เพลิงไฟควันเขม่าตลบอบอวล เสียงร้องโหยหวนก้องกังวาน ร่างไร้วิญญาณบนพื้นมากยิ่งกว่าเดิม แอ่งเลือดที่ส่องสะท้อนใต้แสงดาบเงากระบี่ปรากฏสีแดงบาดตา
นี่คือโศกนาฏกรรมที่ไม่อาจคาดการณ์ฉากหนึ่ง ซ้ำยังเพิ่งเปิดฉาก!
ไม่เพียงหลินเทียนหลงที่ไม่ตาย หลินเนี่ยนซานและหลินผิงตู้เองก็ยังไม่ตายเช่นเดียวกัน เพียงแต่ที่ต่างจากหลินเทียนหลงคือ สองคนหลังเวลานี้ประดุจดั่งบ้าคลั่ง
พวกเขาควบคุมอารมณ์ไม่อยู่นานแล้ว ถูกกระตุ้นจากภาพต่างๆ เบื้องหน้าจนบ้าคลั่ง บุกจู่โจมอย่างต่อเนื่อง เข้าสังหารหลินสวินราวกับไม่เสียดายชีวิต
เพียงแต่หลินสวินกลับไม่คิดสังหารพวกเขาทันที แต่ละคราล้วนซัดทั้งสองปลิวกระเด็น ดูอเนจอนาถมิอาจทานทน
“เจ้ามันใจโฉดนัก หมายให้พวกข้าเบิกตามองเจ้าสังหารหมู่พี่น้องร่วมตระกูลพวกเราใช่ไหม” หลินเนี่ยนซานแผดเสียงคำราม ดวงตาปูดโปนแทบถลน
“ถ้ามีปัญญาก็ฆ่าข้าซะ! เหตุใดไม่กล้า? มาสิ!” อีกฟากหนึ่งหลินผิงตู้ผมเผ้ายุ่งเหยิง สีหน้าบิดเบี้ยววิกลจริต
น่าเสียดาย หลินสวินไม่สนใจไยดีทั้งหมดนี้ ท่าทีมองข้ามและเลือดเย็นอำมหิตเช่นนั้น ทำเอาทั้งสองคนต่างใกล้จะเป็นบ้าไปจริงๆ
นี่คือการทรมานอย่างโหดร้ายหาใดเปรียบอย่างหนึ่ง ทำให้พวกเขาอยากตายก็ไม่ได้ ได้แต่มองดูตาปริบๆ
มองเห็นโศกนาฏกรรมนี้ เห็นคนในตระกูลร่วมสายโลหิตแต่ละคนบ้างหวาดผวา บ้างหมดหนทาง บ้างโกรธแค้น บ้างไม่พอใจล้มตัวลงแอ่งเลือดสีแดงสด!
ช่างทรมานกันเกินไปแล้ว!
ต่อสู้มาถึงเวลานี้ ในโถงนั้นบาดเจ็บล้มตายไปเกินครึ่ง วิธีสังหารคนอย่างหมดจดชัดเจนราวพายุหอบเศษเมฆานั่นของหลินสวิน สะเทือนสยบทุกผู้คนอยู่ก่อนแล้ว ทำให้พวกเขารู้สึกขวัญหนีดีฝ่อและหวาดกลัว ใจต่อสู้พังทลาย
เพียงแต่เมื่อพวกเขาเลือกที่จะหนีตายกลับค้นพบอย่างพิศวงว่า ทั่วทุกสารทิศล้วนถูกหมอกควันกว้างใหญ่ปกคลุม เสาหินลึกลับสี่ต้นตั้งตระหง่าน กักขังฟ้าดินแถบนี้โดยสมบูรณ์
เสามังกรจตุลักษณ์!
ทุกคนในที่นั้นมีหรือจะไม่รู้จักสมบัตินี้ นี่คือสมบัติประจำตระกูลหลินแห่งยอดวายุ อยู่ในการครอบครองของหลินเฟยเฟิง บิดาหลินผิงตู้มาตลอด
เพียงแต่หลินเฟยเฟิงถูกสังหารในมือหลินสวินตั้งนานแล้ว แน่นอนว่าสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้จึงต้องตกอยู่ในมือหลินสวิน
พริบตานั้นทุกคนล้วนสิ้นหวัง พวกเขาเพิ่งตระหนักได้ว่า นับตั้งแต่ที่หลินสวินเหยียบเข้าตระกูลหลินแห่งธารประจิม ก็ได้ตระเตรียมวิธีมากมายไว้ก่อนแล้ว ไม่คิดให้พวกเขาจากไปทั้งเป็น!
มิน่าล่ะการเคลื่อนไหวที่นี่ยิ่งใหญ่เพียงนี้ แต่จนถึงตอนนี้กลับไม่สร้างความตื่นตระหนกให้คนอื่นในตระกูลหลินแห่งธารประจิม
ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะที่นี่ถูกกักขังปิดผนึกตั้งนานแล้ว!
ตูม!
ยามรู้ถึงจุดนี้ หลินเทียนหลงราวถูกอสนีบาต ส่วนลึกในก้นบึ้งจิตใจเดิมเขายังฝากฝังโชคลาภลอย หวังว่าผู้อาวุโสตระกูลตนจะทราบข่าวแล้วรีบเร่งมาสังหารเจ้าคนป่าเถื่อนอย่างหลินสวินให้สิ้นซาก
แต่พริบตาที่เห็นเสามังกรจตุลักษณ์นั้น หัวใจเขาตายด้านอย่างสมบูรณ์
เรื่องน่าเศร้าใดๆ ไม่มีเรื่องไหนหนักกว่าจิตใจตาย!
เวลานี้สภาพจิตใจของหลินเทียนหลงสามารถใช้คำว่าจิตใจพังทลายมาพรรณนาได้
…
“ตอนนี้ ก็เหลือแค่พวกเจ้าสามคนแล้ว”
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ริมหูยินเสียงราบเรียบหนึ่ง แต่กลับประหนึ่งฟ้าร้องกัมปนาทก็มิปาน ทำหลินเทียนหลงซึ่งอยู่ในสภาพหมดความรู้สึกและว่างเปล่าได้สติขึ้นมา
เขามองโดยรอบอย่างเลื่อนลอย กลับพบว่าที่แห่งนั้นแอ่งโลหิตหยาดย้อมปฐพี ร่างไร้วิญญาณนอนกอง
มีเพียงหลินเนี่ยนซาน หลินเฟยเฟิงสองคนที่ทรุดนั่งลงบนพื้น ผมเผ้าสยายยุ่ง อาภรณ์ขาดรุ่งริ่งมอมแมม เศษฝุ่นโคลนและคราบเลือดติดเต็มไปทั้งตัว ดวงตาทั้งสองเหม่อลอย
และตรงหน้า หลินสวินยืนอย่างโดดเดี่ยว เสื้อผ้ายังคงไม่แปดเปื้อนโลกีย์ สีหน้านิ่งสงบไร้อารมณ์ดังเดิม ราวเด็กหนุ่มผู้ไร้มลทินและเด่นสง่าคนหนึ่ง เมื่ออยู่ในภาพนองเลือดและทารุณนี้จึงยิ่งดูบาดตานัก
“พวกนั้น… ล้วนแต่เป็นญาติเจ้า… เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร…” หลินเทียนหลงเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก น้ำเสียงแหบพร่าและโศกเศร้า
“ญาติ?”
นัยน์ตาดำของหลินสวินปรากฏความเยียบเย็นวูบหนึ่ง “ข้าไม่เคยเห็นญาติต่ำทรามไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน ตั้งแต่พวกเจ้าเริ่มเลือกทรยศตระกูลหลินและเป็นศัตรูกับตระกูลหลินนั้น ในสายตาข้าพวกเจ้ามันก็แค่คนทรยศกลุ่มหนึ่ง!”
“เหอะๆ ตั้งแต่โบราณกาลมา ฉากจบการต่อสู้ใดๆ ล้วนไม่ใช่ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจรหรอกหรือ ครั้งนี้เจ้าชนะข้า ข้าก็ไม่มีคำใดจะพูด จะฆ่าจะแกงแล้วแต่เจ้าเถอะ!”
หลินเทียนหลงสีหน้าเฉยชาไม่แยแส
“ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจรรึ”
หลินสวินเวลานี้กลับพลันถอนหายใจแล้วเอ่ยถาม “เจ้าคิดว่า หลังตระกูลจั่วและฉินรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้ จะแก้แค้นแทนพวกเจ้าหรือไม่”
หลินเทียนหลงชะงักงัน แต่จากนั้นก็กล่าวตอบโดยไม่ลังเล “แน่นอน!”
“เจ้าแน่ใจ?” หลินสวินจ้องมองอีกฝ่ายแน่วนิ่ง
หลินเทียนหลงหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย แววตาวูบไหว ถึงกับไม่กล้าสบตาหลินสวินอยู่บ้าง หันศีรษะไปอีกด้านน้อยๆ
หลินสวินน้ำเสียงนิ่งสงบ “แท้จริงในใจเจ้ารู้คำตอบดี ตระกูลจั่วและฉินไม่มีทางออกหน้าแทนเจ้าแน่นอน!”
“เพราะข้ายังมีชีวิตอยู่ แต่พวกเจ้าล้วนตายเรียบ สำหรับตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงพวกนั้น คนตายไม่มีคุณค่าให้ใช้ประโยชน์อย่างไม่ต้องสงสัย ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาไม่มีล่วงเกินข้าเพื่อพวกเจ้า!”
คำพูดรอบนี้ของหลินสวินดุจใบมีดคมกริบ แทงทะลุจิตใจหลินเทียนหลงอย่างหนักหน่วง ทำเอาสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง สีหน้าซีดเผือดหาใดเปรียบ
เขาสามารถกลายเป็นหัวหน้าตระกูลหลินแห่งธารประจิม แน่นอนว่าไม่ใช่บุคคลธรรมดา เดิมทีไม่จำเป็นต้องคิดเขาก็รู้ดีว่าที่หลินสวินพูดไม่ผิดแม้แต่น้อย
แต่เมื่อเผชิญความเป็นจริงอันโหดร้ายเช่นนี้ ใครเล่าจะสามารถตั้งสติรับมันได้
“พวกเราล้วนแพ้แล้ว เจ้ายังจะหยามหน้าพวกเราเช่นนี้อีกรึ” หลินเนี่ยนซานซึ่งทรุดลงกับพื้นอยู่อีกฝั่งเอ่ยปาก น้ำเสียงทุ้มต่ำราวสูญเสียแรงกำลังทั้งมวล
“มอบความสบายใจแก่พวกเราเถอะ”
ดวงตาทั้งสองของหลินผิงตู้เหม่อลอย ส่งเสียงพึมพำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์