Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 664

สรุปบท ตอนที่ 664: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 664 – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 664 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 664 ละครโหมโรง
ตอนที่ 664 ละครโหมโรง
โดย
ProjectZyphon
บนถนนสายหลักที่เงียบเหงาประหนึ่งร้างผู้คน แท้จริงแล้วสายสืบจากแต่ละขุมอำนาจแห่งนครต้องห้ามแอบกระจายตัวติดตามทั้งหมดนี้อย่างแน่นหนาอยู่ก่อนแล้ว

ตั้งแต่หลินสวินหวนกลับนครต้องห้ามเมื่อคืน กระทั่งบุกสังหารตระกูลรองของตระกูลหลินตัวคนเดียวยามรัตติกาล อีกทั้งยามนี้ยังห้าวหาญฉีกหน้าสองตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงตระกูลจั่วและฉิน ทั่วทั้งนครต้องห้ามครึกโครมไม่รู้เท่าไหร่

ความวุ่นวายฉากนี้กำลังโหมกระหน่ำ สั่นคลอนประสาทของทุกขุมอำนาจ แต่ละฝ่ายต่างให้ความสนใจว่าหลินสวินจะก่อเรื่องถึงขั้นไหนกันแน่

และเมื่อเผชิญกับการยั่วยุและท้าทายของตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตซึ่งหลินสวินเป็นผู้นำ ตระกูลจั่วและตระกูลฉินจะใช้วิธีเช่นไรมารับมือตอบโต้

เหตุการณ์บานปลายถึงบัดนี้ ใกล้ถึงเวลาเผยคำตอบแล้ว!

เพราะวันนี้ตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตราวพายุลูกโต ใช้วิธีนองเลือดอย่างแข็งกร้าว ช่วงชิงกิจการซึ่งเดิมเป็นของตระกูลหลินกลับคืนจากมือตระกูลจั่วและฉินแห่งแล้วแห่งเล่า

กระทั่งถึงตอนนี้เหลือเพียง ‘หอสมบัติตะวันมงคล’ แห่งเดียวแล้ว

หากแม้แต่ที่นี่ยังถูกตระกูลหลินยึดคืน เช่นนั้นในการชิงชัยนี้ ความน่าเกรงขามของตระกูลจั่วและฉินคงเท่ากับถูกโจมตีอย่างรุนแรง

แต่ความเป็นจริงจะเป็นเช่นนั้นหรือ

แน่นอนว่าไม่มีทาง!

ในฐานะที่ตระกูลจั่วและฉินเป็นตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงแห่งนครต้องห้าม แน่นอนว่าไม่มีทางอดทนให้เหตุการณ์อัปยศอดสูเช่นนี้เกิดขึ้น

และถ้าพวกเขาดำเนินการจู่โจมกลับชะล้างความอัปยศก่อนหน้า คงไม่มีทางปล่อยให้หอสมบัติตะวันมงคลถูกหลินสวินชิงไปอีกเด็ดขาด!

“ตระกูลจั่วและฉินสองตระกูลนี้ช่างสงบจิตสงบใจจริง เริ่มตั้งแต่เมื่อคืนจวบจนบัดนี้ต่างไม่ทำการอันใด คล้ายไม่ไยดีต่อการยั่วยุของหลินสวิน”

ในที่ลับมีสายสืบส่วนหนึ่งจากแต่ละขุมอำนาจกำลังพูดคุย

“บางทีพวกเขาอาจแค่กำลังรวบรวมพลจึงยังไม่ลงมือก็เท่านั้น ทันทีที่ลงมือจะต้องเอาให้ถึงตายในคราเดียวประหนึ่งสายฟ้าฟาดแน่!”

นี่คือความคิดของคนส่วนใหญ่

อย่างไรเสียนั่นก็คือตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง อำนาจล้นฟ้าสะเทือนจักรวรรดิ ไม่มีใครเชื่อว่าเมื่อพวกเขาพบเจอการยั่วยุ จะอดทนอดกลั้นและไม่เคลื่อนไหว

“ตระกูลหลินนี่บ้าระห่ำเกินไปแล้ว ถึงแม้รีบเร่งคิดอยากแก้แค้นแค่ไหน แต่อาศัยพลังของพวกเขาตอนนี้ ไหนเลยจะสามารถเป็นคู่ต่อกรของตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงได้”

“ควรพูดว่าหลินสวินนั่นบ้าระห่ำเกินไป เมื่อคืนเพิ่งจะจัดการปัญหาภายในตระกูลหลิน ยังไม่ทันรวมกันอย่างสมบูรณ์ ก็บุ่มบ่ามไปท้าทายตระกูลจั่วและตระกูลฉิน คนยที่กล้าทำเช่นนี้ คงมีแค่หลินสวินผู้ได้ชื่อว่า ‘ป่าเถื่อนไม่เกรงกลัวสิ่งใด’ นั่นคนเดียวเท่านั้น”

คนไม่น้อยต่างทอดถอนใจ ความกล้าของหลินสวินถือว่าขึ้นชื่อในนครต้องห้าม ใครต่างไม่อาจจินตนาการ ว่าเขาอาศัยอะไรมากล้าทำเช่นนี้กันแน่

บรรดาขุมอำนาจส่วนหนึ่งถึงขั้นมอบฉายา ‘เจ้ากล้าหลิน’ แก่หลินสวิน!

เพราะการกระทำของหลินสวินกำเริบเสิบสานยิ่ง ตั้งแต่ก่อนหน้าจนปัจจุบัน ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นบนตัวเขาต้องทำให้ผู้คนตกตะลึงอ้าปากค้างยากจะเชื่อ

กระทั่งถึงตอนนี้ เมื่อตระกูลหลินท้าทายตระกูลจั่วและฉินโดยตรง ฉายา ‘เจ้ากล้าหลิน’ นี้นับวันยิ่งถูกคนรู้จักคุ้นเคยมากขึ้นเรื่อยๆ

ช่างใจกล้าเหลือเกินจริงๆ!

กระทั่งสามารถใช้คำว่าบ้าคลั่งมาพรรณนา บางทีเรียกว่า ‘เจ้าบ้าหลิน’ ก็คงไม่มีคนค้านเป็นแน่

ถึงอย่างไรในหลายพันปีที่ผ่านมา จักรวรรดิยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ตระกูลหลินซึ่งไม่ได้เป็นแม้แต่ตระกูลทรงอิทธิพล ภายใต้การนำของเด็กหนุ่มใจกล้าคับฟ้าคนหนึ่ง กลับพุ่งไปท้าทายอำนาจตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง นี่เกรงว่ามีแต่คนบ้าเท่านั้นถึงจะทำเรื่องเช่นนี้ได้

อีกทั้งสิ่งที่ทำให้แต่ละขุมอำนาจหมดคำพูดและตระหนกที่สุดคือ ผู้ที่หลินสวินท้าทายไม่ใช่แค่ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงตระกูลเดียว!

“นี่ไม่ใช่ว่าหาเหาใส่หัวรึ”

“ครานี้เจ้ากล้าหลินต้องล้มหัวกระแทกเลือดอาบแน่ ถึงขั้นจะทำให้พวกเขาตระกูลหลินสิ้นชื่อไม่เหลือซาก! ทันทีที่ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงแสดงอานุภาพ ใช่สิ่งที่พวกเขาตระกูลหลินสามารถแบกรับไหวหรือ”

“น่าเสียดาย เจ้ากล้าหลินนี่หากสามารถแก้ไขนิสัย ‘ป่าเถื่อนขวางโลก’ นั่นของเขาได้ อาศัยตำแหน่งเด็กหนุ่มปฐมาจารย์สลักวิญญาณของเขา หลังจากนี้ต้องประสบความสำเร็จเป็นที่จับตามองทั่วหล้าแน่ แต่ว่าเสียดาย ครั้งนี้เขาคงประสบภัยเพราะความใจกล้าของตัวเองซะแล้ว”

เสียงที่ไม่เห็นด้วยกับหลินสวินถาโถมขึ้นในนครต้องห้ามอย่างลับๆ

และสายตาทั้งของเมืองต่างกำลังรวมอยู่ที่ ‘หอสมบัติตะวันมงคล’ ทั้งสิ้น ติดตามทุกการเคลื่อนไหวซึ่งเกิดขึ้นที่นี่อย่างเหนียวแน่น

พวกเขาต่างรู้ดีว่าที่แห่งนี้ใกล้จะเกิดมรสุมแล้ว ไม่ว่าใครแพ้ใครชนะ ล้วนสะเทือนทั้งนครต้องห้าม กระทั่งสะเทือนทั้งจักรวรรดิ

“มาแล้ว!”

“โอ้ เจ้ากล้าหลินมาด้วยตัวเองเลย! นี่เขากะทุ่มสุดตัวรึ”

“คราวนี้มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว!”

สายตานับไม่ถ้วนในเวลานี้ ต่างแอบมองไปยังสุดถนนอันเปลี่ยวดายอ้างว้างนั่น

“ดูท่าที่นี่คงไม่อ้างว้างอย่างที่เห็นภายนอกนะ”

ทันทีที่เหยียบเข้าถนนสายนี้ พลังจิตวิญญาณไพศาลของหลินสวินก็สัมผัสได้ว่า ในมุมลับตามากมายซุ่มซ่อมด้วยสายสืบเต็มไปหมด

“ไม่ต้องสนใจ ก็แค่พวกหนูตัวเล็กๆ ที่แต่ละขุมอำนาจส่งมาเท่านั้น” จ้าวไท่ไหลไม่ใส่ใจ

“ทำไมข้ารู้สึกเหมือนพายุฝนกำลังมา…” หลินไหวหย่วนประหลาดใจสงสัยอยู่บ้าง เขารับรู้ถึงบรรยากาศกดดันบีบอัดที่บอกไม่ถูกสายหนึ่ง

หลินสวินยิ้มรับไม่ออกความเห็น

“ข้าหลงนึกว่าเป็นคนยอดเยี่ยมคนหนึ่ง ที่แท้ก็แค่พวกของที่เหมือนหลิงเทียนโหว องค์หญิงหลิงหวง”

หลินสวินยิ้ม ยิ้มอย่างสบายอกสบายใจ สายตากลับมองไปยังจ้าวไท่ไหล กล่าวอย่างอยากรู้อยากเห็น “จริงสิผู้อาวุโส ผู้หญิงคนนี้มีบทบาทอะไรในราชวงศ์ ทำไมข้ารู้สึกว่านางเทียบไม่ได้แม้แต่หลิงเทียนโหวกับองค์หญิงหลิงหวง”

“ความรู้สึกเจ้าไม่ผิด” จ้าวไท่ไหลผงกศีรษะ

หลินสวินพลันยิ้มระรื่นยิ่งกว่าเดิมทันที

และคำพูดนี้ของเขาเมื่อรวมเข้ากับรอยยิ้มเจือแววหยันเยาะ ช่างเสมือนดาบเล่มหนึ่งก็มิปาน แทงทะลุใจของจ้าวอวิ๋นจืออย่างหนักหน่วง ทำให้นางไม่อาจสงบนิ่งอีก โทสะพวยพุ่งขึ้นมาอยู่บ้าง

“เจ้า เจ้า… จนป่านนี้แล้วยังกล้าปากคอเราะราย ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วสินะ!”

จ้าวอวิ๋นจือโกรธจนกรีดร้องแหลม “เจ้ารอก่อนเถอะ ประเดี๋ยวก็ถึงเวลาที่เจ้าต้องร้องขอความเมตตา!”

“หลินสวิน เจ้าอาจยังไม่รู้สถานการณ์ ทุกอย่างที่พวกเจ้าตระกูลหลินทำวันนี้ ได้ยั่วโทสะตระกูลฉินของข้าและตระกูลจั่วอย่างถึงที่สุดแล้ว ยามนี้ล้วนส่งกองกำลังมา ถึงเวลานี้แล้วเจ้ายังมีอะไรให้หยิ่งยโสได้อีก”

ฉินจื่อหมิงมุ่นคิ้ว ตวาดอย่างรุนแรงไปเบื้องหน้า การข่มขู่นี้เห็นชัดว่าหยาบคายยิ่ง ตรงไปตรงมาเกินไปแล้ว

แต่ยามได้ยินทุกอย่างนี้ ยังทำให้พวกสายสืบที่แอบซ่อนตัวอย่างลับๆ จิตใจฮึกเหิม ตระหนักรู้ว่าพวกเขาคาดเดาไม่ผิด ตระกูลจั่วและฉินรวบรวมกำลังพลดังคาด คิดมอบการโจมตีดุจสายฟ้าฟาดแก่หลินสวิน!

แม้แต่พวกหลินจง หลินไหวหย่วนเวลานี้ต่างลอบตกตะลึง รับรู้ได้ว่าสถานการณ์เปลี่ยนเป็นรุนแรงขึ้นมาแล้ว

เห็นจะมีเพียงหลินสวินที่นิ่งสงบยิ่ง หรือพูดได้ว่าตั้งแต่ต้นจนจบเขามีทีท่าไม่สะทกสะท้าน กล่าวว่า “หากเป็นเช่นนั้นจริง งั้นก็ดียิ่ง ข้าอยากเรียนรู้วิธีการของตระกูลจั่วและฉินมาตั้งนานแล้ว”

บ้าคลั่ง!

ได้ยินดังนั้นไม่ว่าจะเป็นฉินจื่อหมิง จ้าวอวิ๋นจือ หรือสายสืบทั้งหมดที่แอบอยู่ ต่างเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ หลินสวินนี่บ้าระห่ำและโอหังเหมือนข่าวลือจริงดังว่า!

อาศัยคนอย่างเขา ยังกล้าพูดเหลวไหลว่าอยากเรียนรู้วิธีการของตระกูลจั่วและฉิน?

มีชีวิตจนเบื่อแล้วจริงๆ กระมัง!

หลินสวินเหมือนกับไม่สังเกตเห็นทุกอย่างนี้ พูดกล่าวเอาเอง “แต่ว่าก่อนหน้านั้น ข้าในฐานะตัวแทนตระกูลหลิน จะทวงสิ่งที่เดิมเป็นของตระกูลหลินของข้า!”

น้ำเสียงเพิ่งแผ่วลง จ้าวอวิ๋นจือก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ร้องเสียงแหลม “เจ้ากล้า! หอสมบัติตะวันมงคลกลายเป็นของตระกูลหลินของเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ถ้าเจ้ากล้าขยับก็ลองดู!”

“ในที่สุดก็จะเริ่มแล้ว!”

พวกสายสืบที่แอบอยู่แต่ละคนในใจตื่นเต้น เบิกตากว้าง รู้ว่าละครฉากนี้กำลังจะเปิดม่าน ณ บัดนี้แล้ว

……………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์