Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 335

เอาคืน
โดย
ProjectZyphon
ไม่แปลกที่คนเหล่านี้จะเสียอาการ ต่อให้เป็นผู้ฝึกปราณที่มีพลังแข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะหรือระดับกระบวนแปรจุติ เมื่อเห็นของชิ้นนี้เกรงว่าก็ยังอยากครอบครอง

หลินสวินไม่ได้หัวเราะเยาะชายชราเหล่านี้ ท่าทางของพวกเขากลับทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่าของล้ำค่าจากอนุสรณ์สถานในทะเลกลืนวิญญาณนั้นมูลค่ามหาศาลกว่าที่คาดมาก

เหมือนในยามนี้ที่เพียงผลึกเก้าลำนำผสานใจชิ้นเดียวก็ทำให้นักประเมินทรัพย์ของสาขาหลักแห่งอัครการค้าเสียอาการได้มากกว่าที่หลินสวินคาดไว้ ในบรรดาของล้ำค่าที่เขาได้มา ผลึกเก้าลำนำผสานใจนั้นนับเป็นเพียงของธรรมดาเท่านั้น

ผ่านไปครู่หนึ่งชายชราคนหนึ่งสูดปากตาเป็นประกาย “ไม่ต้องสงสัย นี่คือผลึกเก้าลำนำผสานใจแน่นอน!”

นักประเมินทรัพย์คนอื่นพยักหน้าหงึกหงัก สืออวี่ยิ้มด้วยความตื่นเต้น

ผู้อาวุโสชิวเห็นดังนั้นก็มีท่าทีซับซ้อน หากเด็กคนนี้นำมันออกมาตั้งแต่แรกจะเกิดเรื่องราวมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร

“สหายน้อย เจ้าแน่ใจหรือว่าจะขายของชิ้นนี้”

ใครบางคนเอ่ยถาม ชายชราพากันมองไปที่หลินสวิน ท่าทางให้เกียรติระคนแปลกใจแตกต่างจากก่อนหน้านี้สิ้นเชิง

ผลึกเก้าลำนำผสานใจ!

แค่ของชิ้นนี้ก็ทำให้พวกเขาต้องเปลี่ยนสายตาที่มองหลินสวินแล้ว เพียงแต่พวกเขาแปลกใจว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้น แล้วไปเอาของชิ้นนี้มาได้อย่างไร

“ใช่แล้ว แต่ทุกท่านอย่าเพิ่งรีบร้อน ผลึกเก้าลำนำผสานใจนี้เป็นเพียงหนึ่งในสิ่งที่ข้าต้องการขายเท่านั้น”

หลินสวินพลิกฝ่ามือเก็บผลึกเก้าลำนำผสานใจแล้วนำดอกไม้วิญญาณลำก้านเรียวตรงสีเขียวที่มีสามสิบหกใบขึ้นมา สีของใบไม้เขียวชอุ่ม เส้นใยคล้ายรอยสลักลึกลับ มีแสงวิญญาณโอบอุ้มคล้ายเป็นก้อนเมฆติดอยู่กับลำก้านเรียวตรง ตัวดอกไม้วิญญาณเป็นสีไพลินจางๆ กลีบดอกบางเบาดุจไอหมอกส่งกลิ่นไอเยือกเย็นออกมา

ผู้คนโดยรอบต่างหลงใหลไปกับความงามที่ได้ยล

“เป็นกลิ่นไอวิญญาณที่ลึกลับนัก นี่คือ?”

“มีสามสิบหกใบ เส้นใยคล้ายรอยสลัก บางเบาแลเจือจาง คงไม่ใช่…คงไม่ใช่ดอกไม้ที่มีพลังแห่งทวยเทพ…”

“ดอกอำพรางวิญญาณ!”

“นี่คือดอกอำพรางวิญญาณ ซึ่งถูกขนานนามว่า ‘ยอดแห่งยาวิญญาณ’ ที่หายสาบสูญไปจากในจักรวรรดินานแล้วไม่ใช่หรือ!”

ชายชราเหล่านั้นเสียงสั่น เบิกตาโพลงมองดอกอำพรางวิญญาณในมือหลินสวินด้วยความตื่นเต้น

กี่ปีมาแล้วที่พวกเขาไม่ได้เห็นดอกไม้ชนิดนี้ เดิมทีคิดว่าสูญพันธุ์ไปเสียแล้ว ไม่คิดว่ายามนี้จะมาปรากฏอยู่ต่อหน้าของตน อย่างกับความฝันอย่างไรอย่างนั้น

“ดอกอำพรางวิญญาณ…”

สืออวี่สูดปาก เป็นของล้ำค่าที่แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติก็ยังเสียสติได้ มูลค่าสูงยิ่งกว่าผลึกเก้าลำนำผสานใจเสียอีก!

หากมีของชิ้นนี้จะทำให้ผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติสามารถรับรู้ความว่างเปล่าโดยถ่องแท้ จนสามารถหล่อหลอมพลังเทพบริสุทธิ์ของตัวเองได้

“นี่…”

ผู้อาวุโสชิวที่ยังคงขัดแย้งในใจตัวเอง เมื่อได้เห็นดอกอำพรางวิญญาณที่มีสามสิบหกใบแล้ว เส้นความอดทนของชายชราก็ขาดผึง ปรี่เข้ามาดูใกล้ๆ ตาของเขาเป็นประกายวาววับด้วยความหลงใหล

“ไม่อยากเชื่อเลย ไม่อยากจะเชื่อเลย ดอกอำพรางวิญญาณนี้อย่างน้อยก็มีอายุขัยกว่าพันปี ลักษณะแทบจะสมบูรณ์แบบ เป็นของชั้นเลิศยิ่งนัก…”

เหตุการณ์ในยามนี้น่าสนใจนัก หลินสวินไม่เอ่ยปากสักคำ เพียงหยิบสิ่งของวิญญาณขึ้นมาสองชนิดก็ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

บุคคลที่ถือตัวว่าเป็นนักประเมินทรัพย์ไม่มีความทะนงตัวและอคติดังเช่นก่อนหน้า แต่กลับหลงใหลตื่นเต้น ตกใจเสียอาการไปกับความเย้ายวนของวัตถุวิญญาณ

สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปทำให้สืออวี่ตาค้าง รำพึงในใจ หลังจากที่รู้จักกับหลินสวินในค่ายกระหายเลือดมา เขาไม่เคยเห็นว่าจะมีเรื่องใดเป็นปัญหาแก่หลินสวินเลย

รวมถึงตอนนี้ก็ด้วย!

ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถทำให้นักประเมินทรัพย์แสนสุขุมของอัครการค้าสาขาหลักเสียอาการครั้งแล้วครั้งเล่าได้

อาจมีคนบอกว่าเป็นเพราะวัตถุวิญญาณสองชนิดนั้น แต่อย่าลืมว่าของทั้งสองชนิดนั้นล้วนมาจากตัวหลินสวิน หากไม่ยอมรับก็ลองให้ผู้ฝึกปราณคนอื่นไปเอาวัตถุวิญญาณสองสิ่งนี้มาให้ได้สิ

“ทุกท่านดูชัดกันแล้วหรือยังขอรับ” ในที่สุดหลินสวินก็เอ่ยขึ้น เก็บดอกอำพรางวิญญาณในมือลง

ยามนั้นเหล่าชายชราพลันได้สติคล้ายตื่นจากความฝัน ท่าทางประดักประเดิด

“ยืนยันได้ว่านี่คือดอกอำพรางวิญญาณแน่นอน” ผู้อาวุโสชิวกระแอมขึ้น กล่าวเสียงเข้ม

ชายชราคนอื่นส่งสายตาให้กัน หลังจากได้สติคืนมา พวกเขาต่างรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินสวิน

ก่อนหน้านี้พวกเขายังมองว่าหลินสวินเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ใช้นามของสืออวี่มาโก่งราคาในอัครการค้า จึงมีท่าทีไม่เกรงใจและทะนงตน

ทว่าเมื่อหลินสวินนำของวิญญาณสองชนิดนั้นออกมาทำให้พวกเขารู้ตัวว่าตัวเองมองผิดไป แต่พวกเขาไม่ยอมขอโทษเด็กหนุ่มด้วยต้องรักษาหน้า ทำให้บรรยากาศในห้องอึมครึมลง

นี่เป็นสิ่งที่หลินสวินต้องการจะเห็น เขายิ้มน้อยๆ กล่าว “ในเมื่อยืนยันแล้ว ทุกท่านเชิญให้ราคามาเถอะ อ้อ คิดตามราคาตลาดนะ”

ได้ยินคำว่า ‘ราคาตลาด’ ชายชราเหล่านั้นพลันหน้ากระตุกโดยไม่รู้ตัว แสบๆ คันๆ คล้ายโดนตบเข้าบ้องหู

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์