ตำราทองสาส์นหยกเล่มหนึ่ง เพียงแค่แสงทองศักดิ์สิทธิ์ที่สาดส่องออกมาก็ส่องสว่างจักรวาล ถูกมองว่าเป็นวาสนาที่ใหญ่ที่สุด
ใครจะคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
บริเวณเชิงเขา ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าพูดอะไรไม่ออก อึ้งค้างอยู่กับที่ ผลลัพธ์นี้เหนือความคาดหมายของทุกคน
“เป็นแบบนี้อีกแล้ว…”
เจ้าคางคกและจ้าวจิ่งเซวียนสบตากัน ต่างก็จนปัญญา
ในอาศรม หนิวทุนเทียนและหลินสวินหยุดการต่อสู้ วาสนาอันสะเทือนโลกนี้กลับกลายเป็นฟองน้ำ ทำให้พวกเขาไม่มีกะจิตกะใจจะเข่นฆ่ากันต่อ เร่งรีบอยากจะค้นหาคำตอบ
“ข้าลองดู!”
หนิวทุนเทียนเดินหน้าเข้าไป เอื้อมมือไปคว้าตำราทองสาส์นหยกเล่มนั้นมา ของสิ่งนั้นพลันแปรเป็นฝนแสงก่อนจะสลายหายไป ทำให้ไม่สามารถช่วงชิงมาได้
เพียงแต่ไม่นานตำราทองสาส์นหยกก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แสงมรรคเจิดจรัส ย้อมฟ้าดินจนกลายเป็นสีทอง ศักดิ์สิทธิ์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้
นี่ทำให้สีหน้าของพวกเขาต่างสับสน ทำไมถึงเป็นเช่นนี้
สร้างสถานการณ์ที่ใหญ่ขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังใช้กระถางหินเก้าเตาสร้างเป็นอาศรมกลางอากาศ จึงปรากฏวาสนาที่สะเทือนโลกนี้ขึ้น หรือสุดท้ายจะเป็นเพียงบุปผาในคันฉ่องที่สวยงามแต่ไม่อาจจับต้องได้?
ความไม่จำยอมและผิดหวังรุนแรงพรวดพราดขึ้นในใจทุกคน ทำให้พวกเขาอัดอั้นจนแทบกระอักเลือด
หลินสวินยกเท้า เดินไปกลางอาศรม
นี่ดึงดูดความสนใจของพวกหนิวทุนเทียน แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครขวาง พวกเขาต่างลองไปแล้ว ย่อมไม่เชื่อว่าหลินสวินจะค้นพบอะไรใหม่
ทว่าสิ่งที่เหนือความคาดหมายของพวกเขาคือ หลินสวินไม่ได้ลงมือ แต่เงียบไปครู่หนึ่งแล้วขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนเบาะรองนั่ง!
หืม?
พวกหนิวทุนเทียนหรี่ตาลงโดยพร้อมเพรียงกัน พร้อมโจมตีตลอดเวลา แม้เมื่อครู่นี้พวกเขาเองก็สังเกตเห็นเบาะรองนั่งใบนั้น แต่จิตใจกลับถูกตำราทองสาส์นหยกดึงดูดจนมองข้ามรายละเอียดนี้
ตอนนี้เมื่อเห็นการกระทำนี้ของหลินสวิน ทำให้พวกเขาระแวงขึ้นมาทันที เตรียมพร้อมจะลงมือ
เบาะรองนั่งใบนั้นไม่รู้ว่าถักทอมาจากวัตถุดิบใด ดูเก่าคร่ำครึและเผยร่องรอยความโบราณ
เพียงแต่ตอนที่หลินสวินนั่งขัดสมาธิลงไป พลันรู้สึกถึงกลิ่นอายแห่งมรรคที่ไร้รูปร่างปกคลุมไปทั่วร่างกาย ทำให้จิตใจและจิตวิญญาณของเขาเกิดเสียงกึกก้องโดยพร้อมเพรียงกัน
ท่ามกลางความงุนงง ตำราทองสาส์นหยกเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นและเปิดออกหน้าหนึ่งต่อหน้าเขา ด้านในไม่ใช่ตัวอักษร แต่เป็นแผนภาพโบราณภาพหนึ่ง
นั่นเป็นภาพสนามรบบรรพกาล เงาร่างอันหยิ่งผยองยิ่งใหญ่ค้ำฟ้า ฟาดฟันจากขุมนรกขึ้นไปยังเก้าชั้นฟ้า ทุ่งรกร้างเต็มไปด้วยร่างไร้วิญญาณ ทะเลเลือดล้นฟ้า!
เขาอาบเลือดมาตลอดทาง แต่กลับไม่เคยถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว เป็นศัตรูกับโลก กับฟ้า กับมหามรรค สังหารจนจักรวาลพลิกกลับ สรรพสิ่งพังทลาย!
ตูม!
หลินสวินรู้สึกเลือดทั้งร่างร้อนเดือดแผดเผา จิตกระหายต่อสู้อันแรงกล้าสุดจะพรรณนาพลุ่งพล่านออกจากภายในจิตใจ แผ่กระจายไปทั่วทั้งร่าง แทบอยากจะไปเปิดศึกเสียเดี๋ยวนี้
นี่เป็นจิตต่อสู้อันบริสุทธิ์และรุนแรงอย่างหนึ่ง เป็นพลังที่ไม่สามารถบรรยายได้เป็นตัวอักษรได้ ทำให้หลินสวินเกิดความรู้สึกร่วมไปด้วย ราวกับเลือดเดือดพล่านแผดเผารุนแรง
และทั้งหมดนี้ เป็นเพียงแค่แผนภาพการต่อสู้โบราณภาพเดียวเท่านั้น!
‘หรือนี่เป็นมรดกที่ซ่อนอยู่ในตำราทองสาส์นหยก?’
จิตต่อสู้ทั่วทั้งตัวหลินสวินพลุ่งพล่าน เขาฝืนข่มกลั้นความวู่วาม พยายามสังเกตและทำความเข้าใจตำราทองสาส์นหยกที่ปรากฏออกมา
แต่ในขณะนั้นเอง เขาพลันรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันตรายอันยากจะอธิบาย
ไม่ได้การแล้ว!
หลินสวินตระหนักได้ทันใด เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นเงาร่างก็แวบหายไปจากบนเบาะรองนั่ง
ครืนโครม…
พื้นที่บริเวณนี้ถูกการโจมตีสารพัดปกคลุม แสงประกายเจิดจรัสกึกก้องคำรามราวกับสายฟ้า
แค่คิดก็รู้ว่าหากเมื่อครู่นี้หลินสวินหลบไม่ทัน เพียงแค่การโจมตีเดียวก็เพียงพอจะพรากชีวิตเขา!
คนที่ลงมือคือหนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิง ข่งซิ่วและเสวียนหลัวจื่อ
ก่อนหน้านี้พวกเขาจับจ้องสถานการณ์มาโดยตลอด ตอนที่สังเกตเห็นว่ารอบตัวหลินสวินมีจิตต่อสู้พลุ่งพล่าน ราวกับได้รับผลประโยชน์บางอย่าง พวกเขาพลันตื่นเต้นขึ้นมา
พวกเขาตระหนักได้แล้วว่า วาสนาอันสะเทือนโลกในครั้งนี้ไม่ใช่ภาพลวงตาแต่อย่างไร และมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกี่ยวข้องกับเบาะรองนั่งนั่น!
เมื่อได้ข้อสรุปนี้ พวกเขาก็ลงมืออย่างไม่ลังเล ไม่ให้โอกาสหลินสวินได้ครอบครองไว้แต่เพียงผู้เดียว
“หึ! ยังไม่ตาย ถือว่าเจ้าดวงแข็ง!”
หนิวทุนเทียนแค่นเสียงอย่างเยียบเย็น
“สหาย บอกมาซิว่าวาสนาซ่อนอยู่ในเบาะรองนั่งจริงหรือไม่”
เสียงของเมิ่งเหลียนชิงชัดเจนและเย็นเยียบ สายตาจับจ้องหลินสวิน
พวกเขาจ้องเขม็ง สายตาหยุดอยู่ที่หลินสวิน แม้ว่าเมื่อครู่นี้เพิ่งจะเกิดความขัดแย้งระหว่างเมิ่งเหลียนชิงและข่งซิ่ว แต่ตอนนี้เพื่อบรรลุจุดประสงค์ในการช่วงชิงวาสนา พวกเขาต่างเลือกที่จะทนกันไปก่อน
“อยากรู้งั้นหรือ พวกเจ้าก็ไปลองเองสิ”
นัยน์ตาดำขลับของหลินสวินเยียบเย็น ในใจมีเพลิงสงครามลุกโชน เขามั่นใจแล้วว่าเบาะรองนั่งใบนั้นต้องไม่ธรรมดา และมีความเกี่ยวโยงกับตำราทองสาส์นหยกอย่างใกล้ชิด มรดกที่ซ่อนอยู่ภายในน่าสะพรึงกลัวและสะเทือนโลกอย่างที่สุด!
พอหลินสวินพูดเช่นนี้ พวกหนิวทุนเทียนก็ลังเลขึ้นมาทันที แต่กลับไม่ได้ขยับมั่วซั่วโดยพลการ
สถานการณ์ตรงหน้าละเอียดอ่อนมาก พวกเขาหวาดระแวงและขัดแย้งกันเอง ใครกล้าจู่โจมเป็นคนแรก ก็จะถูกคนอื่นๆ ปิดล้อมโจมตี เท่ากับว่ากลายเป็นสถานการณ์ที่สกัดกั้นกันเอง
บริเวณเชิงเขา ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าต่างเฝ้ามองอยู่ พวกเขาเองก็ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ราวกับจะเปลี่ยนไปอีกแล้ว บรรยากาศดูตึงเครียดและกดดันขึ้นมา
ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“เหอะๆ ทำไม วาสนาอยู่ตรงหน้าแต่พวกเจ้ากลับไม่กล้าเข้าไปช่วงชิงหรือ มีความกล้าแค่นี้ คิดว่าคู่ควรให้ยืนอยู่ที่นี่หรือ”
ทันใดนั้นหลินสวินพลันส่งเสียง ดวงตาดำของเขาราวกับสายฟ้ากวาดผ่านทุกคน บนร่างกายมีจิตต่อสู้ที่แทบจะควบคุมไม่อยู่พลุ่งพล่าน!
“เจ้ากำลังท้าทายงั้นหรือ”
เสียงของเมิ่งเหลียนชิงทั้งกระจ่างและเย็นเยียบ
“มนุษย์ตัวเล็กๆ มีสิทธิ์อะไรมาวิพากษ์วิจารณ์สามหาวเช่นนี้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์