ตึง!
มือใหญ่ที่เอื้อมลงมาถูกหมัดเดียวซัดกระจายกลายเป็นฝนแสง
จากนั้นฝนแสงที่แตกกระจายก็ถูกลมหมัดลบล้างไป
ที่น่ากลัวที่สุดคือ หมัดพุ่งไปอย่างไร้สิ่งกีดขวาง ซัดตรงไปยังร่างกำยำซึ่งอยู่ไกลออกไป เรียบง่าย ตรงไปตรงมา และเผด็จการ!
นี่พอที่จะทำให้โลกสั่นสะเทือน นั่นเป็นถึงพลังแห่งราชันระดับสังสารวัฏ แต่เวลานี้กลับถูกหมัดที่จู่ๆ ก็โผล่มาซัดกระจาย
ทุกคนต่างตะลึงงันอยู่ตรงนั้น เดิมทีการปะทะกันระดับนี้ แค่เพียงผลกระทบที่กระจายออกมาก็เพียงพอจะทำลายสรรพสิ่งให้กลายเป็นจุณ กำจัดสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงนั้นทั้งมวล
เพียงแต่ภายใต้การควบคุมของลมหมัดนั่น ทั้งหมดล้วนถูกคลี่คลายจนมองไม่เห็น!
นี่เป็นพลังที่แข็งแกร่งระดับไหนกัน ถึงสามารถทำได้ถึงขั้นนี้
ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะเหล่านั้นพลุ่งพล่านถึงขีดสุด ตระหนักได้ว่าในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้ ต้องมีราชันระดับสังสารวัฏผู้อยู่ในระดับเดียวกันอีกคนมาเยือนแน่นอน!
แต่กับตระกูลเหยาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เหล่าคนในตระกูลราวกับถูกฟ้าผ่า ต่างงุนงงกันอยู่ตรงนั้น ราชันระดับสังสารวัฏออกมือเองแต่ถูกคนสกัดกั้นไว้ได้?
นี่เป็นไปได้อย่างไร
โดยเฉพาะเหยาทั่วไห่ ก่อนหน้าเขายังอิ่มเอมยินดี เวลานี้สีหน้ากลับเปลี่ยนไปอย่างมาก ตัวแข็งทื่อไปหมด เดิมคิดว่าสถานการณ์ถูกชี้ชัดไว้แล้ว หลินสวินต้องไม่อาจต้านลิขิตสวรรค์ได้แน่ แต่ใครจะคิดว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้น
เห็นจะมีเพียงหลินสวินที่ยังคงนิ่งสงบ แต่ในส่วนลึกของจิตใจ ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าความจริงแล้วเขาก็ตื่นเต้นถึงขีดสุดเช่นกัน เพียงแต่เวลานี้ในที่สุดก็ผ่อนคลายลงได้
“หนิงปู้กุย!”
ร่างกำยำนั่นประหลาดใจอยู่บ้าง ทั่วร่างปรากฏแสงน้ำเลื่อมพรายน่าพรั่นพรึง เปรียบดั่งสมุทรเทพยืนตระหง่านบนผืนน้ำกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ระลอกคลื่นม้วนซัดสาดอบอวลไปทั่วร่าง
“เหอะๆ ข้าก็ว่าใครช่างหน้าไม่อายเช่นนี้ ถึงขั้นลงมือกับเด็กคนหนึ่งอย่างไร้ยางอาย ที่แท้ก็เจ้าเรือดเฒ่ารักตัวกลัวตายอย่างเจ้านี่เอง! คิดไม่ถึงว่าเจ้าถึงกับกล้าข้ามชายแดนจากจักรวรรดิมืดมาลำพองในจักรวรรดิจื่อเย่าของข้า เช่นนั้นวันนี้ก็จงตายอยู่ที่นี่ซะเถอะ!”
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะหยาบกระด้างหนึ่งดังก้องขึ้น ปั่นป่วนเก้าชั้นฟ้า คลื่นเสียงแผ่ขยายเป็นวงกว้าง สั่นสะเทือนจนเหล่าคนตระกูลเหยาสับสนมึนงง เลือดลมสูบฉีดทั่วร่าง แทบจะถูกช่วงชิงจิตวิญญาณ!
ราชันเลือดเหล็กหนิงปู้กุย!
ทุกคนต่างตกตะลึงคาดไม่ถึง ผู้ที่ออกมือถึงกับเป็นบุคคลในตำนานอย่างราชันเลือดเหล็กคนนี้!
เขาเคยสาบานว่า ชีวิตนี้อยู่เพื่อการต่อสู้ แม้ตายก็ต้องหนุนนอนบนภูเขาศพทะเลเลือด เทียบท้านภา หลับใหลไปกับปฐพี!
ราชันผู้นี้ชั่วชีวิตคร่ำหวอดในการศึก ยกทัพปราบปรามกลางสมรภูมิ สั่นสะเทือนเก้าชั้นฟ้าสิบทิศ แต่มาวันนี้กลับปรากฏตัว จะไม่ให้ผู้คนสั่นสะท้านได้อย่างไร
แม้แต่หลินสวิน หลังได้ยินเสียงหัวเราะองอาจผึ่งผายหาใดเปรียบของหนิงปู้กุย ภายในใจก็ปั่นป่วนไม่หยุด คำว่าราชันคืออย่างนี้นี่เอง!
ครืน!
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ร่างสูงใหญ่ผ่าเผยร่างหนึ่งปรากฏบนผืนฟ้าก่อนตวาดลั่น “เจ้าเรือดเฒ่า ไสหัวมาสู้กันสักตั้ง!”
อานุภาพผงาดผยอง ราวเทพสงครามเหลือบมองลงมายังมนุษยโลก
“หึ เหตุใดจะไม่กล้า คิดจริงๆ หรือว่าที่ข้าไม่ได้ออกมาข้างนอกหลายปีเป็นเพราะกลัวเจ้าหนิงปู้กุย”
ร่างกำยำนั่นแค่นเสียงเย็นชา ยังไม่ทันเห็นเขาเคลื่อนไหว ทั้งร่างก็หายไปกลางอากาศ พุ่งขึ้นไปเหนือชั้นฟ้า
“ฮ่าๆๆ วันนี้ข้าจะสังหารเจ้าเฒ่าหน้าด้านอย่างเจ้า ดูซิว่าเจ้าจะยังกล้าปากแข็งอยู่ไหม!”
หนิงปู้กุยหัวเราะร่า ก้าวเท้าไปกลางอากาศและตามขึ้นไป
ทันใดนั้นเองบนผืนฟ้าก็เปิดฉากการต่อสู้สะเทือนใต้หล้าของราชันระดับสังสารวัฏ แต่ด้วยระยะที่ห่างไกลกันเกินไป เสมือนกำลังสู้รบอยู่ในหมู่ดาวเหนือฟากฟ้า ทำให้ผู้คนมองเห็นไม่ถนัด
เพียงแต่ได้ยินเสียงสั่นสะเทือนเป็นระลอกราวเสียงคำรามของภูตผีปีศาจ แหวกทลายชั้นบรรยากาศถาโถมทั่วทศทิศ
ทั้งมีสายรุ้งศักดิ์สิทธิ์เรืองแสงเหลือคณานับ เปล่งประกายเจิดจรัสไขว้พาดอยู่นอกผืนฟ้า ประหนึ่งฝนแสงอันเกิดจากดารามากมายที่แตกสลาย น่าพรั่นพรึงหาใดเปรียบ
นี่คือการต่อสู้ระหว่างราชันระดับสังสารวัฏ!
หากปะทุขึ้นบนโลกเพียงครั้ง นั่นต้องเป็นภัยพิบัติราวมหาพิบัติวันสิ้นโลกฉากหนึ่งเป็นแน่ สามารถทำลายใต้หล้าลงได้อย่างง่ายดาย พาให้สรรพชีวิตทุกข์ทรมานแสนสาหัส
มีเพียงกรีธาทัพไปเหนือน่านฟ้าเท่านั้น จึงจะสามารถหลีกเลี่ยงคลื่นสะเทือนที่ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมบนโลกมนุษย์นี้ได้
ทุกคน ณ ที่นั้นต่างตกตะลึง
ไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรู ต่างก็ไม่อาจจินตนาการได้ว่าในวันนี้ ในจังหวัดชิงเฟิงแห่งนี้ ถึงกับมีบุญวาสนาได้เห็นการต่อสู้ของราชันระดับสังสารวัฏด้วยตาตนเอง!
ในอดีตที่ผ่านมาแม้แต่บนสมรภูมิชายแดนนั่น น้อยมากที่จะเกิดการปะทะกันระดับนี้ เนื่องจากความเสียหายที่เกิดนั้นใหญ่โตเกินไป
“เจ้า เหยาทั่วไห่เป็นประชาชนของจักรวรรดิ กลับลอบสมคบคิดกับเผ่ามืด เจตนาไม่ซื่อ เจ้าควรรู้ว่านี่เป็นโทษทรยศแผ่นดิน! ต้องประหารเก้าชั่วโคตร”
ทันใดนั้นหลินสวินก็ลุกขึ้นตะโกนดังลั่น
เพียงประโยคเดียวก็ทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะตกใจตื่น ปลุกคนตระกูลเหยาที่อยู่ในอาการตกตะลึงตรงหน้านั้นให้ตื่นขึ้น
ชั่วขณะเดียว ผู้คนมากมายในที่นั้นสีหน้าพลันเปลี่ยนสี!
สำหรับจักรวรรดิ เผ่ามืดคือศัตรูตัวฉกาจที่สุดของมนุษยชาติ ตั้งแต่โบราณมาจนถึงปัจจุบันไม่รู้มีผู้แกล้วกล้าเท่าไหร่ที่ตายในสงครามชายแดน ทุ่มเทและเสียสละไม่รู้เท่าไหร่ จึงสามารถนำสันติสุขเฉกเช่นวันนี้กลับมาให้จักรวรรดิ
แต่มาวันนี้ ในฐานะหัวหน้าตระกูลเหยา หนึ่งในผู้ฝึกยุทธ์ระดับหยั่งสัจจะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของมณฑลซีหนานแห่งจักรวรรดิ เหยาทั่วไห่กลับลอบสมคบคิดกับเผ่ามืด เชิญราชันของเผ่ามืดคนหนึ่งมาจัดการกับหลินสวิน นี่ไม่ต่างอะไรกับการทรยศแผ่นดิน!
หากแพร่ออกไป ตระกูลเหยาทั้งหมดต่างต้องตกเป็นเป้าโจมตี ถูกมองว่าทรยศบ้านเมืองต้องลงโทษประหารชีวิต!
คำพูดของราชันเลือดเหล็กหนิงปู้กุยเมื่อครู่ ได้พิสูจน์แล้วว่าทั้งหมดคือเรื่องจริงอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้คนตระกูลเหยาพวกนั้นคิดโต้แย้งก็ไม่อาจทำได้
“ฆ่า! สังหารเจ้าหนอนบ่อนไส้ต่างเผ่าที่แฝงตัวอยู่ในจักรวรรดิซะ!”
“น่าชังนัก ประชาชนแห่งจักรวรรดิที่น่าเกรงขาม กลับเป็นเศษสวะขายชีวิตให้ต่างเผ่า พวกเจ้าตระกูลเหยามีโทษถึงตายจริงๆ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์