Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 3169

สรุปบท ตอนที่ 3169 โลกแห่งความมืดมน วิญญาณหมอกดุร้าย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปตอน ตอนที่ 3169 โลกแห่งความมืดมน วิญญาณหมอกดุร้าย – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

ตอน ตอนที่ 3169 โลกแห่งความมืดมน วิญญาณหมอกดุร้าย ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 3169 โลกแห่งความมืดมน วิญญาณหมอกดุร้าย

“หลินสวิน ข้ารอเจ้าที่โลกมืดมน”

หลังจากดูดซับผลมรรคแรกกำเนิดอย่างหมดจด จู่ๆ ซย่าจื้อก็พลันเอ่ยปาก จากนั้นเงาร่างของนางก็กลายเป็นหนึ่งแสงมรรค ทะยานหายเข้าไปในประตูสวรรค์บานนั้น

ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นล้วนเคลื่อนสายตามองไปยังหลินสวินตามจิตใต้สำนึก

คนผู้นี้ก็จะฝ่าด่านทันทีเช่นกันหรือ

ความคิดนี้เพิ่งผุดขึ้นในสมอง ผู้ฝึกปราณเหล่านี้ก็เห็นชายที่ถูกเรียกว่าหลินสวินคนนั้นเคลื่อนไหวแล้ว

เขาก้าวเท้าทะยานขึ้น สองมือไพล่หลัง ก้าวไปทางแม่น้ำที่กว้างใหญ่ไพศาลนั่น

จากนั้นสายน้ำพลิกม้วนโดยพลัน ฟองคลื่นท่วมฟ้า ภายใต้การจับจ้องด้วยแววตาสะท้านสะเทือน แม่น้ำใหญ่นั่นถึงกับแยกออกจากตรงกลาง กระแสคลื่นทั้งหมดล่าถอยไปสองฝั่ง เผยเส้นทางตรงดิ่งสายหนึ่งไปยังอีกฝั่งของแม่น้ำ!

เงาร่างของหลินสวินก็เหมือนเคลื่อนย้าย ไม่พบเจอการขัดขวางใดๆ สักนิด พริบตาก็มาถึงฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำแล้ว!

ทั่วบริเวณเงียบกริบ

ทุกคนปากอ้าตาค้าง

ด่านเคาะใจเป็นด่านที่อันตรายปานใด ในกาลเวลาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ในแม่น้ำใหญ่นั่นฝังผู้ฝึกปราณที่สะเทือนฟ้าดินไม่รู้เท่าไร

แต่ตอนนี้แม่น้ำไพศาลแห่งนี้กลับแยกออกเป็นสองส่วน แหวกเส้นทางสายหนึ่งเบื้องหน้าหลินสวิน!

ภาพนี้เรียกได้ว่าไม่เคยมีมาก่อนอย่างแน่นอน!

วู้ม…

ริมฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ ละอองแสงเจิดจรัสตัดสลับ พลังบ่อเกิดแรกกำเนิดแถบหนึ่งไหลหลั่งอาบชโลมเงาร่างหลินสวิน เดี๋ยวเลือนเดี๋ยวชัด ดั่งฝันดุจมายา

‘ดังคาด เป็นพลังต้นกำเนิดของแหล่งสถานอัศจรรย์แห่งนี้!’

ในใจหลินสวินสั่นไหว

เช่นเดียวกับตอนออกจากโลกแปรปุถุชน ที่เขาได้รับหาใช่ผลมรรคแรกกำเนิด แต่กลับเป็นบ่อเกิดแรกกำเนิดที่วิเศษเร้นลับยิ่งกว่าผลมรรคแรกกำเนิด!

หลินสวินสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่ามรรควิถีในตัวตนกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงน่าตกใจ กำลังก้าวเข้าขั้นไร้ขอบเขตขั้นปลายอย่างต่อเนื่อง…

จนกระทั่งเนิ่นนานการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จึงสิ้นสุดลง

หลินสวินสัมผัสได้อย่างฉับไวว่าในมหามรรคที่มีนิพพานเป็นแกนหลักของตน มีพลังต้นกำเนิดคลุมเครือประดุจแรกกำเนิดเพิ่มขึ้นมาสายหนึ่ง ยากจะอธิบายว่านี่คือต้นกำเนิดมหามรรคแบบไหน ก็เสมือนความขุ่นมัวยามแรกกำเนิด ไม่มีชื่อเรียกแต่กลับสามารถวิวัฒน์เป็นหมื่นมรรคทั่วหล้าได้!

‘หรือว่านี่ก็คือต้นกำเนิดกฎระเบียบของแหล่งสถานอัศจรรย์ แรกกำเนิด… แรกกำเนิด… ไร้ซึ่งชื่อเรียก กลับมีพลังที่ฟูมฟักกฎระเบียบแรกกำเนิดฟ้าประทาน หากสามารถหยั่งถึงนัยเร้นลับของมัน จะไม่เท่ากับว่าข้าก็สามารถครอบครองพลัง ‘สร้างมรรค’ แล้วหรือ’

หลินสวินสงบใจสัมผัส

น่าเสียดาย แม้ได้รับพลังบ่อเกิดแรกกำเนิดของแหล่งสถานอัศจรรย์แห่งนี้สองครั้ง แต่สุดท้ายก็ยังบกพร่องไม่สมบูรณ์ ทำให้หลินสวินทำได้เพียงสัมผัสถึงกลิ่นอายเร้นลับที่ ‘ฟูมฟักมหามรรค’ อย่างเบาบาง

ส่วนท้ายที่สุดจะครอบครองพลังสร้างมรรคได้หรือไม่ยังยากจะหาข้อสรุป

หลินสวินส่ายหน้าน้อยๆ เมื่อความคิดขยับไหว ประตูสวรรค์บานหนึ่งปรากฏต่อหน้าเขาแล้ว ยามเขาก้าวออกไป พริบตาก็หายไปจากโลกภัยพิบัติแห่งนี้

และอีกฝั่งของแม่น้ำใหญ่ ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นล้วนสีหน้าเลื่อนลอย ราวเห็นปาฏิหาริย์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในอดีตเองกับตา สภาวะจิตพลิกม้วน

ไม่มีใครรู้ว่าหลังมาถึงโลกภัยพิบัติ เพียงไม่ถึงหนึ่งวันหลินสวินก็ข้ามสามด่านอย่างด่านเกิดใหม่ ด่านก่อมรรค ด่านเคาะใจพร้อมกับซย่าจื้อ เรียกผลมรรคแรกกำเนิดและพุ่งทะยานจากไป!

โลกมืดมน

กลางฟ้าดินเต็มไปด้วยพยับหมอกสีเทาหนาทึบไม่อาจสลาย เมื่ออยู่ในนี้ ต่อให้เป็นขั้นไร้ขอบเขตจิตรับรู้ก็จะถูกตัดขาด ไม่อาจสัมผัสรอบบริเวณได้

ได้แต่อาศัยสายตามองเห็นบริเวณสามจั้งรอบตัวเท่านั้น!

นับแต่อดีตถึงปัจจุบันไม่มีใครรู้ว่าโลกมืดมนแห่งนี้กว้างใหญ่ปานใดกันแน่

และในโลกนี้มีสิ่งมีชีวิตที่เรียกได้ว่าดุร้ายกระจายอยู่มากมาย พวกมันเคลื่อนไหวไร้สุ้มเสียง สามารถท่องไปมากลางพยับหมอกหนาทึบตามใจนึก สังหารคนอย่างเงียบๆ

ที่เร้นลับที่สุดคือร่างกายของสิ่งมีชีวิตดุร้ายเหล่านี้ล้วนเบาบางดุจพยับหมอก ซ่อนอยู่ในโลกมืดมนที่หมอกควันหนาทึบเช่นนี้ทำให้คนยากจะป้องกันมากที่สุด

สิ่งมีชีวิตดุร้ายนี้ถูกขนานนามว่า ‘วิญญาณหมอก’!

ตามคำบอกเล่า หากอยากไปจากโลกมืดมนแห่งนี้มีสองวิธี

หนึ่งคือสังหารวิญญาณหมอกสี่สิบเก้าตน ดูดซับพลังของมันสร้างแท่นมรรคออกมา ย่อมสามารถชักนำผลมรรคแรกกำเนิด เปิดประตูสวรรค์ออกไปได้

วิธีนี้อันตรายที่สุด เวลาที่เสียไปก็ไม่ใช่สั้นๆ เช่นกัน

เนื่องจากพลังของวิญญาณหมอกล้วนสามารถคุกคามขั้นไร้ขอบเขตได้ เรียกได้ว่าน่าสะพรึงถึงขีดสุด

ถึงขั้นที่ในข่าวลือ โลกมืดมนแห่งนี้ยังมีวิญญาณหมอกชนิดหนึ่งที่แข็งแกร่งไม่ด้อยกว่าจอมมรรคไร้ขอบเขต มีชื่อเรียกว่า ‘ราชันวิญญาณหมอก’

ในกาลเวลาที่ผ่านมาก็เคยมีผู้ฝึกปราณขั้นไร้ขอบเขตไม่น้อยถูกราชันวิญญาณหมอกสังหาร

สรุปแล้วสำหรับผู้ฝึกปราณคนใดก็ตาม สิ่งที่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยมากที่สุดในโลกมืดมนแห่งนี้ก็คือราชันวิญญาณหมอก หากไปล่วงเกินเข้า มีเก้าชีวิตยังแทบไม่รอดอย่างแน่นอน

ส่วนวิธีออกจากโลกมืดมนอย่างที่สองก็คือการสังเวย

สังเวยกายสังขารของตน พลังจิตก็สามารถไปจากโลกมืดมนแห่งนี้อย่างง่ายดาย แต่จะไม่ได้รับผลมรรคแรกกำเนิด ค่าตอบแทนที่ต้องเสียไปไม่อาจเรียกว่าไม่ใหญ่

โดยทั่วไปนอกจากถูกบีบให้จนตรอกไร้ทางไป หาไม่คงไม่มีใครเลือกออกไปด้วยวิธีนี้แน่

“พวกเราหมายไปจากที่นี่ก็ต้องล่าวิญญาณหมอกคนละสี่สิบเก้าสาย ทั้งยังต้องสังหารด้วยตนเอง ผู้อื่นไม่อาจช่วยเหลือ”

กลางฟ้าดินพยับหมอกสีเทาขุ่นมัวแถบหนึ่ง หลินสวินและซย่าจื้อยืนเคียงกัน เขาทอดสายตามองสี่ทิศแล้วกล่าวเสียงเบา “แม้จะยุ่งยากอยู่บ้างแต่ก็ไม่ถึงขั้นอันตรายเกินไป”

ทันใดนั้นเศษเสี้ยวความทรงจำที่พะรุงพะรังก็ทะลักสู่กลางใจหลินสวิน ทำให้เขานัยน์ตาหดรัด

เนิ่นกว่ากว่าเขาจะระบายลมหายใจออกมา สีหน้าเจือแววนิ่งค้าง “วิญญาณหมอกนี่ถึงกับแปลงจากเศษเสี้ยววิญญาณผู้ฝึกปราณ ดูดซับพลังบ่อเกิดแรกกำเนิดที่กระจายทั่วฟ้าดินแถบนี้และก่อตัวขึ้น มิน่าถึงได้มีพลังขั้นไร้ขอบเขต…”

นี่เหนือความคาดหมายของหลินสวิน

“แต่หากกล่าวเช่นนี้ ช่วงแรกสุดผู้ฝึกปราณที่มาถึงโลกมืดมนแห่งนี้เป็นคนแรกก็ต้องไม่มีทางเจอวิญญาณหมอก หากไม่ได้เจอวิญญาณหมอกแล้วเขาออกจากโลกนี้ได้อย่างไรกัน”

ซย่าจื้อก็อึ้งไปเช่นกัน

หลินสวินกล่าวอย่างใคร่ครวญ “สองวิธีออกจากโลกมืดมนแห่งนี้ที่พวกเรารู้ เป็นความรู้ที่บอกเล่าต่อกันมาตั้งแต่อดีต แต่ก็เป็นอย่างที่เจ้าว่า หากวิญญาณหมอกที่กระจายในโลกนี้ล้วนแปลงมาจากเสี้ยววิญญาณของผู้ฝึกปราณที่ร่วงหล่นในนี้ เช่นนั้นผู้ที่มาถึงโลกมืดมนแห่งนี้เป็นคนแรก หากไม่ถูกขังตายอยู่ที่นี่ก็จากไปโดยอาศัยวิธีสังเวย หรือไม่ก็… ยังมีวิธีอื่นที่ไม่มีใครรู้ทำให้ผู้ฝึกปราณสามารถออกไปจากโลกมืดมนแห่งนี้”

“น่าจะเป็นเช่นนี้”

ซย่าจื้อพยักหน้าน้อยๆ

หลินสวินกล่าว “พวกเราเพิ่งมาถึง ช่วงหลังจากนี้คือการสำรวจโลกมืดมนนี้ จริงสิ นี่คือเหยื่อของเจ้า กำราบมันเอาไว้ก่อนดีกว่า”

ซย่าจื้อยกมือขึ้นโบก วิญญาณหมอกสายนั้นก็กลายเป็นแสงสีเทาสายหนึ่งหายเข้าไปในแขนเสื้อของนาง

หลินสวินเห็นเช่นนี้ ขณะจะกล่าวอะไรจู่ๆ คิ้วก็ขมวดเข้าหากัน มองไปกลางพยับหมอกอยู่ไกลๆ

“เป็นอะไรไป” ซย่าจื้อถาม

“ก่อนหน้านี้ดูเหมือนข้าจะสัมผัสได้ว่ามีคนสอดแนมในมุมมืด แต่เพียงพริบตาก็หายไปแล้ว” หลินสวินเอ่ยเสียงขรึม

“อาจเป็นผู้ฝึกปราณที่อยู่ในโลกมืดมนแห่งนี้เหมือนกับพวกเรา” ซย่าจื้อเอ่ยปากง่ายๆ

หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ ไม่คิดมากความอีก กล่าวว่า “พวกเราไปจากที่นี่ก่อน”

ทั้งคู่ไม่ได้ชักช้า มุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง

ตลอดทางล้วนรอบคอบยิ่ง ไม่ได้ใช้การเคลื่อนย้าย หากแต่เลือกใช้วิธีท่องทะยาน ค่อยๆ ทะยานไปยังส่วนลึกของพยับหมอก

บนภูเขาใหญ่ลูกหนึ่งในโลกมืดมนมีคฤหาสน์หลังหนึ่งตั้งอยู่ รอบโถงคฤหาสน์มีพลังผนึกเป็นชั้นๆ วางอยู่ สกัดกั้นพยับหมอกในบริเวณใกล้เคียงไว้ภายนอก

ภายในโถงจุดโคมไฟเรืองรอง สว่างราวกลางวัน

ชายชราชุดขาวที่ประดุจไม้ใกล้ฝั่งคนหนึ่งนั่งโดดเดี่ยวบนเก้าอี้ประธานใจกลางโถงใหญ่ นัยน์ตาขุ่นมัวจ้องภาพภูมิลักษณ์ที่ทำจากหนังสัตว์สีน้ำตาลในมือ

‘ใน ‘น้ำพุมืดมน’ นั่นซ่อนอะไรไว้กันแน่ เหตุใดจึงถูกนายท่านทำเครื่องหมายสถานที่ต้องห้ามและอัปมงคลในภาพภูมิลักษณ์ ไม่ให้พวกเราไปสำรวจ’ ชายชราพึมพำในใจ

ปัญหาข้อนี้เขาพิจารณามาหลายต่อหลายปีมากแล้ว

…………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์