หลายปีก่อนตอนที่ถูกไล่ออกจากนครต้องห้ามเพราะราชโองการของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน หลิงเทียนโหวก็เป็นผู้กล้าที่สะดุดตาที่สุดแล้ว
เพียงเพราะนิสัยเผด็จการร้ายกาจ ไม่กลัวฟ้าดิน ก่อเรื่องสร้างความแค้นเคืองให้ทุกคนไว้มากมาย จึงถูกส่งตัวไปทำคุณไถ่โทษที่สนามรบชายแดน
แม้ว่าเขาไม่ได้กลับมาห้าปีแล้ว แต่ห้าปีนี้ในนครต้องห้ามกลับมีข่าวของหลิงเทียนโหวแพร่ออกมาอยู่บ่อยครั้ง
ข่าวว่าเขาตัดหัวข้าศึกในสนามรบไปนับไม่ถ้วน สร้างผลงานอย่างโดดเด่นในด้านการทหาร แม้แต่ทางฝั่งเผ่ามืด ชื่อเสียงอันดุร้ายของเขายังเผยแพร่ไปทั่ว
ตอนนี้เขากลับมานครต้องห้ามอีกครั้ง ย่อมเป็นเรื่องใหญ่ที่สร้างความฮือฮาอยู่แล้ว หลายคนต่างคาดเดาว่าหลังจากผ่านการเคี่ยวกรำในสนามรบมาเป็นเวลาห้าปี ความสามารถของหลิงเทียนโหวคงถึงระดับที่เรียกได้ว่าน่าสะพรึงกลัวแล้ว
ในสถานการณ์แบบนี้ หลินสวินกลับกล้าท้าทายหลิงเทียนโหว จะไม่ให้ตะลึงได้อย่างไร
“ก่อนงานฉลองพระชนมพรรษาของจักรพรรดินีจะเริ่มขึ้น หลินสวินก็ปะทะกับหลิงเทียนโหวที่ถนนหยกขาวรอบหนึ่งแล้ว เพื่อยืนยันความใจกล้า หลินสวินได้ฆ่าอสูรมังกรเจียวดำสามตัวของหลิงเทียนโหวตายคาที่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลินสวินจะกล้าท้าทายขนาดนี้”
มีกล่าวขึ้นเบาๆ
“เด็กคนนี้คิดว่าหลิงเทียนโหวล่วงเกินได้ง่ายๆ หรือ นี่เขาไม่เกรงกลัวฟ้าดินหรือว่าอวดดีไร้เดียงสากันแน่”
“ได้ยินว่าเขาเดิมพันกับหลิงเทียนโหวเอาไว้ว่า ถ้าหลิงเทียนโหวแพ้ จะต้องคุกเข่าขอขมาคุณหนูหลิ่วชิงเยียน เหี้ยมจริงๆ”
“เหี้ยมงั้นหรือ ข้าว่าเขารนหาที่ตายมากกว่า! ใครไม่รู้บ้างว่าหลิงเทียนโหวขึ้นชื่อเรื่องความดุร้าย การกระทำเช่นนี้ของหลินสวินไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย!”
ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์ ต่างคิดว่าหลินสวินไม่รู้รุกรู้ถอย ชนะฉือฉางเฟิงคนหนึ่งแล้วกลับยังไม่รู้จักหยุด ยังคิดจะไปท้าทายหลิงเทียนโหวต่อ เห็นได้ชัดว่ายโสโอหังยิ่งนัก
“ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”
เสียงตะโกนที่ราวกับคลื่นลมหนาวอันเย็นเยียบระเบิดขึ้นเหนือลานแสดงยุทธ์
พลันเห็นหลิงเทียนโหวปรากฏตัวขึ้นบนลานแสดงยุทธ์ เขาอยู่ในชุดคลุมสีเลือด รูปร่างสูงเพรียวสง่า สูงตระหง่านมั่นคงอยู่ตรงนั้นราวกับเทพองค์หนึ่ง ดวงหน้าอันงดงามดุจปีศาจเรียบเฉย นัยน์ตามีรัศมีสายฟ้าไหลวน แฝงความน่าเกรงขามยากอธิบาย
“จำคำพูดของเจ้าไว้ให้ดี หากเจ้าแพ้แล้วกล้าคืนคำ ไม่ว่าบนสวรรค์หรือนรกก็ไม่มีใครช่วยเจ้าได้ทั้งนั้น!”
เสียงของหลิงเทียนโหวอึมครึม เย็นเยียบราวกับคลื่นลมหนาว ชวนให้รู้สึกขวัญหนีดีฝ่อ
เขามีดีมากพอที่จะพูดแบบนี้จริงๆ เขามีฐานะเป็นราชนิกุล นิสัยยโสโอหังที่สุด มิเช่นนั้นคงไม่ต้องให้จักรพรรดิมีราชโองการกว่าจะขับเขาออกจากนครต้องห้ามได้
ก็เพราะเขาเป็นคนที่ทำอะไรไม่เห็นหัวใคร ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น และนี่ก็เป็นจุดที่ทำให้น่าหวาดกลัวที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
กลับเห็นว่าหลินสวินเองก็พูดอย่างจริงจัง “ข้าหวังเพียงว่า เจ้าจะไม่ลืมว่าหากแพ้แล้วต้องคุกเข่าขอขมาแม่นางชิงเยียนก็เพียงพอแล้ว”
ทุกคนต่างเผยสีหน้าตกใจ จะเดิมพันเช่นนี้จริงๆ หรือ แม้แต่บุคคลผู้ยิ่งใหญ่หลายท่านที่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดยังเผยสีหน้าตะลึง
ก็แค่การประลองเท่านั้น ทั้งสองกลับท้าเดิมพันขนาดนี้ น่าตกใจจริงๆ
ไม่ว่าใครแพ้ ก็ต้องชดใช้อย่างหนักหน่วง
เมื่อเทียบกันแล้วสถานการณ์ตอนที่ฉือฉางเฟิงแพ้หลินสวินยังโชคดีกว่าเห็นๆ
“เหอะๆ กล้าขึ้นเรื่อยๆ เลยนี่ แต่ข้าชอบ จะรบก็ต้องรบกับคนที่กล้าท้าทายข้าอย่างเจ้าถึงจะสะใจ!”
หลิงเทียนโหวหัวเราะลั่นอย่างดุร้ายจองหอง เขาพลิกฝ่ามือ ง้าวสีทองอร่ามเล่มใหญ่พลันปรากฏขึ้นแล้วฟันออกไปทันที
ง่ายๆ สบายๆ เหมือนเห็นหลินสวินเป็นแค่ผักปลา หมายจะตัดหัวให้รู้แล้วรู้รอด
นี่เป็นความหยิ่งผยองอย่างหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นคือดุดันเผด็จการ ดวงตาแดงก่ำเย็นเยียบ ชุดสีเลือดบนร่างพลิ้วไปตามสายลม สาดแสงประกายสีเลือดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ขณะที่กำลังงุนงง ทุกคนราวกับเห็นภูเขาศพทะเลเลือดปรากฏขึ้นจากตัวหลิงเทียนโหว โครงกระดูกทับถม ไอสังหารสะเทือนวิญญาณ
โครม!
ง้าวสีทองนั่นกวาดผ่านกลางอากาศ ส่งเสียงคำรามสนั่นทลายอากาศ ฟาดฟันเข้าหาหลินสวิน ไอสังหารน่าสะพรึงกลัวราวกับจะกลืนกินอีกฝ่าย
หลายคนถึงกับกลั้นหายใจ สีหน้าเผยความตื่นตะลึง ไม่ได้เจอแค่ห้าปี พลังของหลิงเทียนโหวน่ากลัวขนาดนี้แล้ว!
เหมือนเทพสังหารที่ออกมาจากทะเลเลือดไม่มีผิด!
ปัง!
หลินสวินกำหมัดขึ้นแล้วปล่อยออกไปรับง้าวสีทองนั่น เกิดเสียงปะทะกันสนั่นหูอย่างที่สุด เสมือนภูเขาขนาดใหญ่สองลูกพุ่งชนกัน สั่นสะเทือนไปทั้งฟ้าดิน
แรงลมแฝงพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวพาให้ฝุ่นทรายลอยฟุ้ง กระแสลมผันเปลี่ยน
หลินสวินสะเทือนจนเซถอยไปข้างหลัง ในขณะที่หลิงเทียนโหวทรงพลังดุจดั่งดวงตะวัน!
ทุกคนกลั้นหายใจดูการต่อสู้นี้ จากการโจมตีในครั้งนี้จะเห็นได้ว่า ถ้าไม่งัดอาวุธสักอย่างออกมา มีความเป็นไปได้สูงมากที่หลินสวินจะต้านทานได้อีกไม่นานแล้ว
“เอาอาวุธต่อสู้ของเจ้าออกมา! มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าเหมือนเชือดไก่!”
หลิงเทียนโหวเอ่ยเย็นชา ง้าวสีทองวาดตามขวางอย่างห้าวหาญเผด็จการเต็มประดา ท่าทีราวกับในใต้หล้ามีเพียงข้าเป็นหนึ่ง
ทันทีที่เริ่มการต่อสู้เขาก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน กลิ่นอายเผด็จการจองหองนั่น ทำเอาเด็กสาวชนชั้นสูงมากมายเผยสีหน้าหลากหลาย หัวใจสั่นไหว
“แรงแค่นี้ยังไม่ถึงขั้นที่ข้าต้องใช้อาวุธ”
หลังจากถูกโจมตีจนถอยออกไป หลินสวินกลับไม่ได้บาดเจ็บแต่อย่างไร เขาพลันก้าวกระโดด ประกายแสงสีฟ้าอ่อนรอบตัวยิ่งดูแข็งกล้า ราวกับลมพายุที่ดังกึกก้อง สำแดงเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ออกมาประมือ
นี่ต้องเป็นการประลองที่สุดยอดอย่างแน่นอน ผู้กล้าวัยหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่สองคนกำลังประลองกันอยู่ในลานแสดงยุทธ์ วิชาลับประกายวิญญาณต่างๆ สำแดงออกมาถี่ยิบ ก่อกวนจักรวาล
พวกเขาใช้กระบวนท่าพิฆาตแท้จริง ราวกับต่อสู้หวังเอาชีวิต เรียกได้ว่าสะเทือนไปทั้งโลกา
ผู้ยิ่งใหญ่ระดับอาวุโสหลายท่านเห็นแล้วต่างใจไหวสะเทือน แอบคิดว่าตอนที่ตนหนุ่มๆ ยังไม่เคยมีพลังที่สะเทือนโลกาเช่นนี้เลย
ตูม!
หลินสวินปล่อยหมัดหนึ่งกระแทกกับง้าวใหญ่ ในขณะที่หมัดอีกข้างพุ่งไปอยู่ตรงหน้าหลิงเทียนโหว แต่สุดท้ายกลับถูกหลิงเทียนโหวสะบัดฝ่ามือเข้าปัดป้อง คลี่คลายได้อย่างง่ายดาย
ณ ที่นั้นแสงประกายแวววาว เสียงคำรามกึกก้อง ร้อนแรงสะดุดตา พาให้อกสั่นขวัญหนี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์