เห็นชายหญิงกลุ่มนั้นเดินทางมาโดยรุ้งศักดิ์สิทธิ์ กลิ่นอายความศักดิ์สิทธิ์คละคลุ้ง เหล่าผู้ฝึกปราณต่างเผยสีหน้าระมัดระวังและเกรงกลัว
แม้แต่ผู้สืบทอดจากสำนักโบราณที่มาถึงก่อนแล้ว ยังเผยสีหน้าระแวงอย่างชัดเจน
“หลิงจื่อนั่ว!”
“ขนาดนางยังมา!”
ในกลุ่มผู้สืบทอดของเขาเมฆาสวรรค์ ผู้นำเป็นหญิงสาวในชุดกระโปรงสีฟ้า ผมยาวสลวยดำขลับ ผิวพรรณเรียบเนียน ดวงตาเปล่งประกาย ริมฝีปากแดงฟันขาวกระจ่าง รูปลักษณ์โดดเด่นงดงามราวกับหลุดออกมาจากภาพวาด
รูปร่างของนางสง่างาม ร่างกายกำจายกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ ข้างกายก็เต็มไปด้วยสาวสวยหนุ่มหล่อ แต่เมื่อเทียบกับนางแล้วต่างจืดจางลงทั้งสิ้น
หลายคนที่อยู่ที่นี่จำผู้หญิงคนดังกล่าวได้ จึงส่งเสียงอุทานอย่างตกใจ
หลิงจื่อนั่ว เป็นบุคคลชั้นยอดที่มีคุณลักษณะพรสวรรค์ ‘กายหยกวิญญาณสายฟ้า’ แม้อายุเพียงสิบเจ็ด แต่มีชื่อเสียงสะเทือนทั่วหล้ามาหลายปีแล้ว และยังเป็นผู้สืบทอดอัจฉริยะคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาผู้โดดเด่นแห่งเขาเมฆาสวรรค์!
หลังจากพวกเขามาถึง บรรยากาศก็เงียบลงเล็กน้อย ราวกับทุกคนต่างไม่กล้าเสียงดังด้วยกลัวว่าจะรบกวนพวกเขา
ส่วนลูกศิษย์สำนักโบราณบางส่วนที่มั่นใจว่าฐานะของตนสามารถเทียบกับหลิงจื่อนั่วได้ สายตาที่มองหลิงจื่อนั่วจึงดูกล้ากว่ามาก ในความเร่าร้อนแฝงความชื่นชมและลุ่มหลง
จู่ๆ ผืนดินก็สั่นสะเทือน บริเวณอันไกลโพ้นราวกับมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น
เงาร่างอันสูงใหญ่กำยำย่างสามขุมเข้ามา โครงร่างของเขาหนาใหญ่ เปลือยท่อนบน กล้ามเนื้อคล้ายหล่อขึ้นจากสำริด เต็มไปด้วยพลังราวลูกระเบิด
บนไหล่ของเขาแบกกระบองเหล็กสีดำหนาใหญ่เอาไว้ท่อนหนึ่ง ทุกครั้งที่ก้าวเดินก็ราวกับขุนเขากำลังเคลื่อนที่ สะเทือนจนผืนดินสั่นสะท้าน เศษฝุ่นคละคลุ้ง ดูน่าเกรงขาม
ทุกคนอุทานด้วยความตกใจทันควัน เพราะจำได้ว่าผู้มาเยือนคือผู้สืบทอดแห่งสำนักสงัดดารา… เถี่ยเชียนหาน!
นี่ก็เป็นผู้กล้าที่สร้างความสะเทือนไปทั่วหล้ามาตั้งนานแล้วเช่นกัน มีคุณลักษณะพรสวรรค์ ‘ปฐพีสยบขุนเขา’ เต็มไปด้วยกลิ่นเลือดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เรี่ยวแรงเหลือหลายไม่มีที่สิ้นสุด
วิ้ง!
เถี่ยเชียนหานเพิ่งมาถึงไม่นาน บนภูเขาก็อยู่ใกล้ๆ พลันมีรุ้งวิเศษสีเขียวเส้นหนึ่งพุ่งลงมา แล้วแปลงเป็นเด็กหนุ่มในชุดนักพรตสีดำ แบกกระบี่โบราณลายสนเอาไว้กลางหลัง
ที่ไหลเวียนอยู่ในนัยน์ตาเป็นลายลึกลับสีทองอร่าม ไอสมบัติทาบทับไปทั่วร่างราวกับเป็นภาพมายา ดูก็รู้ว่าต้องเป็นอัจฉริยะชั้นยอดเช่นกัน
แต่เด็กหนุ่มคนนั้นเท้าเพิ่งจะถึงพื้น เสียงตูมก็ดังสนั่น แสงสีดำสายหนึ่งก็พุ่งเข้ามาก่อนจะกลายเป็นลิงมายาแหงนหน้าร้องคำรามยาว เสียงราวกับคลื่นทะเลอันรุนแรงที่ชวนอกสั่นขวัญแขวน
ชายหนุ่มชุดนักพรตดำราวกับมีญาณทิพย์ เงาร่างวูบหลบ ภูเขาที่เหยียบอยู่เมื่อครู่พลันถูกลิงมายาตัวนั้นเหยียบจนแหลกละเอียด
โฮก~
ลิงมายาส่งเสียงคำรามแล้วพุ่งเข้าหาเด็กหนุ่มชุดนักพรตอีกครั้ง เท้าเพิ่งจะแตะลงไป พื้นดินก็เกิดเป็นรอยแยก ดูดุดันและโหดร้ายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ผู้ฝึกปราณที่อยู่รอบๆ ไม่อาจไม่หลีกหนี สีหน้าต่างเปลี่ยนไปเพราะจำฐานะของเด็กหนุ่มชุดนักพรตและลิงมายาตัวนั้นได้
เด็กหนุ่มชุดนักพรตเป็นผู้สืบทอดของสำนักกระบี่แรกวิญญาณ ชื่อทางธรรมคืออวิ๋นเคอ ส่วนลิงมายานั่นเป็นผู้สืบทอดสำนักเทพโลหิต ผู้ฝึกตนสายอสูรหยวนจั้น!
“หยวนจั้น เส้นทางสู่แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นกำลังจะเปิดแล้ว เจ้าจะสู้ต่อจริงๆ หรือ”
อวิ๋นเคอร่างไหววูบหลบการสังหารของหยวนจั้น ในนัยน์ตาฉายลายลึกลับสีทอง ดูน่าสะพรึงกลัวถึงที่สุด
“หึ!”
ลิงมายาแค่นเสียงเย็น กลิ่นอายพิฆาตแผ่กระจาย จู่ๆ ก็กลายร่างเป็นชายชุดดำที่ผิวออกคล้ำๆ และมีนัยน์ตาสีแดงเข้ม
“ก็ดี รอให้เข้าไปในแหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่นก่อน แล้วค่อยเชือดเจ้าจมูกโคน้อย[1]อย่างเจ้าก็ยังไม่สาย!”
หยวนจั้นกวาดสายตามองรอบๆ แล้วเก็บไอสังหาร ไม่พุ่งฆ่าฟันอีก
“หึๆ”
อวิ๋นเคอระบายยิ้ม ไม่พูดอะไรอีก
ทั้งสองต่างรู้ดีว่าที่นี่มีผู้ฝึกปราณมากมาย และมีคู่แข่งเก่งกาจไม่น้อย ถ้าสู้กันต่ออาจกลายเป็นเรื่องน่าหัวเราะเอาได้
ฮูว~~
และในขณะนั้นเอง สายลมอ่อนๆ ก็พัดเข้ามา ปรากฏเป็นดอกไม้หลากสี ลำต้นและกิ่งก้านล้วนงดงามตระการตาราวกับลายสลักวิญญาณลึกลับที่หนาแน่น ดูเป็นธรรมชาติ
ซู่ซ่า~
มันส่ายไปมาเบาๆ ก่อนจะกลายเป็นหญิงสาวในชุดหลากสีคนหนึ่ง เส้นผมสวยพลิ้วไหว ดวงตาคู่งามมีชีวิตชีวา รูปร่างเพรียวยาวบอบบาง ท่าทางเย้ายวนเปี่ยมเสน่ห์น่าหลงใหลนั้นดูร้อนแรงมาก
“เหลียนเตี๋ยอี!”
ทุกคนตกตะลึง ใบหน้าซีดขาว พวกเขาจำได้ว่าหญิงชุดหลากสีคนนั้นเป็นผู้สืบทอดของ ‘แดนวิญญาณหมื่นมายา’ ร่างเดิมเป็นบัวห้าสี และยังเป็นภูตวิญญาณธรรมชาติที่มีความสามารถยากคาดเดา
ตามบันทึกโบราณ เมื่อบัวห้าสีมีจิตวิญญาณ ธาตุทั้งห้าอันมหัศจรรย์จะมาสถิต พรสวรรค์น่าสะพรึงกลัวเกินจินตนาการ
ในอดีตเคยมีบัวห้าสีบรรลุยุทธ์ ทักษะฝีมือเลิศล้ำ เคยสังหารเทพมาร รบกับเหล่าอริยะ อาศัยเพียงคววามลี้ลับแห่งห้าธาตุก็สามารถสร้างชื่อเสียงให้โด่งดังไปทั่วหล้า!
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือบัวห้าสีมีนิสัยกระหายเลือด ทุกลมหายใจเข้าออกล้วนสามารถช่วงชิงจิตวิญญาณ สูบเลือดของอีกฝ่ายได้ ทั้งแปลกประหลาดและชวนขนลุกที่สุด
ตอนที่เหลียนเตี๋ยอีปรากฏตัว ผู้ฝึกปราณหลายคนต่างถอยหนี หลีกทางให้ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้แม้แต่คนเดียว
แม้แต่หยวนจั้นจากสำนักเทพโลหิตยังอดขมวดคิ้วไม่ได้ สีหน้าแฝงความหวาดกลัว
โครม! โครม! โครม!
ไม่นานก็มีเสียงราวกับกลองรบดังจากบนฟากฟ้า รถรบสำริดคันหนึ่งแล่นเข้ามาพร้อมเสียงคำรามของสายลม ด้านบนมีชายเกราะทองคนหนึ่งยืนอยู่ ในมือถือหอก สีหน้าดุดันราวกับเทพสังหาร
“ผู้สืบทอดตระกูลปราบมารไป๋อวี่!”
“สวรรค์ เทพสังหารน้อยคนนี้ก็มาด้วยหรือนี่!”
เสียงฮือฮาดังกระหน่ำไม่ขาดสาย
ทันทีที่ไป๋อวี่ปรากฏตัวก็ใช้สายตาอันราบเรียบกวาดมองทุกคน ท่าทางดูเย่อหยิ่ง แต่กลับไม่มีใครกล้าต่อว่าเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์