เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อหลินสวินตื่นจากสมาธิก็ตื่นตระหนกกับข่าวดังกล่าว เขาเดินออกจากตำหนักชำระจิตก็เห็นจูเหล่าซานกลับมาแล้วจริงๆ
เพียงแต่แตกต่างจากที่ผ่านมา จูเหล่าซานราวกับถอดรูปแปลงร่าง ร่างกายของเขายังคงสูงใหญ่กำยำราวกับภูผา แต่รูปลักษณ์ของเขาดูอ่อนเยาว์ขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกล้ามเนื้อที่แข็งราวกับหินเต็มไปด้วยพลังอันงดงามที่ยากจะบรรยาย
เขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางสบายๆ ก็สามารถพาให้คนรู้สึกถึงกลิ่นอายความแข็งแกร่งที่เชื่อมต่อกับฟ้า กดข่มจักรวาล กวาดมองอย่างเย็นชากระชากวิญญาณ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลังจากฝึกปราณหลายเดือนในหอคอยกระบวนแปรจุติที่อยู่ส่วนลึกของวังหลวง ในที่สุดเขาก็ทลายกำแพงและบรรลุสู่ระดับกระบวนแปรจุติ
เดิมทีจูเหล่าซานเหลืออายุขัยเพียงไม่กี่ปี แต่เพราะการบรรลุปราณของเขาในครั้งนี้ อายุขัยจึงยืดออกไป อย่างน้อยภายในห้าร้อยปีก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการเกิดแก่เจ็บตาย
หลินสวินปลื้มใจมาก การกลับมาของจูเหล่าซานทำให้ภูเขาชำระจิตได้มหายุทธ์ระดับสำคัญเพิ่มมาอีกคนหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย!
“ขอบคุณมาก!”
จูเหล่าซานประสานหมัด โค้งคำนับให้หลินสวินด้วยท่าทีเคร่งขรึมจริงจังอย่างที่น้อยครั้งนักจะได้เห็น
หากไม่ได้การแนะนำและช่วยเหลือจากหลินสวิน เขาคงไม่สามารถเข้าไปฝึกปราณในหอคอยกระบวนแปรจุติที่อยู่ในส่วนลึกของวังหลวงได้แน่ สำหรับเขา การบรรลุครั้งนี้ไม่ใช่เพียงพลังที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือ เขาไม่ต้องกังวลกับปัญหาอายุขัยอีกต่อไป เหมือนกับการได้เกิดใหม่!
นี่ถือเป็นบุญคุณครั้งใหญ่!
“กลับมาก็ดีแล้ว”
หลินสวินยิ้มสดใสมาก
ในวันเดียวกันเขาได้จัดประชุมตระกูลเป็นครั้งแรกที่ตำหนักชำระจิต ในฐานะผู้นำตระกูลหลิน!
ผู้เข้าร่วมประชุมได้แก่ผู้อาวุโสหลินเป่ยกวงแห่งแสงอุดร หลินไหวหย่วนแห่งแสงอุดร และบุคคลสำคัญหลายคนของตระกูลหลินแห่งแสงอุดร
นอกจากนี้ยังมีหลินจง พญาแร้ง จูเหล่าซาน ชื่อเซวี่ย หยางหลิง ผู้เฒ่าเตียวเป็นต้น
แม้แต่เซียวเทียนเริ่นจากหมู่บ้านเฟยอวิ๋นก็ถูกเชิญมาด้วย
บรรยากาศของห้องโถงดูจริงจัง หลินสวินนั่งอยู่บนที่นั่งหลัก แม้ว่าเขาจะดูเด็ก แต่หลังจากผ่านการเคี่ยวกรำและขัดเกลามานานปี ทำให้เขามีพลังอำนาจหนักแน่นที่ไร้รูปร่างสายหนึ่ง
ปฐมาจารย์สลักวิญญาณวัยเยาว์ อาจารย์สำนักศึกษามฤคมรกต นักสลักวิญญาณพิเศษในภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณและสำนักเซียนช่างฝีมือแห่งจักรวรรดิ… ฐานะและเกียรติภูมิแต่ละอย่างทำให้หลินสวินยิ่งดูโดดเด่นอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างน้อยยามนี้ในนครต้องห้าม ไม่ว่าคนในรุ่นราวคราวเดียวกันหรือเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถเรียกลมเรียกฝนได้ ต่างไม่กล้าดูถูกหลินสวิน!
เวลานี้ทุกสายตามารวมกันอยู่ที่หลินสวิน ไม่มีใครกล้าเผยความดูแคลนและหย่อนยานแม้แต่เสี้ยวเดียว
ในวันนี้ หลินสวินมีคุณสมบัติที่เป็นผู้นำตระกูลหลิน รวมถึงครอบครองและควบคุมทุกภูเขาชำระจิตทั้งหมดอย่างไม่ต้องสงสัย!
ในการประชุมครั้งนี้ หลินสวินได้กล่าวอย่างรวบรัดและกระชับ โดยแต่งตั้งให้พญาแร้งเป็นผู้ดูแลอาวุโสต่างสกุล วางแผนควบคุมทุกเรื่องในภูเขาชำระจิต
แต่งตั้งให้เสี่ยวเคอเป็นผู้ดูแลใหญ่ของภูเขาชำระจิต รับคำสั่งจากพญาแร้งโดยตรง
แต่งตั้งจูเหล่าซานและหลินจงให้เป็นผู้คุ้มกันของตระกูล ทำงานรับคำสั่งจากหลินสวินโดยตรง
ในขณะเดียวกัน หลินสวินได้จัดแจงเหล่าคนสำคัญของตระกูลหลินแห่งแสงอุดรในตำแหน่งที่เหมาะสม และไม่มีการคัดค้านตั้งแต่ต้นจนจบ
นี่คือสิ่งที่หลินสวินหารือกับพญาแร้งเมื่อคืน ด้วยการฟื้นตัวของภูเขาชำระจิต ถึงเวลาที่จะประกาศใช้กฎและข้อบังคับใหม่แล้ว
แม้แต่เซียวเทียนเริ่นก็ได้รับการแต่งตั้งจากหลินสวินให้เป็นผู้ดูแลคนหนึ่ง รับผิดชอบเรื่องราวต่างๆ ของชาวบ้านในหมู่บ้านเฟยอวิ๋นโดยเฉพาะ
……
“ปู่สี่ของเจ้าเขา…”
หลังการประชุม ผู้อาวุโสเป่ยกวงไปหาหลินสวินตามลำพัง สีหน้าสับสน “แม้ว่าเขาจะทำผิด แต่เจ้าก็อย่าคิดแค้นคนในตระกูลของเขามากเกินไปเลย… อย่างไรพวกเขาก็เป็นลูกหลานตระกูลหลินของเรา”
ปู่สี่ของหลินสวินก็คือหลินเฟยเฟิง ญาติที่ใช้เสามังกรจตุลักษณ์ขังหลินสวินเอาไว้ หมายจะเอาชีวิตเขา
“ท่านปู่ห้าไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ทำเกินเลย แต่ว่าความผิดที่พวกเขาก่อไว้จะต้องถูกสะสาง มิฉะนั้นก็เป็นการยากที่จะทำให้ทุกคนเชื่อถือได้”
หลินสวินพยักหน้า
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว เช่นนั้นก็ดี”
ผู้อาวุโสเป่ยกวงถอนหายใจแล้วหมุนตัวเดินออกไป คล้ายว่าการตายของหลินเฟยเฟิงจะทำให้เขาดูโดดเดี่ยวและหดหู่ไม่น้อย
แต่หลินสวินก็ช่วยไม่ได้ ตอนนั้นเขาเกือบจะถูก ‘ท่านปู่สี่’ คนนั้นของตนฆ่าแล้ว!
……
ในวันเดียวกัน หลินสวินได้พาซย่าจื้อออกจากภูเขาชำระจิตและกลับไปสำนักศึกษามฤคมรกต
เรื่องบนภูเขาชำระจิตจัดการเข้าที่เข้าทางแล้ว มีจูเหล่าซาน หลิงจง พญาแร้ง ผู้อาวุโสเป่ยกวงและหลินไหวหย่วนนั่งบัญชาการ ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรอีก
รออีกสองปีให้หลัง เมื่อรวมสามสายรองอย่างธารประจิม คานเมฆาและยอดวายุเป็นหนึ่งเดียวแล้ว ตระกูลหลินทั้งตระกูลจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่อีกครั้งอย่างแน่นอน!
ยิ่งไปกว่านั้นหลินสวินยังทิ้งอาสัญสลายไว้ที่ภูเขาชำระจิต ให้อยู่ในความดูแลของหลินจงแต่เพียงผู้เดียว นี่เป็นอาวุธล้ำค่าในโลกที่สามารถเปลี่ยนขุมกำลังของฝ่ายหนึ่งได้ เชื่อว่าในอนาคตขอเพียงหลินจงใช้งานได้อย่างดี ก็สามารถทำให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดได้
การกลับมาสำนักศึกษามฤคมรกตในครั้งนี้ หลินสวินมีเป้าหมายที่ชัดเจนมาก นั่นคือเขาต้องการไปฝึกตนที่ภูผาบันไดสวรรค์ เพื่อหยั่งรู้พลังแห่งสัจวิถีธาตุน้ำขึ้นไปอีก เตรียมพร้อมสำหรับการบรรลุสู่ระดับหยั่งสัจจะ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์