Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 409

สรุปบท ตอนที่ 409: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 409 – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 409 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 409 ซานเหอแห่งสกุลฉู่ เจตนาแอบแฝง
ตอนที่ 409 ซานเหอแห่งสกุลฉู่ เจตนาแอบแฝง
โดย
ProjectZyphon
เพียงชั่วพริบตานั้น ถ้อยคำที่เกี่ยวข้องกับคำพูดของหลินสวินที่ว่า ‘ไม่ได้ที่หนึ่งถือเป็นความอับอาย’ ก็กระจายไปทั่ว

ครู่หนึ่งสายตาที่อาจารย์และศิษย์หลายคนมองไปยังหลินสวินล้วนเปลี่ยนเป็นซับซ้อน ต่างไม่เคยคิดว่าระดับค. ห้องเก้าที่อันดับรั้งท้ายมาตลอดจะได้คะแนนโดดเด่นสะดุดตาเช่นนี้ แต่หลินสวินกลับดูเหมือนไม่พอใจเช่นเคย

อับอายหรือ

นี่…

มันกระทบกระเทือนจิตใจกันเกินไปแล้ว!

ขนาดเสิ่นทั่วยังยิ้มขื่นอย่างกลั้นไม่อยู่ หลินสวินผู้นี้…ไม่รู้จะพูดว่าเขาโอหังหรือคาดหวังสูงดี

“ฮ่าๆๆ ที่นี่ครึกครื้นเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องใหญ่ครึกโครมอะไรขึ้นกระมัง”

ท่ามกลางเสียงฮือฮา พลันมีเสียงหนาทุ้มราวฟ้าร้องดังขึ้นในห้องโถงใหญ่ชั้นหนึ่งของหอหลอมวิญญาณแห่งนี้

จากนั้นก็มีคนเดินเรียงแถวเข้ามาจากประตูโถงใหญ่

ที่นำหน้ามาเป็นชายสูงวัยสวมชุดยาวสีม่วงเข้มลงกะไหล่ทองทั้งตัวผู้หนึ่ง หนวดเคราเผ้าผมหวีอย่างเรียบร้อยทุกกระเบียด มีท่าทางภูมิฐานอย่างผู้มีตำแหน่งสูงมานาน

ทันใดนั้นเสียงฮือฮาในที่นั้นก็เงียบเชียบไร้เสียง ด้วยรู้ว่านี่คือรองหัวหน้าสาขาสลักวิญญาณ ปรมาจารย์สลักวิญญาณชั้นกลางที่เป็นที่นับหน้าถือตาผู้หนึ่ง…ฉู่ซานเหอ!

ในสาขาสลักวิญญาณนี้ ตำแหน่งของฉู่ซานเห่อสูงส่ง เป็นรองเพียงเหล่าหัวหน้าสาขาไม่กี่คน เรียกได้ว่าอำนาจคับฟ้า

ที่ควรค่าแก่การพูดถึงก็คือ เดิมทีเขาก็เป็นผู้อาวุโสที่มีอำนาจอย่างแท้จริงท่านหนึ่งในสกุลฉู่ หนึ่งในสามตระกูลนักสลักวิญญาณใหญ่!

“คารวะรองหัวหน้าสาขาฉู่”

พวกเสิ่นทั่วก้าวเท้ามาข้างหน้าแล้วคารวะพร้อมรอยยิ้ม นำผลการทดสอบเมื่อครู่รายงานต่อฉู่ซานเหอ

ทันใดนั้นฉู่ซานเหอก็อดอุทานด้วยความตกใจไม่ได้ “มิน่าเล่าถึงได้ครึกครื้นเช่นนี้ ระดับค.ห้องเก้าทำคะแนนเช่นนี้ได้ ช่างยอดเยี่ยมนัก”

เมื่อได้ยินวาจานั้น กลุ่มศิษย์ระดับค.ห้องเก้าอย่างหลิวฮุย ฟ่านจือชิว หยางจิ่งเหยาล้วนแสดงสีหน้าผึ่งผายภาคภูมิ

“รองหัวหน้าสาขาฉู่ ที่ครั้งนี้พวกข้าทำคะแนนเช่นนี้ได้ ต้องยกความดีความชอบยิ่งใหญ่ให้อาจารย์เสี่ยวหลินขอรับ!”

หลิวฮุยฉีกยิ้มกว้าง

“อ้อ อาจารย์เสี่ยวหลินงั้นหรือ”

ใบหน้าของฉู่ซานเหอระบายยิ้ม สายตาจ้องเขม็งไปที่หลินสวินแทบจะในชั่วพริบตาแล้วเอ่ยว่า “ตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนข้าก็ได้ยินว่าอาจารย์เสี่ยวหลินสอนเก่ง มีวิธีสอนเป็นเอกลักษณ์ เมื่อได้เห็นเช่นนี้ ที่แท้ก็สมคำร่ำลือ”

“รองหัวหน้าสาขาฉู่ยอเกินไปแล้วขอรับ”

หลินสวินตอบเสียงเรียบ

การปรากฏตัวของฉู่ซานเหอพาให้เขาพลันนึกถึงฉู่ไห่ตงที่ถูกตนทำให้โกรธจนกระอักเลือด คิดถึงการประลองฝีมือว่าใครเป็น ‘ไอ้โง่’ นั้น

ท้ายที่สุดทั้งนครต้องห้ามก็รู้ว่าฉู่ไห่ตงที่ถูก ‘เสียงร้องแห่งเก้ามังกร’ กำราบราบคาบไป ย่อมกลายเป็น ‘ไอ้โง่’ สมดังกล่าว

เรื่องนี้ก็กลายเป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่งในนครต้องห้าม เห็นได้ว่าผลกระทบนั้นใหญ่หลวงเพียงใด

พูดได้ว่าด้วยเรื่องนี้ หลินสวินนั้นได้ผิดใจกับตระกูลฉู่โดยสมบูรณ์แล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้เมื่อเผชิญหน้ากับฉู่ซานเหอที่ปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน หลินสวินจึงระแวดระวังขึ้นโดยไม่รู้ตัว

นี่เป็นเพียงการทดสอบของศิษย์นักสลักวิญญาณชั้นต้นกลุ่มหนึ่งของตึกเล็กระดับค. เท่านั้น ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร ทว่าฉู่ซานเหอผู้นี้กลับปรากฏตัวขึ้น นี่ออกจะผิดปกติไปแล้ว

“อาจารย์เสี่ยวหลินไม่ต้องถ่อมตัวหรอก ว่าตามจริงข้าก็สงสัยในความสามารถด้านการสลักรอยวิญญาณของเจ้านัก”

ฉู่ซานเหอยิ้มแย้มพลางเอ่ยปาก “อย่างไรเสียในเวลาเพียงเดือนเดียวเท่านั้น ก็สามารถทำให้คะแนนของระดับค. ห้องเก้าเลื่อนขึ้นเป็นอันดับห้า นี่ไม่ใช่ว่าอาจารย์คนไหนก็ทำได้”

เมื่อเอ่ยคำนี้ออกมาก็พาให้ทั้งโถงยอมรับ

ที่จริงแล้วจนถึงตอนนี้ อาจารย์และลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งรู้เพียงว่าหลินสวินนั้นเคยชักนำให้เกิด ‘เสียงร้องแห่งเก้ามังกร’ ที่ครึกโครมไปทั้งนครต้องห้าม กลายเป็น ‘ปรมาจารย์สลักวิญญาณหนุ่มน้อย’ ที่เหมือนกับผู้กล้าแห่งรุ่นเยาว์

แต่ในเรื่องว่าความสามารถด้านการสลักรอยวิญญาณของหลินสวินนั้น แท้จริงแล้วอยู่ขั้นไหนกันแน่ จนตอนนี้กลับไม่เคยมีใครรู้

ทว่าถ้อยคำที่ดูเหมือนจะชื่นชมนี้ของฉู่ซานเหอ กลับทำให้ความระแวดระวังที่อยู่ในใจหลินสวินพลันรุนแรงขึ้นมาก

ไม่มีเรื่องอะไรแต่กลับทำดีด้วย ไม่ใช่ผู้ร้ายก็เป็นขโมย

นอกจากนี้เขายังเคยมีเรื่องกับตระกูลฉู่ ตระกูลเบื้องหลังฉู่ซานเหอ แล้วคนผู้นี้จะยกย่องคู่แค้นอย่างดีเช่นนี้ได้อย่างไรกัน

เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้

ดังคาด คำพูดต่อมาของฉู่ซานเหอได้ยืนยันการคาดเดาของหลินสวินแล้ว

เขาพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ข้ามีข้อเสนอหนึ่ง เหตุใดไม่ถือโอกาสนี้ให้อาจารย์เสี่ยวหลินได้แสดงฝีมือเลิศล้ำในศาสตร์สลักรอยวิญญาณของตน ให้ข้ากับบรรดาอาจารย์และลูกศิษย์ในที่นี้ได้เห็นฝีไม้ลายมือที่หาใครเทียบมิได้สักครั้งล่ะ”

“ดียิ่งนัก คำพูดนี้ของรองหัวหน้าสาขาฉู่ตรงใจพวกข้าพอดีเลย!”

“นั่นสิ พวกข้าก็อยากรู้ฝีไม้ลายมือของอาจารย์เสี่ยวหลินนานแล้ว แต่เสียดายที่ไม่เคยมีโอกาสเลย ถ้าครั้งนี้ได้ตามที่หวังก็คงดียิ่งแล้ว”

“อาจารย์เสี่ยวหลิน แสดงฝีมือสักหน่อยน่า”

“อาจารย์เสี่ยวหลิน…”

คำพูดของฉู่ซานเหอเพิ่งเงียบลง ก็ก่อให้เกิดเสียงสะท้อนอย่างอุ่นหนาฝาคั่งไปทั้งโถง ไม่เพียงแค่เหล่าศิษย์เท่านั้น ขนาดอาจารย์บางคนยังพูดไม่หยุดปาก ท่าทางตื่นเต้นตั้งหน้าตั้งตารอ

มีเพียงเสิ่นทั่วและคนไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง มองฉู่ซานเหอ แล้วก็หันไปมองหลินสวิน ล้วนแสดงสีหน้าไม่สบายใจอยู่ลึกๆ

พวกเขาก็นึกขึ้นได้เช่นกันว่าระหว่างหลินสวินและตระกูลฉู่มีความแค้นต่อกัน

ถึงขั้นที่พวกเขาแน่ใจได้ว่า ข้อเสนอที่ฉู่ซานเหอยกขึ้นมาในเวลานี้ ย่อมไม่ได้มีเป้าหมายเรียบง่ายใสสะอาดเช่นนั้นแน่!

สายตาทั้งโถงมองมายังหลินสวิน ราวกับว่าหากเขาไม่ตอบรับในตอนนี้ ก็จะทำให้ทุกคนผิดหวังในทันที เหมือนกลายเป็นผู้ร้าย

หลินสวินนิ่งเงียบไป

เมื่อเสินทั่วเดินผ่านร่างหลินสวินก็พลันสื่อจิตเตือน ชัดเจนว่าเขาก็มองเจตนาแฝงของฉู่ซานเหอออก

หลินสวินยิ้มให้ แต่ไม่ได้พูดอะไรมากความ

…..

ชั้นห้าของหอหลอมวิญญาณ

ภายในนั้นมีพื้นที่กว้างขวาง ราวกับจัตุรัสขนาดมหึมาที่ผุดขึ้นกลางหอ กว้างใหญ่ไพศาลนัก

ที่นี่มีกระบวนรอยสลักวิญญาณปกคลุมหนาแน่นทุกกระเบียดนิ้ว ทุกที่ไหลบ่าไปด้วยกลิ่นอายน่ากลัวราวสถานที่ต้องห้าม พาให้คนสะท้านขวัญ

ในสาขาสลักวิญญาณ ก็มีเพียงผู้มีฐานะปรมาจารย์สลักวิญญาณชั้นกลางขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะเหยียบย่างเข้ามาในที่แห่งนี้ได้โดยราบรื่น

ดังนั้นสำหรับกลุ่มอาจารย์และศิษย์ที่ตามฉู่ซานเหอมาในครั้งนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้มาถึงที่นี่

ทันทีที่เข้ามาจิตใจก็อดสั่นไหวไม่ได้ พื้นดิน ผนัง เสาคาน กระทั่งของตกแต่งต่างๆ ที่อยู่ในโถงนั้น ไม่มีสิ่งใดไม่ถูกปกคลุมไปด้วยกระบวนรอยสลักวิญญาณลึกลับน่าหวั่นกลัว ดูศักดิ์สิทธิ์หาใดเปรียบ

ขนาดหลินสวินยังหรี่ตาลง จากสายตาที่มองไป ในหอหลอมวิญญาณนี้ไม่เพียงมีกระบวนรอยสลักวิญญาณขนาดใหญ่น่ากลัวหาใดเปรียบอย่างต่ำร้อยแบบขึ้นไป ถ้าบุกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต น่ากลัวว่าขนาดผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะมาถึงก็คงถูกสังหารทิ้งในชั่วพริบตา!

ฉู่ซานเหอกล้าลงมือฆ่าตนที่นี่หรือ

ฉับพลัน ในสมองของหลินสวินก็มีความคิดประหลาดผุดขึ้นมา ทันใดนั้นก็ส่ายหัว สถานการณ์เช่นนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นได้ นอกเสียจากว่าฉู่ซานเหอเสียสติไปแล้ว

“นี่คือ?”

“จิตกระบี่ที่น่ากลัวยิ่งนัก!”

“ชุดศึกสลักวิญญาณ?”

“รอยประทับบนนั้นคือดอกจื่อเย่าเก้าดอก ใช้อำนาจทั้งเก้าวังกดอัดโครงกระบี่ ด้ามกระบี่พันด้วยไหมเกล็ดมัจฉาทอง นี่ดูเหมือน…ดูเหมือนจะเป็น ‘กระบี่เบิกฟ้า’!

เสียงฮือฮาระลอกหนึ่งดังขึ้น หลินสวินเงยหน้ามองไป ก็เห็นว่ากลางโถงมีกระบี่ยาวสามฉื่อปักลงตรงแน่ว กระบี่นี้ไหลเอ่อไปด้วยปราณม่วงตลอดเล่ม ตัวกระบี่ปรากฏดอกจื่อเย่าที่งดงามบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์เก้าดอก อบอวลไปด้วยพลังไพศาล เก่าแก่และทรงอำนาจยากอธิบาย

ราวกับนั่นไม่ใช่กระบี่เล่มหนึ่ง แต่เป็นราชันอมตะ ตั้งตระหง่านจากส่วนลึกของกาลเวลามาจนถึงปัจจุบัน ชำเลืองมองอย่างโอหังมายังโลก!

เวลานี้ดวงตาอาจารย์และลูกศิษย์เหล่านั้นล้วนจ้องกระบี่นี้เขม็ง สีหน้าตื่นเต้นเคลิบเคลิ้ม กระทั่งมีความยำเกรงอย่างลึกซึ้ง

ส่วนที่ด้านข้างของกระบี่นี้ เดิมทีมีชายสูงวัยสามสี่คนกำลังพินิจพิเคราะห์อะไรอยู่ เมื่อเห็นว่าฉู่ซานเหอนำผู้คนมากมายเช่นนี้มา ชายสูงวัยเหล่านี้ต่างงงงัน แสดงสีหน้าไม่พอใจในทันที

“ฉู่ซานเหอ สถานที่สำคัญเช่นนี้ เจ้าพาคนเข้ามาตามใจชอบได้อย่างไร”

ชายสูงวัยผู้หนึ่งเอ่ยตำหนิฉู่ซานเหออย่างไม่เกรงใจ

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์