Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 3148

สรุปบท ตอนที่ 3148 เปลี่ยนตนเป็นมรรค แปลงมรรคเป็นฟ้า: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 3148 เปลี่ยนตนเป็นมรรค แปลงมรรคเป็นฟ้า จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 3148 เปลี่ยนตนเป็นมรรค แปลงมรรคเป็นฟ้า คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 3148 เปลี่ยนตนเป็นมรรค แปลงมรรคเป็นฟ้า

พายุฝนกระหน่ำ พยับเมฆม้วนซัด

มีสายฟ้าฟาดตัดทำลายความมืดของใต้หล้าเป็นครั้งคราว สะท้อนสีหน้าเนี่ยถิงจนวูบไหวไม่หยุด

หลินสวินคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะรู้จักตนด้วย “สหายยุทธ์ได้ยินชื่อแซ่ของข้ามาจากไหนหรือ”

เนี่ยถิงตั้งสติพลางกล่าว “เกือบร้อยปีมานี้ หลังจากมีผู้คนมากมายมุ่งหน้ามาโลกแปรปุถุชนย่อมพูดถึงเรื่องของสหายยุทธ์หลิน จนกระทั่งปัจจุบันสหายร่วมวิถีไม่น้อยที่กระจายอยู่ในโลกแปรปุถุชนนี้ล้วนรู้ทุกการกระทำของสหายยุทธ์หลินยามอยู่ทะเลโชคชะตาแล้ว”

เขาพูดตรงนี้สีหน้าดูแปลกไปอยู่บ้างเล็กน้อย

เห็นชัดว่าคิดไม่ถึงว่าจะเจอชายหนุ่มที่ ‘ฟันฝ่าจนชื่อเสียงสะท้านฟ้า’ อย่างหลินสวินในยามนี้

“ที่แท้เป็นเช่นนี้”

หลินสวินเข้าใจกระจ่าง หยิบเหล้าเก่ากาหนึ่งออกมา ชี้ไปตรงที่หลบฝนซึ่งอยู่ห่างไกล “สหายยุทธ์ มาร่ำสุราสนทนากับข้าคนแซ่หลิน พูดคุยเรื่องของโลกแปรปุถุชนนี้ได้หรือไม่”

เนี่ยถิงลังเลเล็กน้อย แต่ยังพยักหน้ากล่าว “ก็ดี”

ไม่นานทั้งสองคนนั่งลงกับพื้น ร่ำสุราเจรจาพาที ซย่าจื้อทอดมองคืนฝนพรำมืดมิดที่ห่างไปอยู่ข้างๆ

กระทั่งผ่านไปสองชั่วยาม เนี่ยถิงลุกขึ้นขอตัวกลับ

หลินสวินไม่ได้เหนี่ยวรั้ง เรื่องมากมายเกี่ยวกับโลกแปรปุถุชนนี้เขาได้รู้จากปากของเนี่ยถิงแล้ว

“ซย่าจื้อ รอฝนรอบนี้หยุดแล้วพวกเราไป ‘อาณาจักรสมโภช’ กัน”

หลินสวินกล่าว

โลกแปรปุถุชนมีสี่สิบเก้าอาณาจักร อาณาจักรสมโภชเป็นหนึ่งในนั้น ถ้าออกเดินทางจากพื้นที่ราวรกร้างแห่งนี้ ไม่เกินสามวันก็จะไปถึง

นั่นคืออาณาจักรธรรมดาแห่งหนึ่ง มีจักรพรรดิ ขุนนาง ชนชั้นสูง ราษฎรที่อยู่ในนั้นมีนับหมื่นแสน อาณาเขตกว้างใหญ่เป็นอย่างยิ่ง

“ได้”

ซย่าจื้อพยักหน้า

หลินสวินยิ้มรับ ทอดมองคืนฝนพรำที่ห่างออกไป จมสู่ภวังค์ความคิด

จากคำพูดของเนี่ยถิง ในอาณาจักรสี่สิบเก้าแห่งนั้นล้วนมีปราณมรรคฟ้าดินกระจายอยู่ ปุถุชนมองไม่เห็น แต่สำหรับผู้ฝึกปราณแล้วกลับสัมผัสถึงพลังของ ‘ระเบียบมรรควัฏจักร’ จากปราณมรรคฟ้าดินนั้นได้

สิ่งที่เรียกว่าระเบียบมรรควัฏจักร ก็คือพลังกฎระเบียบที่รักษาความเรียบร้อยของโลกแปรปุถุชนนี้

นับแต่อดีตถึงปัจจุบัน ขอแค่เป็นผู้บุกผ่านประตูสวรรค์ กฎระเบียบบนตัวเขาก็จะจัดอยู่ในระเบียบมรรควัฏจักร

ระเบียบมรรควัฏจักรขับเคลื่อนโลกแปรปุถุชน ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนทั้งสี่สิบเก้าอาณาจักร ทำให้เกิดผลลัพธ์จากการ ‘ขัดเกลาสรรพชีวิต’

พลังระเบียบมรรคใดที่สรรพสิ่งทั่วหล้ายึดถือมาก ก็สื่อนัยว่าอิทธิพลของระเบียบมรรคนั้นยิ่งมาก

ก็เหมือนผู้ศรัทธา บ้างนับถือศาสนาพุทธ บ้างเชื่อลัทธิขงจื๊อ บ้างศรัทธาลัทธิเต๋า…

แตกต่างทว่าเหมือนกัน

แค่สรรพสิ่งทั่วหล้ายึดกฎบางอย่างเป็นกฎเหล็ก ทำตามกฎเกณฑ์ แต่ไม่ใช่ผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง

นับแต่อดีตถึงปัจจุบัน ขอเพียงเป็นผู้มากสามารถที่มาถึงโลกแปรปุถุชน ย่อมหวังให้วิชามรรคของตนถูกจัดไว้ในระเบียบมรรควัฏจักรเป็นธรรมดา

เช่นนี้ก็จะส่งผลต่อสรรพสิ่งทั่วหล้า จากนั้นจึงได้รับ ‘นัยเร้นลับ’ ของโลกนี้… ผลมรรคแรกกำเนิด

และก้าวสู่ ‘ประตูสวรรค์’ เข้าไปในโลกชั้นที่สองของแดนเทพสรรพวิญญาณ

ถ้าอยากทำทุกอย่างนี้ก็ต้องเข้าร่วมการต่อสู้มหามรรค

หรือก็คือ ‘ประลองมรรค’

แน่นอนว่าหลินสวินไม่หวาดกลัวเรื่องพวกนี้ สาเหตุที่เขาตัดสินใจมุ่งหน้าไปอาณาจักรสมโภช ก็เพราะว่ามีเพียงอยู่ในปราณมรรคฟ้าดินจึงจะสามารถควบรวม ‘ตำราหยกวิชามรรค’ ของตนได้

สิ่งที่เรียกว่าตำราหยกวิชามรรคก็คือของที่เหมือนสิ่งยืนยัน วิวัฒน์จากพลังกฎระเบียบวัฏจักรในปราณมรรคฟ้าดิน

เมื่อมีของสิ่งนี้แล้วก็เท่ากับมีคุณสมบัติเข้าร่วมการต่อสู้มหามรรค ไม่เพียงสัมผัสถึงคู่แข่งคนอื่นที่กระจายอยู่ในโลกแปรปุถุชนนี้อย่างชัดเจน

เมื่อเริ่มการต่อสู้มหามรรค ยามวิชามรรคของตนขึ้นไปอยู่ในกฎระเบียบวัฏจักร ยังอาศัยตำราหยกวิชามรรคนี้มาชักนำผลมรรคแรกกำเนิดได้ด้วย!

การต่อสู้มหามรรคแบ่งเป็นสองอย่าง

อย่างหนึ่งคือตัดสินสูงต่ำกับผู้มากสามารถคนอื่นที่กระจายอยู่ในโลกนี้

อีกอย่างคือไปประลองกับพลังวิชามรรคที่ถูกจัดไว้ในระเบียบมรรควัฏจักรพวกนั้น

อารามกลางหมู่เขาที่ห่างไปไม่ไกลหลังนั้นก็เป็นสิ่งที่วิวัฒน์จากพลังระเบียบมรรควัฏจักรอย่างหนึ่ง เป็นตัวแทนวิชามรรคของผู้มากสามารถคนหนึ่งที่บุกผ่านประตูสวรรค์

ผู้มากสามารถคนนี้มีฉายามรรคว่า ‘ราชันวิญญาณฉีอวี้’ ออกจากโลกแปรปุถุชนไปนานแล้ว

หากเอาชนะวิชามรรคที่เขาทิ้งไว้ในระเบียบมรรควัฏจักรได้ แน่นอนว่าย่อมแทนตำแหน่งเขาได้

และแน่นอนว่าสิ่งนี้ไม่สร้างผลกระทบใดต่อราชันวิญญาณฉีอวี้

ถึงอย่างไรราชันวิญญาณฉีอวี้ก็จากไปนานแล้ว

แต่การทำเช่นนี้ใช่ว่าไม่มีความเสี่ยง ด้วยการต่อสู้กับกฎระเบียบวัฏจักรย่อมถูกตีพ่ายยับเยินโดยง่าย ถึงขั้นอาจบาดเจ็บล้มตาย

ก่อนหน้านี้หลินสวินก็เห็นแล้ว เนี่ยถิงเก็บตัวในภูผาธาราไร้ขอบเขตแห่งนี้มาเป็นเวลาหลายหมื่นปี ท้าประลองกับวิชามรรคที่ราชันวิญญาณฉีอวี้ทิ้งไว้มานับร้อยครั้ง

น่าเสียดาย…

จนถึงปัจจุบันยังไม่สำเร็จ

ต้องรู้ว่าเนี่ยถิงเป็นถึงสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพหกครั้ง มาถึงโลกแปรปุถุชนนี้ตั้งแต่การในยุคก่อน ผ่านกาลเวลาไร้สิ้นสุด แต่จนปัจจุบันก็ยังไม่อาจได้รับผลมรรคแรกกำเนิด!

แค่คิดก็รู้แล้วว่าการต่อสู้มหามรรคเช่นนี้ยากเพียงใด

กระทั่งตกดึก

พยับเมฆบนเวิ้งฟ้าซ่านสลาย พายุฝนกระหน่ำเปลี่ยนเป็นฝนพรำกระทั่งมองไม่เห็น

หลินสวินลุกขึ้น ทะลวงนภาไปพร้อมซย่าจื้อมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตที่ห่างไกล

กระทั่งเงาร่างของพวกเขาหายไปครู่ใหญ่

“ไม่ ทั้งหมดเป็นของจริง”

หลินสวินยิ้ม “ข้าเข้าใจแล้ว ในอาณาจักรธรรมดาแห่งนี้ผู้ฝึกปราณอย่างพวกเราก็คือ ‘มรรค’ เดิมมรรคไร้นาม ไร้รูปไร้สี พวกเขาย่อมมองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้เป็นธรรมดา”

เขาเว้นช่วงไปก่อนกล่าวต่อ “พวกเราก็ไม่อาจยื่นมือแทรกแซงเรื่องทุกอย่างในโลกปุถุชนนี้เช่นกัน หากคิดจะส่งผลการกระทำของพวกเขา ก็ได้แต่พึ่งพาพลังของกฎระเบียบวัฏจักร”

หลินสวินพูดพลางทอดสายตามองไปไม่ไกล ที่นั่นมีเสียงอ่านหนังสือดังมาเป็นระลอก ถึงกับเป็นสำนักศึกษาแห่งหนึ่ง ในสำนักศึกษามีเด็กมากมายกำลังอ่านบทความ

‘กล่อมเกลาสรรพชีวิต การอ่านหนังสือคือวิธีซึ่งเป็นเลิศโดยไม่ต้องสงสัย’

หลินสวินใคร่ครวญ

หลังจากนั้นเขาเดินอยู่ในเมืองกับซย่าจื้อ เรื่องราวบนโลกเผยออกมาโดยสมบูรณ์ แต่ยังต่างจากสิ่งที่หลินสวินเคยเห็นในอดีต

ทุกคนดูเหมือนกำลังก้าวผ่านชีวิตของตน แต่ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขากลับถูกปกคลุมอยู่ภายใต้พลังกฎระเบียบที่มองไม่เห็น กระทั่งความคิด เจตนารมณ์ กฎเกณฑ์การเข้าสังคมของพวกเขาล้วนได้รับอิทธิพลจากระเบียบมรรคไร้รูป

ทว่าอิทธิพลเช่นนี้ไม่ใช่การควบคุม แต่เป็นไปตามกลไกธรรมชาติ

เมื่อเห็นภาพเหล่านี้ ในใจหลินสวินพลันเกิดระลอกคลื่นบอกไม่ถูก

สิ่งมีชีวิตบนโลกนี้เป็นเช่นนี้ ผู้คนในจักรวรรดิจื่อเย่านั้นก็เหมือนกันหรือไม่

ดินแดนรกร้างโบราณ ทางเดินโบราณฟ้าดารา โลกพันจักรวาล โลกยอดนิรันดร์… สิ่งมีชีวิตในโลก จักรวาล อาณาเขตนับไม่ถ้วนนี้ ได้รับอิทธิพลจากพลังกฎระเบียบที่ต่างกันด้วยหรือไม่

ยิ่งคิดในใจหลินสวินก็ยิ่งมีความรู้สึกประหลาดที่บอกไม่ถูกอย่างหนึ่ง

สิ่งมีชีวิตบนโลกก่อเกิดจากฟ้าดิน ความจริงแล้วล้วนได้รับอิทธิพลจากพลังนานัปการโดยปริยาย

พลังเหล่านั้นมาจากที่ไหน

อยู่ในระเบียบมรรควัฏจักร!

หรือเรียกได้ว่า ‘มรรคสวรรค์’ ในสายตาผู้ฝึกปราณ

ตอนนี้ยามอยู่ในเมืองเมฆา หลินสวินเพิ่งตระหนักได้อย่างฉับพลันว่าผู้ประชันมหามรรคอย่างพวกเขา สิ่งที่แย่งชิงกันคือพลังอย่างหนึ่งซึ่งแทนที่มรรคสวรรค์!

ใช่ว่าธำรงธรรมแทนสวรรค์

แต่เปลี่ยนตนเป็นมรรค แปลงมรรคเป็นฟ้า!

‘ก็ถูก มีเพียงผู้ฝึกปราณที่หยั่งรู้มหามรรค ก้าวสู่การฝึกปราณ จึงจะสามารถไปควบคุมและอยู่เหนือกฎระเบียบ ระเบียบอมตะก็ดี กฎระเบียบนิรันดร์ก็ช่าง กล่าวกันถึงที่สุดแล้วล้วนเป็นมหามรรค…’

หลินสวินพึมพำในใจ คล้ายกำลังขบคิด

เขาเข้าใจนัยเร้นลับของโลกแปรปุถุชนบ้างแล้ว

ผู้ฝึกปราณทำการหยั่งรู้มหามรรค

ปุถุชนใช้ชีวิตอยู่ภายใต้กฎระเบียบมรรคสวรรค์

‘การประลองมรรค’ ที่ขั้นไร้ขอบเขตอย่างพวกเขาแข่งขันกันก็คือขั้นตอนการเข้ามาแทน ‘มรรคสวรรค์’ !

……………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์