“ตั้งแต่โบราณมา ขอเพียงเป็นผู้ที่สามารถพบเห็นสถานที่นี้ ล้วนเป็นผู้กล้าที่ต่างพิสูจน์ได้ว่ามียอดพรสวรรค์ในช่วงยุคสมัยหนึ่ง เหมือนกับเงาร่างประทับพวกนี้ที่เจ้าเห็นในตอนนี้ ก็เป็นคนรุ่นเยาว์หนึ่งร้อยคนที่มีชื่อเสียงและแข็งแกร่งที่สุดตลอดระยะเวลาหลายพันปีมานี้”
ผู้อาวุโสกล่าวเนิบช้า น้ำเสียงแหบพร่า
“ชื่อของพวกเขาถูกจารึกไว้เช่นนี้ เว้นแต่จะปรากฏผู้กล้าที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาคนใดคนหนึ่ง จึงจะสั่นคลอนอันดับของพวกเขาได้ ลบชื่อพวกเขาออกจากกระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณ”
หลินสวินฟังอย่างเงียบๆ สายตามองไปไกลๆ บนคลื่นแต่ละระลอกนั้นมีเงาร่างวิบไหว แสงสีทองไหลล้นราวกับแสงอาทิตย์พร่างพราว
ก่อนหน้านี้เขาได้คาดเดาสิ่งเหล่านี้ไว้หมดแล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่าเหตุใดตนเองจึงประสบกับเหตุความเป็นความตายเมื่อครู่นั่น
“เมื่อเจ้าสามารถมองเห็นเงาร่างซึ่งเป็นตัวแทนรายชื่อได้อย่างชัดเจน นั่นหมายความว่าความสำเร็จในตอนนี้ของเจ้าโดดเด่นเหนือผู้กล้าคนนั้น ณ เวลานั้น หากมองเห็นไม่ชัดเจน นั่นหมายความว่าอันดับของเจ้าสิ้นสุดลงแค่ตรงนี้”
ฟังถึงจุดนี้หลินสวินนึกขึ้นมาได้ทันที เมื่อครู่เขามองเห็นเงาร่างและชื่อของกู้อวิ๋นถิงได้อย่างชัดเจน อีกทั้งรู้อันดับของอีกฝ่ายว่าอยู่ในอันดับที่หกสิบสี่
แต่ร่างที่อยู่ก่อนหน้ากู้อวิ๋นถิงเขากลับมองเห็นได้ไม่ชัดว่าเป็นใคร จากคำพูดของผู้อาวุโส นั่นไม่ใช่หมายความว่าเขาขึ้นไปถึงอันดับที่หกสิบสี่ของกระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณอย่างนั้นหรือ
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว อันดับของกู้อวิ๋นถิงก็เท่ากับว่าถูกตนเองเบียดตกไปอยู่อันดับที่หกสิบห้าใช่หรือไม่
“แต่เจ้าแตกต่างกับพวกเขา”
จู่ๆ ผู้อาวุโสก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา ดวงตาขุ่นมัวจ้องมองมายังหลินสวิน ทันใดนั้นหลินสวินรู้สึกเหมือนความลับทุกอย่างภายในใจตนราวกับถูกมองออก รู้สึกกระวนกระวายไปทั้งตัว
“รบกวนผู้อาวุโสชี้แนะ”
หลินสวินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“แต่เดิมด้วยพรสวรรค์และพลังแฝงของเจ้า หากถูกพลังแห่งป้ายหินวิญญาณมรรครับรู้ได้ทั้งหมด อันดับจะไม่หยุดลงเพียงเท่านี้”
ผู้อาวุโสถอนสายตากลับ “แต่ว่าร่างกายของเจ้ากีดกันพลังแห่งป้ายหินวิญญาณมรรคออกไป ไม่ยินยอมให้มันรับรู้ถึงพรสวรรค์และพลังแฝงภายในทั้งหมดของเจ้า!”
เพียงหนึ่งประโยค เสมือนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น!
หลินสวินตัวแข็งทื่อไป เข้าใจขึ้นมาโดยพลัน ที่แท้พลังลึกลับที่ไหลทะลักเข้าร่างตนเมื่อครู่มาจาก ‘ป้ายหินวิญญาณมรรค’ นี่เอง!
และ ‘ป้ายหินวิญญาณมรรค’ ที่ว่าก็เดาได้ง่ายมาก นั่นคือป้ายหินที่ประทับรายชื่อ ‘กระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ’ และ ‘กระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณ’ แผ่นนี้
จากคำเล่าลือ ป้ายหินนี้สืบทอดมาในสำนักเก่าแก่โบราณแห่งหนึ่งเมื่อสมัยโบราณกาล เป็นสมบัติล้ำค่าน่าอัศจรรย์อย่างยิ่งชิ้นหนึ่ง ภายหลังค่อยถูกเจ้าสำนักสำนักศึกษามฤคมรกตใช้พลังขั้นสูงหลอมและย้ายมายังที่แห่งนี้
สิ่งที่หลินสวินคาดเดาไม่ออกคือ เหตุใด ‘ประตูสวรรค์’ ต้องกีดกันพลังของ ‘ป้ายหินวิญญาณมรรค’?
“บางทีนี่อาจเป็นความสัมพันธ์ที่ถูกกำหนดไว้”
ผู้อาวุโสพึมพำกับตนเอง เปล่งวาจาประหลาดยากแก่การเข้าใจออกมาประโยคหนึ่ง
หลินสวินรู้สึกแปลกใจระคนสับสน แต่กลับเม้มปากเงียบไม่กล่าวออกมา เขาไม่มีทางพูดถึงความลับของ ‘ประตูสวรรค์’ นี้ออกมาอย่างเด็ดขาด
“เห็นทีเจ้าจะไม่รู้ว่าขอเพียงขึ้นกระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณ ประทับชื่อบนนี้ได้ ก็เท่ากับได้รับวาสนาแห่งเซียน สามารถเข้าสู่ดินแดนรกร้างโบราณอย่างราบรื่น กลายเป็นผู้สืบทอดคนสำคัญของสำนักลึกลับสักแห่งในดินแดนลี้ลับ”
ผู้อาวุโสกล่าวถึงเรื่องราวหลังฉาก ทำเอาหลินสวินใจสั่นหะหนึ่ง นี่เป็นโอกาสและวาสนาที่หาได้ยากยิ่ง สำหรับผู้ฝึกปราณแล้ว เทียบได้กับการได้รับหนทางสู่มรรคที่เปี่ยมด้วยความหวังหนทางหนึ่งทีเดียว!
ตามที่ผู้อาวุโสกล่าวมา ผู้กล้าที่ขึ้นสู่กระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณตลอดหลายพันปีมานี้ บางทีอาจไปดินแดนลี้ลับเพื่อบำเพ็ญตนแล้ว
ทั้งยังได้รับการปฏิบัติอย่างศิษย์คนสำคัญอีกด้วย!
นึกถึงตรงนี้หลินสวินอดไม่ได้ที่จะถาม “เรียนถามผู้อาวุโส ที่ๆ พวกเขาไปคือสำนักลี้ลับแห่งใดกัน”
“แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์”
ผู้อาวุโสกล่าวนามหนึ่งออกมา สีหน้าเจือความประหลาดเล็กน้อย “ต่อให้เป็นในดินแดนรกร้างโบราณ สำนักแห่งนี้ก็เรียกได้ว่าเหนือธรรมดา มีกิตติศัพท์เป็นอย่างมาก เล่ากันว่า… ในสำนักแห่งนี้เคยให้กำเนิดผู้เป็นอมตะอย่างแท้จริง เจิดจรัสดังสุริยันจันทรา อายุยืนนานชั่วนิจนิรันดร์ เปล่งประกายโชติช่วง!”
ผู้เป็นอมตะ!
หลินสวินสูดลมหายใจเย็นเยียบ บำเพ็ญเพียรมาถึงตอนนี้ เขาค่อยๆ เข้าใจความยากลำบากและความคลุมเครือบนหนทางแห่งมหามรรคแล้ว สำหรับความเป็นอมตะ ยิ่งเป็นเสมือนหนึ่งความฝันที่ไม่ใช่ความจริง ไม่มีใครพบเห็นมาก่อน
แต่ในดินแดนรกร้างโบราณแห่งนั้น ในสำนักแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์นั่น มีการเล่าลือถึง ‘ผู้เป็นอมตะ’ นี่ช่างทำให้ผู้คนตกตะลึงยิ่งนัก
ต่อให้เป็นเพียงข่าวลือ แต่ก็มากพอที่จะพิสูจน์แล้วว่าสายสนกลในของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์นั้นหนาแน่นเพียงใด!
“น่าเสียดาย มหามรรคของเจ้าถูกลิขิตให้ไร้วาสนากับแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์”
ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสจะกล่าวเช่นนั้น แต่กลับไม่รู้สึกถึงความเสียดายเพียงนิด
นั่นทำให้หลินสวินอดชะงักไปเล็กน้อยไม่ได้ ตระหนักรู้ด้วยไหวพริบว่าผู้อาวุโสดูราวกับ… พึงพอใจที่ได้เห็น ‘สภาวการณ์แปลกประหลาด’ ที่เกิดขึ้นของตน
ผู้อาวุโสนิ่งเงียบครู่ใหญ่ แล้วพลันถอนใจคราหนึ่ง มองหลินสวินพลางกล่าวว่า “เจ้าเด็กน้อย ความลับของร่างกายเจ้ามากมายเหลือเกิน แม้แต่ข้าเองก็มองไม่ออก เป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายยากจะคาดเดา แต่มีจุดหนึ่งที่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า หากวันหนึ่งข้างหน้าเจ้าปรารถนาที่จะเข้าสู่ดินแดนรกร้างโบราณ จำไว้ว่าอย่าได้ข้องแวะกับคนของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ สำหรับเจ้าแล้วนั่นถือเป็นมหันตภัยอย่างแท้จริง”
หลินสวินใจกระตุกวูบ มหันตภัย? หรือจะเกี่ยวกับที่ ‘ประตูสวรรค์’ กีดกันพลังของ ‘ป้ายหินวิญญาณมรรค’?
หลินสวินรู้สึกได้รางๆ ว่าการคาดเดาของตนถูกต้องแน่นอน เพียงแต่สาเหตุภายในนั้นกลับทำให้เขาคาดเดาไม่ออก เพราะเดิมทีเขาก็ไม่แน่ใจว่าทั้งหมดนี้หมายความว่าอะไรกันแน่
“เมื่อโอกาสมาถึงเจ้าจะเข้าใจเอง แต่ยามอยู่ในจักรวรรดิจื่อเย่าแห่งนี้ เจ้ายังไม่ต้องกังวลถึงเรื่องนี้ได้ชั่วคราว”
ผู้อาวุโสเหมือนดูความสงสัยอย่างหนักหน่วงภายในใจหลินสวินออก อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน
“ขอบพระคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ”
หลินสวินประสานมือขึ้น
“จงจำไว้ เรื่องในวันนี้อย่าได้กล่าวกับผู้อื่น แม้ว่าในใจจะเกิดความสงสัยมากเพียงใด ก็ไม่สามารถแพร่งพรายแม้ประโยคเดียว ต้องเก็บงำไว้ในใจ”
ผู้อาวุโสกล่าวกำชับ
หลินสวินรับคำอย่างจริงจัง หลังจากนั้นพลันกล่าวถาม “เรียนถามผู้อาวุโสมีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไร”
ผู้อาวุโสดวงตาล้ำลึก จ้องมองมายังหลินสวิน “เจ้าเดาออกอยู่ก่อนแล้ว เหตุใดจึงต้องถามซ้ำ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์