอให้เขาปริปากอีกก็ถูกหลินสวินกำราบแล้ว

สำหรับคู่ต่อสู้เช่นนี้ หลินสวินไม่มีความเมตตาออมมือใดๆ ไม่เอ่ยอะไรสักประโยคก็พุ่งเข้ามาหมายสังหารตน นี่จะให้หลินสวินไว้ชีวิตพวกเขาได้อย่างไร

ต้องใช้ห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์มาจัดการ!

ยังดีที่แม้ว่าพวกร้ายกาจในโลกวิญญาณยุทธ์จะมาก แต่ส่วนใหญ่ล้วนรอบคอบยิ่ง

อย่างพวกหญิงสาวกระโปรงดำที่หลินสวินบังเอิญพบในตอนแรกสุดก็เป็นกลุ่มคนฉลาดที่สุดกลุ่มหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

ระหว่างทางต่อจากนั้น แม้ว่าร่องรอยของหลินสวินจะถูกสายตาไม่น้อยสังเกตเห็น แต่โดยมากล้วนเลือกวางมือขณะที่ลองไล่ล่าโจมตีหลินสวิน

หนึ่งคือความเร็วของหลินสวินรวดเร็วเกินไป สองคือไม่รู้รายละเอียดของหลินสวินแน่ชัด ทำให้พวกเขาไม่กล้าผลุนผลันโจมตีเต็มกำลัง

แน่นอนว่าก็มีพวกที่ถูกหลินสวินกำราบเหมือนห้าคนนั้นเช่นกัน ยามพุ่งออกมาจัดการหลินสวินล้วนลงเอยด้วยโศกนาฏกรรม

เดินทางไปเช่นนี้สามชั่วยาม จำนวนคู่ต่อสู้ที่ถูกหลินสวินกำราบตลอดทางมากถึงสิบเก้าคนแล้ว

ในนั้นสิบห้าคนมีมรรควิถีขั้นสรรสร้าง สี่คนมีมรรควิถีขั้นล่วงกฎ หากอยู่โลกภายนอกนั่นล้วนเป็นพวกที่ประหนึ่งนายเหนือหัวเรียกลมเรียกฝนได้ เกรียงไกรในโลก

แม้แต่ในโลกวิญญาณยุทธ์แห่งนี้ ขอเพียงไม่เข้าพื้นที่แกนกลาง ด้วยพลังของคนเหล่านี้ก็สามารถอยู่รอดได้นานขึ้นเช่นกัน

น่าเสียดาย หลังจากเจอหลินสวิน ชะตาชีวิตของพวกเขาถูกลิขิตให้ปิดฉากลงแล้ว

‘ข้างหน้าคงเป็นอาณาเขตพื้นที่แกนกลางของโลกวิญญาณยุทธ์แล้ว…’

หลินสวินเงยมองไป

ในฟ้าดินไกลโพ้นรายล้อมด้วยคลื่นพลังชีวิตมหามรรคที่หนาแน่นพลุ่งพล่าน ในทะเลโชคชะตาเหนือเวิ้งฟ้าแห่งนั้นหลั่งแสงสีขาวเวิ้งว้างเป็นสายๆ อาบชโลมภูผาธาราแถบนั้นให้อยู่ท่ามกลางกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ที่เก่าแก่และเร้นลับ

แสงสีขาวเป็นสายๆ นั้นถูกเรียกว่า ‘พลังชะตามหามรรค’ มีพลังน่าเหลือเชื่อ และเป็นประโยชน์ยิ่งยวดต่อการฝึกปราณของขั้นไร้ขอบเขต

ที่บอกว่ามีเพียงพื้นที่แกนกลางเท่านั้นจึงจะช่วงชิงบัวชะตามหามรรคได้ สาเหตุก็เพราะในพื้นที่แกนกลางสามารถสัมผัสและหลอมพลังชะตามหามรรคได้ ยามบัวชะตามหามรรคปรากฏ เพียงอาศัยพลังชะตามหามรรคที่หลอมไว้ก็สามารถเข้าสู่ทะเลโชคชะตาได้โดยตรง!

ตรงกันข้าม หากไม่ได้หลอมพลังชะตามหามรรคในปริมาณมากพอ เมื่อเฉียดใกล้ทะเลโชคชะตาก็จะถูกน้ำทะเลไพศาลนั่นกลบท่วม พบจุดจบที่ร่างแหลกมรรคสลาย

ต่างจากพื้นที่รอบนอก หลังจากเข้าพื้นที่แกนกลางหลินสวินถึงกับไม่เจอเงาร่างสักสายตลอดทาง

ทว่าหลินสวินยังสังเกตเห็นตลอดว่าพลังชะตามหามรรคที่กระจายทั่วฟ้าดินเหมือนถูกมือใหญ่ไร้รูปดูดไป หลั่งไหลไปยังทิศทางต่างๆ

เห็นชัดว่ามีคนกำลังดูดซับและหลอมพลังชะตามหามรรค

และจากการสังเกตการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ก็ทำให้หลินสวินระบุได้ชัดเจนว่าที่ไหนมีคนกำลังหลอมพลังอยู่ จึงหลีกเลี่ยงไปไกลๆ ก่อนหนึ่งก้าว

ฉะนั้นตลอดทางนี้จึงไร้คลื่นลม ไร้ภัยปราศจากอันตรายเช่นกัน

สองชั่วยามเต็มให้หลัง

หลินสวินหยุดเท้า

กลางฟ้าดินไกลๆ พลังชะตามหามรรคขาวเวิ้งว้างไหลไปทางเดียวกันเสมือนหมื่นธารคืนถิ่น

นั่นคือภูเขาเทพลูกหนึ่ง

ตัวภูเขานี้เจือสีม่วง เกรียงไกรสูงตระหง่าน ยอดเขาสูงชันในนั้นเหมือนใบบัวกลมมนใบแล้วใบเล่าค้ำยันฟ้าดิน

ภูเขาเทพใบบัว!

ส่วนลึกของนัยน์ตาหลินสวินทอประกายวาววับ

เพียงแต่ไม่นานเขาก็สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล

ยามพลังชะตามหามรรคขาวเวิ้งว้างกลางฟ้าดินนั่นหลั่งไหลไปทางภูเขาเทพใบบัวราวน้ำเชี่ยว กลับหยุดชะงักในพื้นที่ห่างจากภูเขาเทพใบบัวหมื่นจั้งและเลือนหายอย่างต่อเนื่อง

เห็นชัดว่าในพื้นที่แถบนั้นมีคนซุ่มอยู่ คอยสกัดกั้นพลังชะตามหามรรคที่หลั่งไหลเข้าหาภูเขาเทพใบบัวจากสี่ทิศแปดทางเอาไว้

เมื่อเป็นเช่นนี้ในพื้นที่รอบด้านของภูเขาเทพใบบัวจึงปรากฏพื้นที่ว่างเปล่าแถบหนึ่ง มีเพียงพลังชะตามหามรรคที่โปรยปรายลงมาจากเวิ้งฟ้าโดยตรงเท่านั้นที่ผู้ฝึกปราณบนภูเขาเทพใบบัวจะดูดซับได้

หลินสวินระบุได้ในทันที…

มีคนปิดกั้นอยู่นอกภูเขาเทพใบบัว และกำลังหลอมพลังชะตามหามรรคของฟ้าดินแถบนี้!

เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ฝึกปราณบนภูเขาเทพใบบัวย่อมทำได้เพียงดูดซับพลังชะตามหามรรคอันน้อยนิดจนน่าอนาถ

‘ช่างกำเริบเสิบสานจริงๆ…’

นัยน์ตาดำของหลินสวินไหววูบ

เขาไม่ต้องเดาสักนิดก็รู้ว่าพวกที่ขวางอยู่พื้นที่ใกล้เคียงภูเขาเทพใบบัวนั่น ย่อมต้องเป็นกำลังพลของลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน เผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลแน่นอน!

และการถูกคนขวางอยู่ตรงนั้นอย่างเปิดเผยเช่นนี้ แค่คิดก็รู้ว่ากำลังพลของลัทธิแรกกำเนิด ลัทธิวิญญาณ และคีรีดวงกมลในภูเขาเทพใบบัวจะอยู่ในสถานการณ์คับขันและอัดอั้นเพียงใด

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์