สายตาของหลินสวินเผยแววดูถูก
หลันอวี่โกรธจนอยากตบเขาให้ตายในทีเดียว กัดฟันพูด “เจ้ารู้หรือไม่ว่าคะแนนสะสมหนึ่งพันแต้มหมายถึงอะไร ถึงกล้าขอขนาดนี้”
หลินสวินพลันเอ่ย “แปดร้อยคะแนนคงจะมีกระมัง?”
เส้นเลือดบนหน้าผากหลันอวี่ปูดนูนออกมา หมอนี่เห็นคะแนนสะสมของสำนักศึกษาเป็นอะไร ผักกาดขาวหรือ
“ห้าร้อยแต้มล่ะ”
สายตาของหลินสวินยิ่งดูถูกกว่าเดิม “ถ้าคะแนนสะสมเท่านี้ยังไม่มี เจ้าก็ไปพยายามทำคะแนนสะสมก่อนเถอะ จะมาผสมโรงทำไม”
แววตาหลันอวี่กระหายเลือดยิ่ง อยากลงมือสั่งสอนหลินสวินเสียเดี๋ยวนี้ แต่สุดท้ายเขาก็อดทน สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ยหน้าเขียว “ได้ ห้าร้อยแต้ม ข้ารับคำเจ้า!”
หลินสวินพลันยิ้ม ตบไหล่เขาพูดว่า “ไม่เลวๆ เจ้าสามารถไปเข้าแถวรอประลองกับข้าได้แล้ว”
เห็นท่าทางกำชัยของหลินสวิน หลัวอวี่โกรธจนหน้าเขียว จะควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้วจริงๆ
“อ้อ จริงสิ ถ้าพวกเจ้าอยากประลองกับข้า ก็อย่าลืมเตรียมคะแนนสะสมเอาไว้ด้วย ข้าก็จะไม่สร้างความลำบากให้พวกเจ้าหรอก ตอนแพ้ เพียงยกคะแนนสะสมให้ข้าทั้งหมดก็พอแล้ว”
หลินสวินกวาดสายตาไปมองพวกเซวียอวิ้น จินจู๋หลิว สืออวิ๋นเผิงแวบหนึ่ง ทันใดนั้นสีหน้าของคนเหล่านั้นต่างอึมครึมขึ้นมา
กำเริบ!
กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!
ลูกศิษย์คนอื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณนั้นก็เบิกตาโพลง หลินสวินกําเริบเสิบสานเช่นนี้ ไม่กลัวกรรมตามสนองหรือ
“พวกเจ้าก็สามารถไปบอกคนอื่นๆ ได้ว่า ถ้าอยากศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้กับข้า ก็เอาคะแนนสะสมมาเข้าแถวเสีย เวลามีจำกัด”
ทันทีที่หลินสวินพูดเช่นนี้ ทำให้ลูกศิษย์สาขายุทธ์วิถีทุกคนต่างมีโทสะ เจ้าหมอนี่เห็นพวกเขาเป็นอะไร ลูกแกะใสซื่อหรือ?
“หลินสวิน เจ้าอวดดีให้มันน้อยๆ หน่อย เดี๋ยวได้ทนทุกข์ทรมานแน่!”
“น่าโมโหจริงๆ เจ้านี่น่าชิงชังมาก ศิษย์พี่ทุกท่านอย่าได้เกรงใจเด็ดขาด!”
“หลินสวิน เจ้ายะโสเพียงนี้ เห็นสาขายุทธ์วิถีของข้ามีไว้เปล่าๆ หรือ”
เสียงเซ็งแซ่อื้ออึงไปทั่วบริเวณ ทั้งด่าว่าและคาดโทษหลินสวิน บรรยากาศคึกคักยิ่ง
ที่นี่คือสาขายุทธ์วิถี การเคลื่อนไหวที่นี่ดึงดูดผู้คนจำนวนมากอย่างรวดเร็ว ลูกศิษย์หลายคนรีบไปรายงาน เชิญทุกคนในสาขามา
“ข้ารายงานศิษย์พี่อวี่หรูหั่วไปแล้ว ถ้าเขารู้ว่าหลินสวินอวดดีเพียงนี้จะต้องลงมืออย่างอดไม่ได้แน่”
“เหอะๆ ข้าได้บอกเหล่าลูกหลานตระกูลทรงอิทธิพลในสำนักศึกษาที่มีความแค้นกับหลินสวิน อย่างตระกูลฮวา ตระกูลซ่ง ตระกูลฉือแล้ว”
……
คนมาชมดูความคึกคักไม่รังเกียจเรื่องใหญ่ การมาเยือนของหลินสวินในครั้งนี้จะต้องสร้างความฮือฮาอย่างแน่นอน!
สำหรับคำพูดเหล่านี้ หลินสวินเหมือนไม่ได้ยิน เอ่ยถามหลี่เซียวเฟย “เจ้าอัปลักษณ์ ลานแสดงยุทธ์อยู่ไหน”
หลี่เซียวเฟยตะโกนอย่างเดือดดาล “เจ้าด่าใครว่าอัปลักษณ์!”
หลินสวินส่งเสียงอ้อแล้วเอ่ย “เจ้าไฝ ลานแสดงยุทธ์อยู่ไหน”
หลี่เซียวเฟยโกรธจนตาลุกเป็นไฟ อยากจะฉีกปากหลินสวินซะ
“อยู่ข้างหน้า”
ในตอนนี้เซวียอวิ้นพูดขึ้นอย่างราบเรียบเย็นชา
หลินสวินเงยหน้าขึ้น เห็นว่าบริเวณที่ไม่ไกลนักมีลานขนาดใหญ่ ภายในลานมีแท่นหินโบราณสีดำสนิทแท่นหนึ่ง ด้านบนเปื้อนเลือดและมีกลิ่นอายรอยสลักวิญญาณอันคลุมเครือไหลเวียนอยู่รางๆ
นี่ก็คือลานแสดงยุทธ์ เป็นสถานที่สำหรับดวลการต่อสู้ของลูกศิษย์สาขายุทธ์วิถี หลายพันปีมานี้เคยมีผู้กล้าที่มีอิทธิพลแห่งยุคจำนวนนับไม่ถ้วนต่อสู้อยู่ด้านบน สำแดงการประลองอันเป็นประวัติกาลครั้งแล้วครั้งเล่า
ในเวลานี้มีผู้คนมากมายมารวมตัวกันอยู่รอบๆ ลานแสดงยุทธ์ เห็นได้ชัดว่าล้วนได้ยินว่าหลินสวินมาแล้วและกำลังจะดวลศึกที่นี่
นอกจากนี้ยังมีศิษย์จำนวนมากจากที่อื่นๆ กำลังทยอยกันมา
“มาสิหลินสวิน วันนี้ให้ข้าสั่งสอนเจ้า ล้างความอับอายให้ราชวงศ์ ให้เจ้าได้รู้ว่าฟ้าสูงแค่ไหน แผ่นดินต่ำเพียงใด!”
หลันอวี่ตะคอก
เดิมเขาไม่จำเป็นต้องเป็นคนแรกที่กระโดดออกมา แต่ระหว่างทางหลินสวินทำเขาโกรธมากจนสุดจะทนแล้วจริงๆ
“ผมขาว บอกว่าให้เจ้าต่อแถวไม่ใช่หรือ ล้างคอให้สะอาดเตรียมรอไว้เถอะ”
หลินสวินโบกมือด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
เมื่อทุกคนรอบข้างได้ยินคำพูดเช่นนี้ต่างรู้สึกขำ แต่ก็ไม่กล้าหัวเราะออกมา สีหน้าจึงดูแปลกประหลาด ‘ผมขาว’ หลินสวินก็ช่างกล้าเรียกหลันอวี่เช่นนี้!
“หลินสวิน คอยดูเถอะ!”
สีหน้าของหลันอวี่ดูแย่อย่างที่สุด
หลินสวินกลับคร้านจะสนใจเขาแล้ว เดินเข้าไปในลานแสดงยุทธ์และขึ้นไปยืนบนแท่นหิน จากนั้นสายตามองไปที่พวกเซวียอวิ้น จินจู๋หลิว สืออวิ๋นเผิง กล่าวว่า “พวกเจ้าเป็นฝ่ายเรียกข้ามาที่นี่ ตอนนี้ใครจะลงมือก่อน”
“ข้าไปก่อน!”
สืออวิ๋นเผิงก้าวออกไปพร้อมไอสังหารอันรุนแรง
“ช้าก่อน” หลินสวินมุ่นคิ้ว “เจ้าเข้าใจกติกาหรือไม่”
สืออวิ๋นเผิงตะลึง ตะคอกว่า “ขนาดนี้แล้ว เจ้ายังจะเล่นลวดลายอะไร”
หลินสวินกล่าวอย่างไม่พอใจ “ส่งป้ายประจำตัวมาก่อน ข้ากลัวว่าเจ้าจะผิดสัญญา ไม่ยอมให้คะแนนสะสม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์