Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 3089

สรุปบท ตอนที่ 3089 ยามบุปผาร่วงโรย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 3089 ยามบุปผาร่วงโรย จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 3089 ยามบุปผาร่วงโรย คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 3089 ยามบุปผาร่วงโรย

เมื่อพูดถึงศิษย์พี่ใหญ่ บรรยากาศเงียบสงัดลง

จ้งชิวพยักหน้ากล่าว “ปีนั้นข้าทำตามคำกำชับของเจ้า ดึงพลังชีวิตส่วนหนึ่งออกมาจากเศษซากที่เหลืออยู่ของศิษย์พี่ใหญ่ ปัจจุบันผนึกอยู่ในขวดนี้”

จ้งชิวพูดพลางหยิบขวดหยกสีเขียวใบหนึ่งออกมา ส่งให้หลินสวินอย่างระมัดระวัง

หลินสวินรับขวดหยกมาไว้ในมือ แผ่จิตรับรู้ผ่านผนึกตรงตัวขวดเข้าไปสัมผัส

ทันใดนั้น…

คลื่นพลังชีวิตเป็นสายๆ ปรากฏในจิตรับรู้ มีจำนวนน้อยมาก

เพียงแต่พลังซึ่งแฝงอยู่ภายในพลังชีวิตนั้นกลับเรียกได้ว่าน่าหวาดกลัว ราวกับภูเขาไฟปะทุลุกโชน กำแหงและดุดันถึงขีดสุด

นี่ทำให้ในใจหลินสวินตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย มีพลังชีวิตพวกนี้แล้ว น่าจะทำให้ศิษย์พี่ใหญ่ ‘ฟื้นจากความตาย’ ได้!

“ศิษย์น้องเล็ก เป็นอย่างไรบ้าง”

เสียงของจ้งชิวดังขึ้นข้างหู หลินสวินเงยหน้าก็เห็นว่าไม่ว่าจะเป็นจ้งชิวหรือพวกรั่วซู่ หลี่เสวียนเวย แต่ละคนล้วนท่าทางว้าวุ่นและตื่นเต้น

ศิษย์พี่ใหญ่เป็นผู้สืบทอดคนแรกของคีรีดวงกมล แต่ปีนั้นกลับถูกพลังดรรชนีของอมิตาพุทธซินหูบดขยี้กายหยาบและพลังจิต ข่าวร้ายนี้ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนพังทลาย ในใจเปี่ยมความโศกเศร้า

กระทั่งต่อมาจ้งชิวเล่าความอัศจรรย์ของ ‘นัยเร้นลับนิพพาน’ ที่หลินสวินครอบครองให้พวกเขาฟัง ถึงทำให้พวกเขาจุดประกายความหวังขึ้นใหม่อีกครั้ง

ตอนนี้หลินสวินอยู่ตรงหน้า ช่วยชีวิตศิษย์พี่ใหญ่ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับประโยคเดียวของเขา!

หลินสวินคิดไปคิดมาแล้วกล่าวจริงจัง “มีความหวังสูงมาก”

เขาไม่กล้ารับประกัน

ปีนั้นที่ช่วยชีวิตถังเจียงได้เพราะถังเจียงเป็นแค่เด็กที่ไม่เคยฝึกปราณมาก่อน

แต่ศิษย์พี่ใหญ่ไม่เหมือนกัน เขาแจ้งมรรคระดับนิรันดร์แล้ว นัยเร้นลับนิพพานจะ ‘คืนชีพ’ ระดับนิรันดร์ได้หรือไม่ หลินสวินก็ไม่กล้ารับรอง

เขาได้แต่ช่วยสุดความสามารถ

แม้ว่าหลินสวินจะพูดอย่างรอบคอบ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเขาก็ยังทำให้พวกจ้งชิว รั่วซู่ตื่นเต้นขึ้นมา แต่ละคนแววตาเปล่งประกาย

“ดียิ่งนัก!”

“สุดท้ายแล้วมีความหวังย่อมดีกว่าไร้ความหวัง”

“ศิษย์น้องเล็ก เรื่องนี้ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”

เหล่าศิษย์พี่ล้วนพากันเอ่ยปาก เต็มไปด้วยความคาดหวังแรงกล้า

เมื่อเห็นดังนี้ยังไม่รอให้หลินสวินเอ่ยปาก จ้งชิวก็ขมวดคิ้วกล่าว “พวกเราอย่ากดดันศิษย์น้องเล็ก ถ้าเรื่องนี้สำเร็จ สำหรับพวกเราคีรีดวงกมลย่อมเป็นเรื่องดียิ่ง แต่หากล้มเหลวก็ไม่อาจตำหนิศิษย์น้องเล็กด้วยเหตุนี้”

“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว”

ทุกคนล้วนพากันพยักหน้า

“ศิษย์พี่ทุกท่านโปรดวางใจ ข้าจะทุ่มสุดความสามารถ”

หลินสวินยิ้มกล่าว

“สหายน้อยหลิน ถ้าไม่รังเกียจพวกเราเข้าร่วมงานเลี้ยงของพวกเจ้าด้วยได้ไหม”

เสียงหัวเราะเบิกบานพลันดังขึ้นแต่ไกล สิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลี เหรินฟู่เทียน และเหล่าบุคคลสำคัญของลัทธิแรกกำเนิดกับลัทธิวิญญาณมุ่งหน้ามาอย่างเอิกเกริก

“ยังไม่เริ่มสังสรรค์มีหรือจะปฏิเสธ เชิญผู้อาวุโสทุกท่านมาร่วมโดยเร็ว”

พวกหลินสวินลุกขึ้นต้อนรับทันที

งานเลี้ยงครานี้ทำให้หลินสวินร่นระยะห่างกับเหล่าบุคคลสำคัญแห่งลัทธิแรกกำเนิดและลัทธิวิญญาณที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก

หลังจากงานเลี้ยงสิ้นสุด สิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลี เหรินฟู่เทียนบอกหลินสวินว่าวันนี้พวกเขาจะออกเดินทางไปด้วยกัน มุ่งหน้าไปเยือนฐานที่มั่นศัตรูอีกครั้ง

จากคำพูดของสิงเจี้ยนสยา การต่อสู้ในโลกบัวชะตาอย่างน้อยครึ่งเดือน อย่างมากสามเดือนก็จะปิดฉากลง

แต่ก่อนปิดฉาก ผู้ฝึกปราณที่ยืนหยัดในการต่อสู้ไม่อยู่มักออกมาจากโลกบัวชะตามาก่อน

สถานการณ์เช่นนี้มีโอกาสสูงว่าจะเกิดขึ้นกับพวกซินหู เหลยซ่งด้วย

สิ่งที่สิงเจี้ยนสยากับฟู่หนานหลีต้องการทำก็คือมุ่งหน้าไปเฝ้ารออยู่ในฐานที่มั่นของศัตรู ดูว่ามีศัตรูกลับมาคนเดียวก่อนหรือไม่

เมื่อรู้เรื่องพวกนี้หลินสวินอดทอดถอนใจไม่ได้ ขิงแก่ย่อมเผ็ดตามคาด การกระทำนี้ของสิงเจี้ยนสยาและฟู่หนานหลีดูเหมือนบ้าบิ่น แต่หากฉวยโอกาสได้จริงๆ เมื่อมีศัตรูกลับออกมาจากโลกบัวชะตา ย่อมโจมตีอีกฝ่ายจนรับมือไม่ทันแน่!

ถึงอย่างไรพวกศัตรูที่ต่อสู้ห้ำหั่นดุเดือดในโลกบัวชะตาตอนนี้ก็ไม่มีทางรู้แน่ ว่าสถานการณ์ในโลกวิญญาณยุทธ์นี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงนานแล้ว

เดิมทีหลินสวินยังคิดมุ่งหน้าไปด้วย แต่กลับถูกพวกสิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลี เหรินฟู่เทียนสามคนปฏิเสธหมด กำชับให้เขาคอบยดูแลบนภูเขาเทพใบบัว

หลินสวินได้แต่ตกปากรับคำ

ภูเขาเทพใบบัวมียอดเขาเหมือนใบบัวมากมายกระจายอยู่

ภายในนั้นส่วนใหญ่ล้วนว่างเปล่า

หลินสวินสุ่มเลือกยอดเขาลูกหนึ่งแล้วสร้างถ้ำสถิตบนนั้น ทำเป็นสถานที่พักผ่อนของตน

“พวกเจ้าสี่คน ตั้งแต่นี้ไปสามารถฝึกปราณบนภูเขานี้ได้อย่างอุ่นใจ สำหรับความเป็นมาของพวกเจ้า ข้าบอกคนอื่นบนภูเขาหมดแล้ว ไม่ต้องห่วงว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

หน้าถ้ำสถิตหลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง เงาร่างของพวกหญิงสาวชุดดำสี่คนปรากฏออกมา

ตอนนี้หลินสวินรู้แล้วว่าหญิงสาวชุดดำชื่อหรันไฉ่เหอ ชายร่างสูงใหญ่ชื่ออินหรูไห่ ชายชราตัวเล็กร่างผอมที่หลังพาดกระบี่ยักษ์ชื่อจู๋ถงชี่ ชายชุดขาวสวมเกี้ยวประดับสูงชื่อผิงเทาจิ่ง

“ขอบคุณสหายยุทธ์หลิน!”

พวกหรันไฉ่เหอล้วนเผยสีหน้าซาบซึ้ง

“รอเมื่อไหร่ที่พวกเรากำจัดขุมอำนาจศัตรูได้หมดแล้ว ทุกท่านค่อยเลือกเองว่าจะจากไปหรือไม่ ข้าคนแซ่หลินไม่มีทางเหนี่ยวรั้งแน่”

หลินสวินยิ้มกล่าว

พวกหรันไฉ่เหอสบตากันแล้วพยักหน้า

ไม่นานพวกเขาสี่คนก็จากไป ตั้งที่พักบนยอดเขาที่หลินสวินปักหลัก

แต่จากมุมมองหลินสวิน พลังชีวิตพวกนี้คงสู้พลังที่แฝงในเลือดพิสุทธิ์หยดหนึ่งของศิษย์พี่ใหญ่ไม่ได้ อ่อนแอเกินไปแล้ว

‘หากเป็นเช่นนี้ต่อไป แม้จะช่วยศิษย์พี่ใหญ่กลับมาได้ก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลากี่ปี…’

หลินสวินพึมพำในใจ

สำหรับเขาใช้เวลากี่ปีไม่ใช่ปัญหา

ปัญหาคือหลินสวินยังไม่กล้ารับรองว่าสุดท้ายจะสำเร็จหรือไม่

‘ช่างเถอะ ข้าทุ่มเต็มกำลังก็พอ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องลองดู!’

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ตัดสินใจว่านับตั้งแต่วันนี้ไป นอกเสียจากว่าจะเจอเรื่องเร่งด่วน เวลาอื่นเขาจะใช้กายมรรคทั้งห้าสำแดงนัยเร้นลับนิพพานพร้อมกัน ฟื้นคืนพลังชีวิตของศิษย์พี่ใหญ่ขึ้นมาใหม่

กระทั่งวันที่ยี่สิบสามหลังจากบัวชะตามหามรรคปรากฏ บนเวิ้งฟ้าทะเลโชคชะตาที่ราบเรียบไร้คลื่นลมมาตลอดพลันเกิดคลื่นซัดรุนแรง

บนเวิ้งฟ้าเหมือนมีเสียงอสนีบาตนับไม่ถ้วนดังก้องทันที!

“การต่อสู้ครานี้จะสิ้นสุดแล้ว…”

บนภูเขาเทพใบบัว ทุกคนล้วนตกใจ พากันก้าวออกจากถ้ำสถิตมารวมตัวกัน

เงาร่างหลินสวินก็ยืนอยู่กับพวกจ้งชิว รั่วซู่ สายตามองทะเลโชคชะตานั่นเช่นกัน

ก็เห็นบัวชะตามหามรรคที่เดิมกลีบดอกทั้งเก้าหุบปิดพลันเบ่งบานกลางทะเลโชคชะตาใหม่อีกครั้ง แสงมรรคสลัวรางนับหมื่นแสนพวยพุ่ง

จากนั้นเงาร่างเจือกลิ่นอายน่ากลัวสายแล้วสายเล่าพุ่งออกมาจากบัวชะตามหามรรค

“น่าเสียดาย ดันถูกพวกซินหูแห่งโลกวิญญาณยุทธ์ชิงโอกาสครั้งนี้ไปได้…”

“ก่อนเคราะห์แห่งยุคสมัยมาเยือนยังมีเวลาอีกแปดร้อยกว่าปี ในภายหน้าย่อมมีบัวชะตามหามรรคปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบร้อน”

“หึๆ ครั้งนี้แม้ว่าจะถูกโลกวิญญาณยุทธ์ชิง ‘แท่นมรรคบัวชะตา’ แต่พวกเขาก็จ่ายค่าตอบแทนไปมากด้วยเหตุนี้ ภายหน้าคงยากต่อกรกับพวกเราอีก”

…เสียงแล้วเสียงเล่าดังก้องบนทะเลโชคชะตา

ก็เห็นเงาร่างน่ากลัวพวกนั้น บ้างสีหน้าไม่น่าดูเจือความไม่ยินยอม บ้างสีหน้ามืดมนถอนใจยาว และบ้างยิ้มหยันต่อเนื่อง

แต่ไม่นานเงาร่างน่ากลัวพวกนี้ก็หายไปยังต่างทิศทางของทะเลโชคชะตา

เมื่อได้ยินเสียงพวกนี้กลับทำให้พวกหลินสวินต่างอึ้งงัน

ครั้งนี้พวกซินหู เหลยซ่งคว้าโอกาสไปแหล่งสถานอัศจรรย์ได้จริงหรือ

สำหรับพวกหลินสวิน ข่าวนี้เรียกว่ามีทั้งร้ายทั้งดี

ด้านร้ายคือขั้นไร้ขอบเขตเล็กที่รากฐานพลังพลิกฟ้าอย่างเย่อู๋เฮิ่น จี้เทียนชิง จื่อเชอชงจะมุ่งหน้าไปแหล่งสถานอัศจรรย์

ด้านดีคือในการต่อสู้ดุเดือดที่สืบเนื่องมายี่สิบสามวันครานี้ ขุมอำนาจศัตรูพวกนั้นจ่ายค่าตอบแทนไปมากเช่นกัน

ทั้งการจากไปของพวกเย่อู๋เฮิ่นยังตัดกำลังพลของขุมอำนาจศัตรูพวกนั้นลงด้วย!

…………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์