หลินสวินพลันตื่นขึ้นจากการนั่งฌาน ดวงตาฉายแววตระหนก
ก่อนหน้านี้เขาราวกับฝันสวยงามเหนือจินตนา ในฝันเขาเห็นอสูรยักษ์ที่มีอยู่ในตำนานบรรพกาลตนแล้วตนเล่า
บ้างร่างปกคลุมด้วยเกล็ดมังกร ทั้งตัวโปร่งแสงราวน้ำแข็ง เคลื่อนอยู่บนเก้าชั้นฟ้า กลืนเมฆคายหมอก ท่องไปอย่างโอหังทั่วแปดทิศ!
บ้างแบกศิลาโบราณไว้บนหลัง นั่งรักษาการณ์พื้นพสุธา ชำเลืองไปสุดสี่ทิศ!
บ้างนั่งยองทับภูผานที คำรามครั้งเดียวก็สลายดวงดารา!
บ้างแปลงตัวเป็นสัญลักษณ์ลับ ปล่อยไอพลังยิ่งใหญ่มิอาจประมาณได้ องอาจดังพุ่งทะลุเมฆา!
……
อสูรยักษ์เหล่านั้นบ้างมีหัวมังกร บ้างมีกายมังกร บ้างมีเกล็ดมังกรปกคลุม บ้างก็มีหนวดมังกร กรงเล็บมังกร แปลกประหลาดเหลือล้น ไม่มีตนใดที่ไม่น่ากลัวเลยสักตน!
หลินสวินไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าเหตุใดตนถึงได้ฝันประหลาดเช่นนี้
ทำให้แม้ตอนนี้เขาตื่นขึ้นมาแล้วก็ยังคงเหม่อลอยตื่นตระหนกอยู่บ้าง
‘นั่นดูเหมือนกับ…ชือน้ำแข็ง ป้าเซี่ย เฉาเฟิง ปี้อั้น… [1]อสูรเทพที่มีตัวตนอยู่เพียงในยุคบรรพกาล…’
หลังจากพอจะสงบจิตใจได้แล้ว หลินสวินไตร่ตรองครู่หนึ่งแล้วลอบพิจารณาที่มาที่ไปของอสูรยักษ์ที่อยู่ในฝัน
นี่ทำให้เขาอดตกใจระคนสงสัยอีกรอบไม่ได้ ทันใดนั้นก็พลันคิดอะไรออก เริ่มตระหนักรู้ถึงห้วงนิมิตแห่งความหยั่งรู้
ในห้วงนิมิตแห่งความหยั่งรู้ นอกจากประตูมรรคาสวรรค์ มุกนักบุญอมตะแล้ว ในตอนนี้ยังมีอักษร ‘เคราะห์’ อันโบราณลึกลับปรากฏออกมาอย่างสุกสกาวดุจโครงร่างฐานทอง
นี่คือสัญลักษณ์อักษรที่ก่อตัวขึ้นหลังผสานกระบวนรอยสลักวิญญาณทั้งเก้าที่แฝงอยู่ในเก้าศิลาประตูมังกร ภายในเก็บกักสิ่งตกทอดมหัศจรรย์สิ่งหนึ่งไว้ นั่นคือ ‘มังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร’!
ยามหลินสวินระลึกหยั่งรู้ถึงอดีตกาล ทันใดนั้นราวกับย้อนเวลากลับไปยุคบรรพกาลอีกครั้ง ตรงหน้าเห็นอสูรใหญ่ยักษ์ตนแล้วตนเล่า บ้างท่องไปในนภาอย่างโอหัง บ้างนั่งรักษาการณ์บนพื้นพสุธา…
ในโสตประสาทราวเกิดเสียงคำรามไม่ชัดเจนเสียงแล้วเสียงเล่าสะท้านจิตวิญญาณ
‘ที่แท้ก็เกี่ยวกับสิ่งนี้!’
หลินสวินเห็นเช่นนี้กลับสงบจิตใจลงไม่น้อย สามารถแน่ใจได้แล้วว่าฝันงดงามมหัศจรรย์นั้นได้รับอิทธิพลจากอักษร ‘เคราะห์’
‘ก็ไม่รู้ว่าสิ่งตกทอดนี้ตกลงคืออะไรแน่ เหตุใดถึงซ่อนไว้ภายในเก้าศิลาประตูมังกร ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยถูกพบเข้า’
หลินสวินสงสัย จิตใจจดจ่อเพื่อรับรู้
ในชั่วพริบตาเท่านั้น เงาร่างชือน้ำแข็งตนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในสมอง มันเคลื่อนตัวอย่างงดงามทั่วเก้าชั้นฟ้า ท่องไปอย่างโอหังบุ่มบ่าม พุ่งทะลุชั้นเมฆผลุบๆ โผล่ๆ ช่างเป็นภาพที่แท้จริงของของ ‘มังกรเทพเห็นหัวไม่เห็นตัว’ เสียจริง
ในเวลาเดียวกันนี้เอง บทความปริศนาตกทอดคลุมเครือท่อนหนึ่งท่วมท้นขึ้นในจิตใจของหลินสวินราวกระแสน้ำ
‘ก้าวย่างชือน้ำแข็ง มังกรเคราะห์ร่างแรก ใหญ่ได้เล็กได้ โผล่ได้ซ่อนได้ เมื่อใหญ่พลังจิตแก่กล้าดั่งทะลุเมฆหมอก เมื่อเล็กจะซ่อนรูปเร้นลักษณ์ เมื่อโผล่จะท่องไปอย่างโอหังกลางท้องฟ้าสุดหล้า เมื่อซ่อนจะเก็บงำภายในละอองเล็กในเขาพระสุเมรุ การเปลี่ยนร่างนี้คือเคล็ดลับแห่งการเคลื่อนกาย..’
หนึ่งถ้วยชาให้หลัง
ดวงตาหลินสวินฉายวาบขึ้น สีหน้าตกตะลึง
ก้าวย่างชือน้ำแข็ง!
สิ่งตกทอดของมังกรเคราะห์ร่างแรก นี่ก็คือวิธีก้าวเท้าโบราณที่คลุมเครือซับซ้อนที่สุดท่าหนึ่ง ย่างขึ้นไปสามารถท่องไปในนภา ก้าวลงมาสามารถบทจรไปในสมุทรนที เมื่อใหญ่จะคายเมฆกลืนหมอก เมื่อเล็กจะสามารถซ่อนเร้นในเขาพระสุเมรุ!
เมื่อฝึกถึงขั้นสูงสุด เหยียบย่างไปก้าวเดียวก็เสมือนชือน้ำแข็งทะยานฟ้า ถึงขั้นที่สามารถใช้โจมตีพิฆาตศัตรู!
หลินสวินไม่เคยฝึกวิชาการเคลื่อนกายโดยสมบูรณ์มาก่อน แต่เขามีประสบการณ์ต่อสู้มากล้น จะดูความแข็งแกร่งของก้าวย่างชือน้ำแข็งนี้ไม่ออกได้อย่างไร
ย่อมขนานนามได้ว่าเป็นเคล็ดลับสุดยอดแห่งโลกา!
เมื่อหลินสวินยังต้องการหยั่งรู้ ‘มังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร’ นั้นอีก กลับค้นพบอย่างน่าตกใจว่า อักษร ‘เคราะห์’ นั้นราวกับถูกบดบังด้วยกำแพงไร้รูป ทำให้เขาหยั่งรู้ต่อได้ยาก
“หรือว่าต้องสำเร็จย่างก้าวชือน้ำแข็งโดยสมบูรณ์เท่านั้น ถึงจะเรียนรู้สิ่งตกทอดถัดไปจากร่างแรกได้”
หลินสวินพึมพำ ไม่นานนักก็ส่ายหัว ไม่คิดมากไปกว่านี้อีก
ผ่านการทดสอบเก้าศิลาประตูมังกร ทั้งยังได้รับวิชาลับตกทอดโบราณอย่าง ‘มังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร’ โดยเหนือความคาดหมายก็ทำให้หลินสวินพอใจแล้ว
วิธีการต่อสู้ที่เขาเชี่ยวชาญตอนนี้ขาดเพียงวิธีเคลื่อนตัวที่เหมาะสม พูดได้ว่า หลังจากมีก้าวย่างแห่งชือน้ำแข็งแล้ว ก็จะทำให้ฝีมือการต่อสู้ของเขาสมบูรณ์ขึ้นไปอีกขั้น
……
“นายน้อย ในที่สุดท่านก็ออกมาแล้ว”
เมื่อหลินสวินเดินออกมาจากห้องฝึกปราณลับก็เห็นว่าหลินจงยืนรอตรงนั้นอยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่สีหน้าของเขาเจือแววเป็นทุกข์ พาให้หลินสวินอดอึ้งไปไม่ได้
“ลุงจง หรือจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
หลินสวินเอ่ยถาม
“นายน้อย ตั้งแต่ท่านเริ่มปิดด่านเก็บตัว ตลอดสามวันมานี้ไม่รู้ว่ามีขุมอำนาจมากน้อยเท่าไรส่งคนมาเยี่ยมเยือน จนถึงตอนนี้แค่เทียบเข้าเยี่ยมก็ได้รับมากองโตแล้ว และด้วยขุมอำนาจเบื้องหลังเทียบเหล่านี้ล้วนไม่อาจดูเบาได้ จึงต้องให้ท่านตัดสินใจด้วยตนเองขอรับ”
หลินจงพูดพลางนำหลินสวินเข้าไปในตำหนักชำระจิต นำเทียบเข้าเยี่ยมกองโตที่จัดระเบียบไว้ก่อนแล้วออกมา มันกองสูงเท่าครึ่งคน อย่างน้อยก็มีไม่ต่ำกว่าร้อยเทียบ
หลินสวินประหลาดใจ “เยอะขนาดนี้เชียวหรือ”
เขาลองพลิกดู ก็เห็นว่ามีทั้งที่มาจากผู้มีอำนาจมากมายในนครต้องห้าม ทั้งจากขุนนางใหญ่ชายแดน หลากหลายที่มานัก
อีกทั้งนี่ยังเป็นส่วนที่ผ่านการคัดแล้วคัดอีกจากหลินจง ถ้าเอามาทั้งหมดจะต้องมีมากกว่านี้แน่!
“นายน้อย ท่านคงไม่รู้ว่าตอนนี้ชื่อเสียงของท่านในนครต้องห้ามบรรยายได้ด้วยคำว่าดุจตะวันยามเที่ยงเท่านั้น! ผู้คนบนโลกใครเลยจะไม่รู้ว่า เจ้านายแห่งภูเขาชำระจิตของพวกเราเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณอายุน้อยที่ยิ่งใหญ่ในใต้หล้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์