พวกเขาทั้งหมดต่างสัมผัสได้ว่า เจ้าสำนักปรากฏตัวครั้งนี้ต้องมาเพื่อปกป้องหลินสวินอย่างแน่นอน!
นั่นทำให้พวกหนิงเหมิง สืออวี่รู้สึกสะใจหาที่เปรียบไม่ได้ แม้แต่ราชันเลือดเหล็กหนิงปู้กุยยังอดไหวหวั่นไม่ได้ ลอบทอดถอนใจว่าหลินสวินโชควาสนาดี ถึงขั้นได้รับการดูแลจากเจ้าสำนัก นี่ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะได้รับง่ายๆ
แต่ทว่าเหล่าบุคคลสำคัญที่ก่อนหน้านี้มุ่งเป้ามาที่หลินสวินกลับตัวแข็งทื่อกันหมด ราวกับมีหนามทิ่มแทงอยู่ข้างหลัง สีหน้าประเดี๋ยวดีประเดี๋ยวร้าย
พวกเขาต่างคิดไม่ถึงว่า หลินสวินเพียงคนเดียวถึงกับดึงดูดความสนใจจากเจ้าสำนักมาได้ ถึงขั้นใช้วิธีที่ไม่คาดฝัน ขับไล่จ้าวจั้นเย่ออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด!
นี่ถือเป็นท่าทีอย่างหนึ่ง แสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการออกหน้าแทนหลินสวิน ไม่อาจอดทนเห็นหลินสวินถูกกดขี่ได้
“ในเมื่อทุกท่านล้วนอยู่ที่นี่ ข้าเองก็สงสัยนัก หลินสวินทำอะไรผิดกันแน่ ถึงกับรบกวนทุกท่านยกทัพมายังสำนักศึกษามฤคมรกตของข้า”
เจ้าสำนักเริ่มพูดอีกครั้ง ทำให้บรรยากาศกดดันยิ่งกว่าเดิม
“ท่านเจ้าสำนัก เด็กคนนี้เคยบีบบังคับหลิงเทียนโหวให้คุกเข่าต่อหน้าธารกำนัล ดูหมิ่นเกียรติศักดิ์ศรีของราชวงศ์ โทษมหันต์เช่นนี้ ไหนเลยจะสามารถปล่อยปละผ่อนปรน”
ในที่สุดก็มีคนใหญ่คนโตทำใจกล้า สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนเปล่งเสียงออกมา
“เด็กคนนี้เคยทำร้ายคนตระกูลจั่วของข้า กักขังจั่วหยางทายาทตระกูลจั่วของข้า หากไม่ลงโทษเขาอย่างหนัก อย่างไรพวกข้าก็ไม่ยินยอม”
จั่วฝูกวงตอบเสียงแข็ง
“ตระกูลฉินของข้าก็เคยถูกเขาทำร้ายคนในตระกูลไปไม่น้อย”
“หลายวันก่อนเขาบีบบังคับฉีอวี้ทายาทสายตรงตระกูลฉีของข้าลงไปคุกเข่า ทำแต่เรื่องชั่วร้าย อาละวาดไม่เกรงกลัวสิ่งใด”
“เด็กคนนี้ใจกล้าเหิมเกริม หากไม่ให้บทเรียนกับเขา วันหน้าต้องเป็นภัยใหญ่แน่”
คนมากมายออกปากพูด ล้วนแล้วแต่เป็นคนใหญ่คนโตจากตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างตระกูลฉิน ฉี จั่วทั้งสิ้น เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่ยินยอมปล่อยไปเช่นนี้
เมื่อได้ยินคำกล่าวหาเหล่านี้ ทุกคนในที่นั้นต่างอกสั่นขวัญแขวน คนใหญ่คนโตพวกนี้เป็นตัวแทนของขุมอำนาจยิ่งใหญ่มหาศาลไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่!
“ใจกล้าเหิมเกริม? พวกเจ้าหมายถึงหลินสวิน หรือหมายถึงตัวพวกเจ้าเอง?”
เจ้าสำนักเอ่ยปาก กวาดสายตามองพวกเขาทั้งหมด ทุกแห่งที่สายตาวาดผ่าน ไม่มีใครกล้าสบตากับเขาโดยตรง
“ผู้อาวุโสนี่ท่าน…”
มีคนฝืนกล่าวออกมา
“ง่ายมาก ในเมื่อพวกเจ้าพูดไม่ขาดปากว่าต้องชำระบัญชีเก่า งั้นวันนี้ไม่สู้มาสะสางเสียเลย ลองดูว่าใครกันแน่ที่ใจกล้าเหิมเกริม!”
เจ้าสำนักน้ำเสียงราบเรียบแต่กลับเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามยิ่งใหญ่ ราวเสียงธรรมทะลวงหู สะเทือนเสียจนทุกคนใจเต้นตึกตักเลือดลมตีกลับ
ในลานเงียบกริบไร้เสียง
เจ้าสำนักแสดงอำนาจอยู่ที่นี่ ไร้ซึ่งขีดจำกัด แม้แต่จักรพรรดิองค์ปัจจุบันยังไม่กล้าขัดใจ ในเวลาเช่นนี้ใครยังจะกล้าท้าทายเจ้าสำนักอีกเล่า
“ในเมื่อท่านเชื่อว่าหลินสวินไม่มีความผิด เช่นนั้นพวกข้าก็ไม่อาจพูดอะไรได้อีก ขอลาเพียงเท่านี้!”
จั่วฝูกวงส่งเสียงเฉยชา ในน้ำเสียงแฝงความโมโหเป็นอย่างมาก
“ฮึ!”
เจ้าสำนักร้องฮึเย็นชาคราเดียว จั่วฝูกวงพลันตัวแข็งทื่อไปทั้งร่าง ถูกทำให้หวาดกลัวอยู่ตรงนั้น ไม่กล้าเคลื่อนไหวอันใดอีก
“ข้าจะถามเจ้าอีกประโยค หลินสวินมีโทษอันใด เพียงแค่เจ้าสามารถบอกเหตุผลหนึ่งได้อย่างชัดแจ้ง ข้าจะไม่ใส่ใจเรื่องนี้อีกทันที ยกให้ตระกูลจั่วของเจ้าจัดการลงโทษหลินสวิน!”
เจ้าสำนักพูดอย่างนิ่งสงบ
จั่วฝูกวงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่นานนักเขาก็กัดฟันพูดว่า “หลายวันก่อนเขาเคยเข่นฆ่าทำร้ายคนตระกูลจั่วของข้า เรื่องนี้ผู้คนมากมายในที่นั้นต่างรู้เห็น มาวันนี้ทายาทตระกูลจั่วของข้าจั่วหยาง ยังถูกคุมขังอยู่บนภูเขาชำระจิต หรือว่านี่จะไม่ใช่ความผิดอันใด”
“ช่างกล้านัก!”
เจ้าสำนักตะคอกเสียงดัง “หากไม่ใช่พวกเจ้าสองตระกูลจั่ว ฉิน บุกรุกเขาชำระจิตต้องการทำร้ายเขาก่อน ไหนเลยจะเกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้น ทั้งหมดล้วนเป็นแค่พวกเจ้าหาเรื่องใส่ตัวเท่านั้น!”
คำพูดนี้ทำให้หลินสวินได้รู้ว่า ที่แท้เจ้าสำนักเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างอยู่ก่อนแล้ว!
นั่นทำให้สะเทือนใจอยู่บ้างอย่างอดไม่ได้ ด้วยรู้ว่าผู้อาวุโสท่านนี้ได้เริ่มใส่ใจตนเองแล้ว
กลับเห็นสีหน้าจั่วฝูกวงกระอักกระอ่วน ขณะกำลังจะพูดอะไรบางอย่างก็เห็นเจ้าสำนักโบกมือกล่าวว่า “เจ้าไปเถอะ อย่าได้บีบให้ข้าไปเยือนตระกูลจั่วของพวกเจ้าด้วยตนเอง!”
เพียงประโยคเดียวราวกับฟ้าผ่า ทำให้สีหน้าจั่วฝูกวงเปลี่ยนไปอย่างมาก ในที่สุดก็เข้าใจกระจ่าง เจ้าสำนักต้องการปกป้องหลินสวินนั่นโดยไม่คำนึงถึงอะไรแล้ว
ท้ายที่สุดจั่วฝูกวงไม่กล่าวอันใดอีก หันหลังจากไป
เขาเป็นไป๋จั้นโหวผู้สูงส่ง ผ่านการสู้รบมากมายมาอย่างน่าเกรงขาม สังหารศัตรูแข็งแกร่งมานับไม่ถ้วน แต่ตอนนี้กลับไม่กล้าพูดมาก ได้แต่หักห้ามใจไว้แล้วจากไป ทำให้ภายในใจคนใหญ่คนโตมากมายหนาวสะท้าน
“ข้าน้อยก็ปราศจากคำจะพูด ขอลา”
ฉินเป่าจี้ใบหน้าทะมึน รีบหันหลังจากไปตามกัน
หลินสวินเห็นดังนั้น ในใจแม้จะไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ก็รู้ว่าต่อให้เจ้าสำนักใส่ใจตนเองอย่างไร ก็ไม่อาจลงมือคว่ำจั่วฝูกวง ฉินเป่าจี้สองคนนี้ลงได้
ถึงตรงนี้บุคคลสำคัญทุกคนในที่นั้นต่างนิ่งเงียบ ไม่มีใครเอ่ยถึงบุญคุณความแค้นกับหลินสวินอีก
“ข้าได้ยินว่าหลินสวินเคยมีความแค้นกับตระกูลฮวา ข้ายินดีเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย ไม่ทราบว่ามีเรื่องค้างคาต้องปรึกษาหารือกันหรือไม่”
สายตาเจ้าสำนักมองมายังคนใหญ่คนโตของตระกูลฮวา
นั่นเป็นชายวัยกลางคนคนหนึ่ง เครายาวดั่งต้นหลิว นามฮวาชิงฉือ ได้ยินดังนั้นก็พลันกล่าว “เจ้าสำนักมองออกนัก มีเรื่องพัวพันกันอยู่จริงๆ แต่ก็เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ ของคนหนุ่มสาว ในเมื่อเจ้าสำนักออกปาก เรื่องนี้ก็ถือว่าจบลงเพียงแค่นี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์