ครู่หนึ่งสายตาที่อาจารย์และศิษย์หลายคนมองไปยังหลินสวินล้วนเปลี่ยนเป็นซับซ้อน ต่างไม่เคยคิดว่าระดับค. ห้องเก้าที่อันดับรั้งท้ายมาตลอดจะได้คะแนนโดดเด่นสะดุดตาเช่นนี้ แต่หลินสวินกลับดูเหมือนไม่พอใจเช่นเคย
อับอายหรือ
นี่…
มันกระทบกระเทือนจิตใจกันเกินไปแล้ว!
ขนาดเสิ่นทั่วยังยิ้มขื่นอย่างกลั้นไม่อยู่ หลินสวินผู้นี้…ไม่รู้จะพูดว่าเขาโอหังหรือคาดหวังสูงดี
“ฮ่าๆๆ ที่นี่ครึกครื้นเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องใหญ่ครึกโครมอะไรขึ้นกระมัง”
ท่ามกลางเสียงฮือฮา พลันมีเสียงหนาทุ้มราวฟ้าร้องดังขึ้นในห้องโถงใหญ่ชั้นหนึ่งของหอหลอมวิญญาณแห่งนี้
จากนั้นก็มีคนเดินเรียงแถวเข้ามาจากประตูโถงใหญ่
ที่นำหน้ามาเป็นชายสูงวัยสวมชุดยาวสีม่วงเข้มลงกะไหล่ทองทั้งตัวผู้หนึ่ง หนวดเคราเผ้าผมหวีอย่างเรียบร้อยทุกกระเบียด มีท่าทางภูมิฐานอย่างผู้มีตำแหน่งสูงมานาน
ทันใดนั้นเสียงฮือฮาในที่นั้นก็เงียบเชียบไร้เสียง ด้วยรู้ว่านี่คือรองหัวหน้าสาขาสลักวิญญาณ ปรมาจารย์สลักวิญญาณชั้นกลางที่เป็นที่นับหน้าถือตาผู้หนึ่ง…ฉู่ซานเหอ!
ในสาขาสลักวิญญาณนี้ ตำแหน่งของฉู่ซานเห่อสูงส่ง เป็นรองเพียงเหล่าหัวหน้าสาขาไม่กี่คน เรียกได้ว่าอำนาจคับฟ้า
ที่ควรค่าแก่การพูดถึงก็คือ เดิมทีเขาก็เป็นผู้อาวุโสที่มีอำนาจอย่างแท้จริงท่านหนึ่งในสกุลฉู่ หนึ่งในสามตระกูลนักสลักวิญญาณใหญ่!
“คารวะรองหัวหน้าสาขาฉู่”
พวกเสิ่นทั่วก้าวเท้ามาข้างหน้าแล้วคารวะพร้อมรอยยิ้ม นำผลการทดสอบเมื่อครู่รายงานต่อฉู่ซานเหอ
ทันใดนั้นฉู่ซานเหอก็อดอุทานด้วยความตกใจไม่ได้ “มิน่าเล่าถึงได้ครึกครื้นเช่นนี้ ระดับค.ห้องเก้าทำคะแนนเช่นนี้ได้ ช่างยอดเยี่ยมนัก”
เมื่อได้ยินวาจานั้น กลุ่มศิษย์ระดับค.ห้องเก้าอย่างหลิวฮุย ฟ่านจือชิว หยางจิ่งเหยาล้วนแสดงสีหน้าผึ่งผายภาคภูมิ
“รองหัวหน้าสาขาฉู่ ที่ครั้งนี้พวกข้าทำคะแนนเช่นนี้ได้ ต้องยกความดีความชอบยิ่งใหญ่ให้อาจารย์เสี่ยวหลินขอรับ!”
หลิวฮุยฉีกยิ้มกว้าง
“อ้อ อาจารย์เสี่ยวหลินงั้นหรือ”
ใบหน้าของฉู่ซานเหอระบายยิ้ม สายตาจ้องเขม็งไปที่หลินสวินแทบจะในชั่วพริบตาแล้วเอ่ยว่า “ตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนข้าก็ได้ยินว่าอาจารย์เสี่ยวหลินสอนเก่ง มีวิธีสอนเป็นเอกลักษณ์ เมื่อได้เห็นเช่นนี้ ที่แท้ก็สมคำร่ำลือ”
“รองหัวหน้าสาขาฉู่ยอเกินไปแล้วขอรับ”
หลินสวินตอบเสียงเรียบ
การปรากฏตัวของฉู่ซานเหอพาให้เขาพลันนึกถึงฉู่ไห่ตงที่ถูกตนทำให้โกรธจนกระอักเลือด คิดถึงการประลองฝีมือว่าใครเป็น ‘ไอ้โง่’ นั้น
ท้ายที่สุดทั้งนครต้องห้ามก็รู้ว่าฉู่ไห่ตงที่ถูก ‘เสียงร้องแห่งเก้ามังกร’ กำราบราบคาบไป ย่อมกลายเป็น ‘ไอ้โง่’ สมดังกล่าว
เรื่องนี้ก็กลายเป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่งในนครต้องห้าม เห็นได้ว่าผลกระทบนั้นใหญ่หลวงเพียงใด
พูดได้ว่าด้วยเรื่องนี้ หลินสวินนั้นได้ผิดใจกับตระกูลฉู่โดยสมบูรณ์แล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้เมื่อเผชิญหน้ากับฉู่ซานเหอที่ปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน หลินสวินจึงระแวดระวังขึ้นโดยไม่รู้ตัว
นี่เป็นเพียงการทดสอบของศิษย์นักสลักวิญญาณชั้นต้นกลุ่มหนึ่งของตึกเล็กระดับค. เท่านั้น ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร ทว่าฉู่ซานเหอผู้นี้กลับปรากฏตัวขึ้น นี่ออกจะผิดปกติไปแล้ว
“อาจารย์เสี่ยวหลินไม่ต้องถ่อมตัวหรอก ว่าตามจริงข้าก็สงสัยในความสามารถด้านการสลักรอยวิญญาณของเจ้านัก”
ฉู่ซานเหอยิ้มแย้มพลางเอ่ยปาก “อย่างไรเสียในเวลาเพียงเดือนเดียวเท่านั้น ก็สามารถทำให้คะแนนของระดับค. ห้องเก้าเลื่อนขึ้นเป็นอันดับห้า นี่ไม่ใช่ว่าอาจารย์คนไหนก็ทำได้”
เมื่อเอ่ยคำนี้ออกมาก็พาให้ทั้งโถงยอมรับ
ที่จริงแล้วจนถึงตอนนี้ อาจารย์และลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งรู้เพียงว่าหลินสวินนั้นเคยชักนำให้เกิด ‘เสียงร้องแห่งเก้ามังกร’ ที่ครึกโครมไปทั้งนครต้องห้าม กลายเป็น ‘ปรมาจารย์สลักวิญญาณหนุ่มน้อย’ ที่เหมือนกับผู้กล้าแห่งรุ่นเยาว์
แต่ในเรื่องว่าความสามารถด้านการสลักรอยวิญญาณของหลินสวินนั้น แท้จริงแล้วอยู่ขั้นไหนกันแน่ จนตอนนี้กลับไม่เคยมีใครรู้
ทว่าถ้อยคำที่ดูเหมือนจะชื่นชมนี้ของฉู่ซานเหอ กลับทำให้ความระแวดระวังที่อยู่ในใจหลินสวินพลันรุนแรงขึ้นมาก
ไม่มีเรื่องอะไรแต่กลับทำดีด้วย ไม่ใช่ผู้ร้ายก็เป็นขโมย
นอกจากนี้เขายังเคยมีเรื่องกับตระกูลฉู่ ตระกูลเบื้องหลังฉู่ซานเหอ แล้วคนผู้นี้จะยกย่องคู่แค้นอย่างดีเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้
ดังคาด คำพูดต่อมาของฉู่ซานเหอได้ยืนยันการคาดเดาของหลินสวินแล้ว
เขาพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ข้ามีข้อเสนอหนึ่ง เหตุใดไม่ถือโอกาสนี้ให้อาจารย์เสี่ยวหลินได้แสดงฝีมือเลิศล้ำในศาสตร์สลักรอยวิญญาณของตน ให้ข้ากับบรรดาอาจารย์และลูกศิษย์ในที่นี้ได้เห็นฝีไม้ลายมือที่หาใครเทียบมิได้สักครั้งล่ะ”
“ดียิ่งนัก คำพูดนี้ของรองหัวหน้าสาขาฉู่ตรงใจพวกข้าพอดีเลย!”
“นั่นสิ พวกข้าก็อยากรู้ฝีไม้ลายมือของอาจารย์เสี่ยวหลินนานแล้ว แต่เสียดายที่ไม่เคยมีโอกาสเลย ถ้าครั้งนี้ได้ตามที่หวังก็คงดียิ่งแล้ว”
“อาจารย์เสี่ยวหลิน แสดงฝีมือสักหน่อยน่า”
“อาจารย์เสี่ยวหลิน…”
คำพูดของฉู่ซานเหอเพิ่งเงียบลง ก็ก่อให้เกิดเสียงสะท้อนอย่างอุ่นหนาฝาคั่งไปทั้งโถง ไม่เพียงแค่เหล่าศิษย์เท่านั้น ขนาดอาจารย์บางคนยังพูดไม่หยุดปาก ท่าทางตื่นเต้นตั้งหน้าตั้งตารอ
มีเพียงเสิ่นทั่วและคนไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง มองฉู่ซานเหอ แล้วก็หันไปมองหลินสวิน ล้วนแสดงสีหน้าไม่สบายใจอยู่ลึกๆ
พวกเขาก็นึกขึ้นได้เช่นกันว่าระหว่างหลินสวินและตระกูลฉู่มีความแค้นต่อกัน
ถึงขั้นที่พวกเขาแน่ใจได้ว่า ข้อเสนอที่ฉู่ซานเหอยกขึ้นมาในเวลานี้ ย่อมไม่ได้มีเป้าหมายเรียบง่ายใสสะอาดเช่นนั้นแน่!
สายตาทั้งโถงมองมายังหลินสวิน ราวกับว่าหากเขาไม่ตอบรับในตอนนี้ ก็จะทำให้ทุกคนผิดหวังในทันที เหมือนกลายเป็นผู้ร้าย
หลินสวินนิ่งเงียบไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์