Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 3150

ตอนที่ 3150 คนที่ต้องฆ่า

‘ดูท่าตำราหยกวิชามรรคนี้จะทิ้งไม่ได้แน่ๆ’

ขณะที่หลินสวินตรึกตรองอยู่ พอใจคิด ตำราหยกวิชามรรคในมือก็หลอมเข้าไปในลายมือ

เมื่อดูซย่าจื้อ นางก็เก็บตำราหยกวิชามรรคไปแล้วเช่นกัน

“ไม่ทราบขอถามชื่อสหายยุทธ์ทั้งสองได้หรือไม่”

ก็ในตอนนี้เองบัณฑิตวัยกลางคนที่อยู่ไกลออกไปเอ่ยปาก

สายตาของขั้นไร้ขอบเขตที่อยู่รอบๆ คนอื่นต่างมองหลินสวินกับซย่าจื้อเช่นกัน

บรรยากาศเปลี่ยนเป็นอึดอัดขึ้นมาชอบกล

สายตาหลินสวินมองไป พูดคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “ก่อนหน้านี้สหายยุทธไม่ถาม กลับรอหลังจากข้าหลอมตำราหยกวิชามรรคถึงเอ่ยปาก นี่ดูจะมีอะไรแอบแฝงหรือไม่”

บัณฑิตวัยกลางคนนัยน์ตาหดรัด พลันหัวเราะแหะๆ เอ่ยว่า “สหายยุทธ์อย่าเห็นแปลก สหายร่วมวิถีในโลกแปรปุถุชนแห่งนี้ต่างรู้ดี ว่ามีแต่หลอมตำราหยกวิชามรรคออกมาพวกเราจึงจะอยู่ในสถาณการณ์เดียวกัน เช่นนี้ถึงกระทำการได้สะดวก”

“เจ้าพูดถูก มีสิ่งนี้ก็เท่ากับเป็นคู่ต่อสู้ในการต่อสู้มหามรรค เช่นนี้แล้วไม่ว่าจะเป็นการแก้แค้นหรือการต่อสู้มหามรรคจริงๆ ต่อให้หนีไปตอนนี้ก็จะถูกหมายหัวอยู่ตลอด”

หลินสวินพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ ก็เอ่ยถามว่า “ขอถามสหายยุทธ์ คนที่ต้องฆ่าที่เจ้าพูดถึงก่อนหน้านี้หมายถึงใคร”

บัณฑิตวัยกลางคนอึ้งไป

ไม่ทันรอให้เขาเอ่ยปาก ชายชราที่ยืนอยู่หน้าโรงเตี๊ยม ถือน้ำเต้าสีชาดใบหนึ่งก็พลันเอ่ยว่า “เจ้าก็คือหลินสวินกระมัง”

คำพูดประโยคเดียว เอ่ยราบเรียบตามอารมณ์

แต่ไม่ว่าจะเป็นบัณฑิตวัยกลางคนผู้นั้นหรือยอดบุคคลอื่นที่อยู่ที่นั่น ต่างโคจรพลังขับเคลื่อนทั้งร่างอยู่เงียบๆ ดวงตาจ้องเขม็งที่หลินสวิน

หลินสวินเงียบไปสักพัก จู่ๆ ก็ยิ้มออกมา “ดูท่าคนที่ต้องฆ่าผู้นี้จะหมายถึงข้าคนแซ่หลินดังคาด”

ยามได้พบเนี่ยถิงกลางราตรีฝนพรำเมื่อแรกสุดนั้น เนี่ยถิงก็เคยพูดไว้ว่าในช่วงหลายร้อยปีนี้ผู้ฝึกปราณมากมายในโลกแปรปุถุชนแห่งนี้ต่างได้ยินชื่อของเขาหลินสวินมานานแล้ว ทั้งยังรู้ถึงสิ่งที่เขาทำในทะเลโชคชะตาอีกด้วย

ในสถานการณ์เช่นนี้ เมื่อได้ยินว่าพวกบัณฑิตวัยกลางคนอยู่ที่นี่เพื่อรอ ‘คนที่ต้องฆ่า’ ในใจหลินสวินก็กังขาไปแล้ว

จนหลังจากชายชราที่อยู่หน้าโรงเตี๊ยมนั่นเอ่ยปาก เรียกชื่อของเขาหยั่งเชิงดู หลินสวินจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเฒ่าชราพวกนี้รอตนอยู่ที่นี่

“ถึงกับเป็นเจ้าคนแซ่หลินผู้นี้จริงๆ!”

ชั่วขณะเดียวบัณฑิตวัยกลางคนนัยน์ตาหดรัด แววเย็นชาปรากฏขึ้นบนใบหน้า

ชายสวมเกราะเทพ หยิ่งผยองดุจเทพสงครามที่อยู่บนฟ้าสูงนั้นก้าวย่าง ลอยลงมาจากชั้นเมฆ

เด็กหนุ่มชุดขาวที่พาดกระบี่ไว้หน้าตัก นั่งอยู่กลางอากาศลุกขึ้น ถือกระบี่มรรคไว้ในมือลวกๆ

หญิงสาวกระโปรงสีรุ้งที่ปะปนอยู่ในโรงน้ำชาฟังการเล่าเรื่องอยู่เดินออกมาจากโรงน้ำชา…

ผู้มากสามารถคนแล้วคนเล่าเคลื่อนไหวจากทิศต่างๆ

พลังขับเคลื่อนที่อุบัติขึ้นจากร่างพวกเขาประหนึ่งภูเขาถล่มทะเลคำราม ปกคลุมฟ้าดินแห่งนี้ ทั้งยังครอบทับจัตุรัสมหึมาหน้าพระราชวังนั้น รวมถึงหลินสวินกับซย่าจื้อที่อยู่ในนั้นด้วย

ที่น่าพิศวงก็คือ ความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ไม่ได้กระทบกับสรรพชีวิตที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงเลย ที่โรงเตี๊ยมโรงน้ำชายังครึกครื้นเหมือนเดิม ตามตรอกซอกซอยยังมีเงาร่างคลาคล่ำไม่ขาดสาย

ในเมืองเดียวกันกลับเหมือนอยู่สองโลก!

หลินสวินไม่ได้ถอย เอ่ยสีหน้ากังขาว่า “ทุกท่าน จะบอกข้าหน่อยได้หรือไม่ว่าความแค้นระหว่างพวกเรา คุ้มค่ากับที่พวกเจ้ารออยู่ที่นี่มาอย่างยากเย็นไหม”

บัณฑิตวัยกลางคนยิ้มน้อยๆ เอ่ยว่า “ถ้าเจ้ารอดไปได้ ข้าก็จะบอก”

หลินสวินกวาดมองทุกคนแล้วยิ้มกล่าว “หวังว่าจะเป็นอย่างที่เจ้าพูด”

ตูม!

เสียงพูดยังไม่ทันเงียบลง ชายที่สวมเกราะเทพ ดุจเทพสงครามผู้นั้นก็ชิงเคลื่อนไหวก่อนแล้ว เพลิงเทพเจิดจ้าอุบัติขึ้นจากร่างเขา ส่องสว่างไปทั้งเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน

ชิ้ง!

เมื่อเขาสะบัดมือ กฎระเบียบเปลวเพลิงนับไม่ถ้วนก็แปลงเป็นดาบศึกเล่มหนึ่งฟันออกมา อหังการไร้สิ้นสุด

“ให้ข้าเอง”

ซย่าจื้อชิงลงมือก่อนก้าวหนึ่ง

นางรู้สึกเบื่อมานานแล้ว เมื่อถูกปิดล้อม ในใจถึงกับรู้สึกตั้งตาคอย จะยังชักช้าได้อย่างไร

ก็พบว่าเงาร่างอรชรของนางทะยานขึ้นฟ้า เมื่อนางแกว่งหมัดออกไปครั้งหนึ่ง พลังหมัดนั้นก็ปะทุออกมาคล้ายธารดาราเก้าฟ้าสายหนึ่ง ในกระแสไพศาลมีแต่กลิ่นอายกาลเวลา

ความแกร่งกล้าของพลังเช่นนั้น ซัดให้ดาบศึกนั่นแตกกระเจิง กฎระเบียบเปลวเพลิงเต็มฟ้ากระจัดกระจาย

ชายชุดเกราะเทพนัยน์ตาหดรัด เปลี่ยนกระบวนท่าไม่ทันแล้ว พลันตั้งแขนทั้งสองข้างบังตัว เข้ารับเต็มๆ

โครม!

หมัดดุจกาลเวลา ทำลายร่างของชายเกราะเทพในพริบตาเดียว คล้ายตกอยู่ในกระแสกาลเวลาอันยิ่งใหญ่ พลังมหามรรคทั้งร่างถูกกดข่มโดยสมบูรณ์ บาดเจ็บสาหัส พลังปราณทั้งตัวถูกซัดจนลดฮวบลงไปมาก!

ขั้นไร้ขอบเขต ไม่หวั่นกลัวการโจมตีของกาลเวลา

แต่หมัดนี้ของซย่าจื้อกลับกดข่มมรรควิถีทั้งร่างชายชุดเกราะเทพผู้นั้น ถึงขั้นอานุภาพที่เกิดขึ้นยังเรียกได้ว่าทำลายทะลุทะลวง แข็งแกร่งหาใดเทียบ

หมัดเดียวสะท้านไปทั้งที่นั้น

พวกบัณฑิตวัยกลางคนหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ต่างลงมือช่วยเหลือทันที

ยอดบุคคลสิบกว่าคนร่วมกันเคลื่อนไหว พลังขับเคลื่อนที่อยู่บนร่างปะทุเหมือนภูเขาไฟที่สะสมพลังมานานแล้ว ต่างแสดงอานุภาพไร้ขอบเขตของตนออกมา

ศาสตรามรรคนิรันดร์ส่งเสียงชิ้งๆ เริงระบำกระจัดกระจาย อภินิหารสูงสุดชักนำหมื่นลักษณ์ทั่วหล้า ปั่นป่วนจักรวาล แต่ละคนต่างดูน่ากลัวได้ปานนั้น

แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ซย่าจื้อกลับเอ่ยปากว่า “หลินสวิน เจ้าอย่าสอดมือ”

เสียงใสกังวานนั้นเพราะพริ้งดุจขลุ่ยสวรรค์

แต่ความหมายในคำพูดกลับทำเอายอดบุคคลพวกนั้นต่างอึดอัด ล้วนอยู่ระดับขั้นเดียวกัน แต่ใครเคยเห็นคนที่กำเริบเสิบสานเช่นนี้บ้าง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์