Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 325

หลังจากนั้นหลินจงก็พาหลินสวินเดินลัดเลาะมาตามทางคดโค้งของภูเขา มาถึงสถานที่ต้องห้ามอีกแห่งหนึ่งของตระกูลหลิน คลังเก็บสมบัติวิญญาณ

คลังเก็บสมบัติวิญญาณทั้งหมดแบ่งเป็นห้าระดับ เดิมทีเป็นที่เก็บอาวุธวิญญาณกว่าหมื่นชิ้น นับแต่อาวุธวิญญาณระดับล่างสุดอย่างระดับมนุษย์ จนถึงระดับสูงสุดอย่างอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์ ในนั้นมีทั้งมีดทวนกระบี่ดาบ ค้อนขวานง่ามหอกและอาวุธอื่นๆ และยังมีเกราะอก เกราะไหล่ เกราะเอว รองเท้าต่อสู้ เกราะกันหัวใจ และอาวุธป้องกันชนิดอื่นด้วย

กระทั่งมีหน้าไม้วิญญาณ ธนูไฟ เรือรบ และอาวุธสังหารร้ายแรงมากมาย

แต่ยามนี้ที่แห่งนี้กลับว่างเปล่า…

เมื่อหลินสวินเดินออกมาจากคลังสมบัติ แม้ท่าทีจะไม่เปลี่ยนไป แต่ทั้งร่างกลับมีไอสังหารลอยออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่

หากไม่ใช่เพราะจิตใจของหลินสวินถูกขัดเกลาจนแข็งแกร่งดุจหินผา เกรงว่าคงโกรธกระอักเลือดตายไปนานแล้ว และหากบรรพบุรุษตระกูลหลินมาเห็นภาพเช่นนี้ ก็คงตายตาไม่หลับเช่นกัน

หลังจากออกมาจากคลังเก็บสมบัติวิญญาณแล้ว หลินจงก็นำทางหลินสวินไปที่หอเก็บโอสถ บ่อเลี้ยงสัตว์ ห้องยาวิญญาณ และอีกหลายสถานที่ที่เป็นพื้นที่ต้องห้ามของตระกูลหลิน

ผลสุดท้าย ทุกที่ล้วนเป็นสถานที่เก็บสมบัติล้ำค่า ซึ่งบัดนี้หลงเหลือเพียงความว่างเปล่า สะอาดสะอ้าน

กระทั่งหลินสวินกลับมาที่ตำหนักชำระจิต นั่งนิ่งตกอยู่ในภวังค์ความเงียบคล้ายรูปปั้น ไม่ขยับเขยื้อนคล้ายสูญเสียอารมณ์ในจิตใจ

ดวงดาวพร่างพราวและพระจันทร์ส่องแสงนอกหน้าต่างอย่างเงียบงัน เด็กหนุ่มนั่งอยู่ในตำหนักคนเดียว ภายในใจว้าวุ่น อารมณ์ไม่คงที่ ส่งผลให้ลมหายใจไม่คงที่อยู่นาน

เขาคาดเดาได้ว่าตระกูลหลินในวันนี้ตกต่ำเพียงใด แต่ไม่คิดว่าภูเขาชำระจิตขนาดใหญ่นี้จะถูกปล้นจนร้างหมดเช่นนี้ เหลือเพียงห้องหับกับเครื่องเรือน นอกจากนี้ก็ไม่เหลือของมีค่าอะไรอีกแล้ว

นี่คือสถานการณ์ที่หลินสวินประสบอยู่ตอนนี้

หลินจงยืนอยู่อีกด้านของตำหนัก มองหลินสวินด้วยความห่วงใย กลัวว่าหลินสวินจะรับไม่ได้แล้วเสียสติไป

คิดแล้วก็ถูก ภูเขาชำระจิตยิ่งใหญ่ เป็นหนึ่งในเจ็ดสิบสองภูเขาแห่งอำนาจ แต่ใครจะคิดว่าบัดนี้สถานที่ที่เป็นตัวแทนเกียรติยศกลับว่างเปล่าเหลือเพียงเปลือก

หนึ่งเค่อผ่านไป

ครึ่งชั่วยามผ่านไป

หนึ่งก้านธูปผ่านไป

เวลาผ่านไป หลินสวินนั่งนิ่งไม่พูดจา ทำให้หลินจงยิ่งกังวล เขาเสียดายที่บอกทุกอย่างกับหลินสวินในคืนนี้

คุณชายเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปีเท่านั้น ยังเด็กเกินไป อยู่ๆ มารับรู้ว่าจะต้องรับมือกับเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ เด็กหนุ่มจะรับความโหดร้ายนี้ได้อย่างไร

“คุณชาย”หลินจงรวบรวมลมหายใจ อยากปลอบใจหลินสวิน “ถ้าไม่ไหวจริงๆ…พวกเราก็ยอมแพ้เถิดขอรับ แค่ท่านมีชีวิตอยู่ก็สำคัญยิ่งกว่าอะไรแล้ว”

ในที่สุดหลินสวินที่นั่งนิ่งเป็นรูปปั้นก็มีปฏิกิริยา

เขาเงยหน้าขึ้นมองหลินจง ริมฝีปากยกยิ้มบางๆ ว่าเสียงเบา “ลุงจง ไม่ได้หรอก หากยอมแพ้ยามนี้มันยากยิ่งกว่าฆ่าข้าเสียอีก”

สักพักเขาก็ลุกขึ้นยืน มองออกไปข้างนอกที่เต็มไปด้วยความมืดมิด “ตอนเข้ามาในนครต้องห้าม มีคนบอกข้าว่าสามารถก่อเรื่องสะเทือนฟ้าดินได้ตามอำเภอใจ ตอนนั้นข้ายังสงสัยว่าเหตุใดเขาถึงเอ่ยพูดเช่นนี้ ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ถ้าไม่ก่อเรื่อง ตระกูลหลิน…คงจะไม่มีความหวังที่จะฟื้นตัวแล้ว” น้ำเสียงของเขาราบเรียบ

หลินจงตื้นตัน มองเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ด้วยความรู้สึกสงบในใจ คล้ายบนกายของเขามีเงาของนายท่านในยามเยาว์

ตอนนั้นเพื่อจะสู่ขอนายหญิง ภายใต้การคัดค้านของตระกูล นายท่านก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

ข้าจะทำในสิ่งที่ข้าตัดสินใจ

ตำหนักชำระจิตมีพื้นที่ขนาดใหญ่ รวมทั้งหมดสามชั้น

ชั้นแรกเป็นโถงสำหรับประชุมตระกูล

ชั้นที่สองเป็นห้องทำงานของเจ้าตระกูล

ชั้นที่สามเป็นห้องสงบใจ มีไว้ให้เจ้าตระกูลฝึกปราณ

ไม่นานหลินสวินก็นั่งลงหน้าโต๊ะทำงานที่ว่างเปล่า มือหนึ่งยกตราประทับผลึกหยกสีม่วงใสขึ้นสำรวจ บนตราประทับนั้นสลักคำว่าชำระจิตอยู่ ไม่รู้ว่าสร้างมาจากอะไร ถึงได้มีพลังลึกลับคลุ้งออกมา

ตราประทับหยกเป็นตัวสำคัญในการปกครองภูเขาชำระจิต มีเพียงควบคุมมันได้ ถึงจะเปิดประตูขึ้นบนเขาชำระจิตได้

หมายความว่าหากหลินสวินไม่เต็มใจเปิดเส้นทาง ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางเข้ามาในภูเขาชำระจิตได้ นอกจากบุกรุก

แต่ด้วยเป็นหนึ่งในเจ็ดสิบสองภูเขาแห่งอำนาจ หากใครคิดจะบุกเข้ามา ก็คงต้องคิดถึงผลลัพธ์ให้ดี

ของชิ้นนี้เดิมทีเป็นหลินจงดูแล แต่ตอนนี้ชายชรายกให้หลินสวินแล้ว นั่นก็หมายความว่านับจากวันนี้ อำนาจในการเปิดประตูของตระกูลคงไม่ต้องพูดถึง แต่อย่างน้อยการเข้าออกภูเขาชำระจิตนั้น มีเพียงหลินสวินที่ตัดสินใจได้

เพียงแต่หลินสวินมองว่า ของชิ้นนี้อยู่กับตนแล้วไม่เกิดประโยชน์สำหรับการจัดการปัญหาภายใน ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ตัวเขาเองต้องแข็งแกร่งยื่งขึ้น

คิดถึงตรงนี้ หลินสวินก็เก็บหยกประทับชำระจิตเอาไว้ ก่อนจะหยิบปิ่นปักผมสีเงินรูปลักษณ์เรียบง่ายออกมา

นี่คือสิ่งที่ครูฝึกใหญ่สวีซานชีให้ไว้เมื่อตอนออกมาจากค่ายกระหายเลือด เขาบอกหลินสวินว่าหากมีโอกาสเข้ามาในนครต้องห้ามแล้วเจอเรื่องยุ่งยาก ให้นำของสิ่งนี้ไปที่เรือนพญาแร้ง เจ้าของที่นั่นจะให้ความช่วยเหลือแก่หลินสวิน

เดิมทีหลินสวินไม่คิดจะรับไว้ แต่จากนั้นสวีซานชีก็พูดคำที่ทำให้หลินสวินเปลี่ยนใจ “เสี่ยวเค่อก็อยู่ที่นั่น หรือเจ้าไม่อยากเจอครูฝึกของเจ้าอีก”

ปิ่นสีเงินรูปทรงเรียบง่ายในมือหลินสวินทำให้เขาคิดถึงร่างสง่าแต่เย็นชาคล้ายหิมะอย่างครูฝึกเสี่ยวเค่อ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์