เมื่อเทียบกับหลินซีซี ไม่ว่าจะเป็นฉินเสวียนตู้หรือจั่วเป่าอิ๋งก็ล้วนแข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด ถือเป็นผู้มีอิทธิพลในระดับกระบวนแปรจุติ
หากอยู่ในที่อื่นของจักรวรรดิ บุคคลระดับนี้ล้วนเรียกได้ว่ายิ่งใหญ่คับฟ้า ประกาศศักดาเป็นเจ้าครองดินแดนฝั่งหนึ่งได้!
ทว่าตอนนี้ มหายุทธ์เช่นนี้สองคนมาด้วยกันเพื่อต่อกรหลินสวินโดยเฉพาะ เพียงคิดก็รู้ว่าครั้งนี้สองตระกูลฉินและจั่วไม่คิดจะปล่อยให้รอดอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรเรียกว่าการโจมตีราวอสนีบาต
ก็เช่นนี้อย่างไรเล่า ไม่ลงมือก็ไม่มีอะไร แต่เมื่อลงมือก็ทำลายล้างผลาญ!
พลังและความน่ากลัวของตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงสำแดงออกมาอย่างหมดจดในตอนนี้
เพียงแต่เมื่อเทียบกับสิ่งนี้ ปฏิกิริยาของบางคนกลับแปลกประหลาด
อวิ๋นยงอ๋องจ้าวซวี่ยังคงเหมือนไม่รับรู้ทุกอย่างโดยสิ้นเชิง สำรวมจิตนิ่งราวสมณะเฒ่าเข้าฌาน
จ้าวไท่ไหลกลับเอามือไพล่หลัง สายตาทอดมองไปยังท้องฟ้าไกลออกไป สีหน้าดูสงบเยือกเย็น ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใดตั้งแต่เริ่มจนจบ
ส่วนหลินสวินก็ดูเรียบเฉยอย่างมาก นัยน์ตาดำของเขาลุ่มลึก มองดูฉินเสวียนตู้ที่ท่างทางสง่างามราวเซียน แล้วก็หันมองจั่วเป่าอิ๋งที่รูปร่างอ้อนแอ้นอรชรงดงามทรงเสน่ห์ สุดท้ายก็ยิ้มหยันเอ่ยว่า “มีแค่พวกเจ้าสองคนหรือ ก็ยังน้อยไปอยู่ดีล่ะ”
สายสืบที่ซ่อนอยู่ในที่มืดตกละตึง เจ้ากล้าหลินนี่มันบ้าไปแล้วจริงๆ ใช่ไหม ผู้มีอิทธิพลระดับกระบวนแปรจุติเชียวนะ สองคนอีกต่างหาก!
ทำไมในสายตาของเขา กลับน้อยไปเล่า
เขาจะกำเริบเสิบสานไปถึงไหน ถึงได้กล้าเอ่ยวาจาน่าตกตะลึงเช่นนี้
ฉินเสวียนตู้นิ่วหน้า สายตากวาดมองที่พวกจ้าวไท่ไหล จูเหล่าซาน หลินจงทีละคน เวลานี้ถึงเอ่ยว่า “หากเพียงเพื่อรับมือเจ้าคนเดียว ข้าคนเดียวก็พอแล้ว แต่หากจะรับมือพวกเจ้าทุกคน พวกข้าสองคนก็ต้องลำบากหน่อย”
พูดถึงตรงนี้เขาก็ยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “แต่ว่าเจ้าวางใจได้ หากตระกูลฉินของข้ากับตระกูลจั่วทำได้เพียงเท่านี้ล่ะก็ เช่นนั้นก็คงเสียชื่อตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงแล้ว!”
“เหอะๆ” จั่วเป่าอิ๋งก็หัวเราะอย่างลุ่มลึกยากหยั่งถึง
คนอื่นๆ ล้วนสะท้านขวัญ หรือกำลังคนที่สองตระกูลจั่วและฉินส่งมา ไม่ได้มีเพียงเท่านี้
ดังคาด ต่อมาก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศระลอกหนึ่งดังขึ้นมาแต่ไกล เงาร่างเงาแล้วเงาเล่ามาอย่างต่อเนื่องราวรุ้งสายยาวสะดุดตาทั่วฟ้า
มีทั้งบุรุษและสตรี แม้รูปลักษณ์ต่างกัน แต่พลังของแต่ละคนกลับเหมือนเชื่อมต่อกับเวิ้งฟ้า ดูทรงพลังอย่างโดดเด่นยิ่ง
“หนึ่งคน สองคน สามคน… สวรรค์! มีมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติมาเพิ่มอีกสี่คน!”
สายสืบที่ซ่อนตัวในที่มืดสูดหายใจเยียบเย็น ขนลุกขนพอง เวลานี้ถึงรับรู้ได้ว่าตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาประเมินกำลังของตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงต่ำไปแล้ว
ต่อให้เป็นพวกหลินจง เวลานี้ก็ไม่อาจสงบใจได้อีก ล้วนหน้าเปลี่ยนสีไม่ว่างเว้น เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์เลยเถิดไปกว่าที่พวกเขาคาดไว้ แปรเปลี่ยนเป็นรุนแรงเกินไปแล้ว
เวลานี้ฉินเสวียนตู้หัวเราะแล้วพูดว่า “เดิมทีเพียงแค่จัดการพวกเจ้า ไม่จำเป็นต้องระดมกำลังเช่นนี้ แต่ว่าพวกเราต้องทำแบบนี้”
“อ้อ นี่เป็นเพราะเหตุใดหรือ” หลินสวินเอ่ยถาม
“ง่ายมาก เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู เคาะภูเขาสะเทือนพยัคฆ์!”
หว่างคิ้วชายชราฉายแววยโส “ผ่านไปกี่ปีแล้ว ผู้คนในใต้หล้าเหมือนจะหลงลืมความร้ายกาจของตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงของข้าไปแล้ว ครั้งนี้ก็ควรปลุกทุกคนให้ตื่นเสียหน่อย ให้พวกมันรู้ว่าในโลกนี้ก็มีบางคนที่ไม่อาจดูหมิ่นและท้าทายได้โดยง่าย!”
พูดถึงตรงนี้สายตาของเขาก็กลับมามองที่หลินสวินอีกครั้ง ยิ้มบางพลางเอ่ยว่า “นี่ก็คือสาเหตุที่พวกเราระดมกำลัง หากใช้ความตายของเจ้ามาทำให้ผู้คนในโลกสะเทือนขวัญ ทำให้ทุกคนรู้จักเคารพยำเกรงตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอีกครั้ง เช่นนั้นการตายของเจ้าก็คุ้มค่าแล้ว”
วาจานี้พูดออกมาอย่างอาจหาญ เต็มเปี่ยมไปด้วยความกล้า แต่กลับทำให้ใจของพวกหลินจงหนักอึ้งถึงที่สุด พวกเขารับรู้ได้ว่าเป้าหมาย ‘เคาะภูเขาสะเทือนพยัคฆ์’ ที่สองตระกูลจั่วและฉินหมายจะทำ ก็เท่ากับจะฆ่าหลินสวินให้ได้โดยไม่สนราคาที่ต้องจ่ายทั้งปวง!
เพราะเพียงหลินสวินตายเท่านั้น ถึงจะทำให้ผู้คนในโลกสะเทือนขวัญได้!
สายลับที่มาจากขุมอำนาจใหญ่แต่ละกลุ่มล้วนหนาวสะท้านไปทั้งตัว ในใจหวาดหวั่น กระทั่งตอนนี้พวกเขาจึงรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวของตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูง
บรรยากาศแปรเปลี่ยนเป็นเงียบเชียบและตึงเครียด หลายคนล้วนหวาดผวา แต่จ้าวไท่ไหลกลับเหมือนหมดความอดทนอยู่บ้างแล้ว เบือนหน้ามาถามหลินสวิน “ฟังพวกมันพูดจาเพ้อเจ้อทำไม หากเจ้าจัดการไม่ได้ เช่นนั้นเปลี่ยนเป็นข้าช่วยเป็นไง”
ฮือ!
ทั่วบริเวณล้วนประหลาดใจ คนคนนี้ดูความน่ากลัวของสถานการณ์ตรงหน้าไม่ออกหรือ ถึงได้เอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมาได้!
ฉินเสวียนตู้มุมปากกระตุกเบาๆ อย่างอดไม่ได้ นิ่วหน้าเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจอย่างยิ่งว่าเพียงเจ้าของสังเวียนสวรรค์ยุทธ์ผู้หนึ่ง เหตุใดถึงกล้ามองข้ามผู้อื่นเช่นนี้
เพราะเขามีชาติกำเนิดเป็นราชนิกูล จึงกล้าเพิกเฉยอานุภาพของตระกูลฉินกับจั่วหรือ
“นายน้อย!”
สายตาของพวกหลินจง จูเหล่าซานก็มองมาอย่างแน่วแน่ เห็นได้ชัดว่า พวกเขากำลังบอกหลินสวินว่าพวกเขาสามารถสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ได้
“ไม่ต้องหรอก เรื่องนี้ให้ข้าจัดการคนเดียวก็ได้ พวกเขาคิดฆ่าข้าเพื่อเคาะภูเขาสะเทือนพยัคฆ์ สาเหตุที่ข้าทำเช่นนี้ในวันนี้ ก็ไม่ใช่เพราะจะให้ทุกคนได้รู้ว่าตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิตก็ไม่ยอมรับการดูหมิ่นใดๆ ไม่ว่าใครลบหลู่ ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนเลือด!”
เกินความคาดหมายของทุกคน เวลานี้หลินสวินปฏิเสธความช่วยเหลือทั้งปวง สีหน้าเรียบเฉยสงบนิ่งปรากฏความโอหังและแน่วแน่ที่ไม่มีมาก่อน
นี่…
สายลับที่อยู่ในความมืดอึ้งงัน ยิ่งรู้สึกว่าเจ้ากล้าหลินคนนี้บ้าไปแล้ว จนป่านนี้ยังกล้าแข็งกร้าวขนาดนี้หรือ
พวกหลินจงก็กังวลยิ่ง มีเพียงจ้าวไท่ไหลที่กลั้นไม่ให้หัวเราะร่าออกมาไม่ได้ “ดี วันนี้ข้าจะดูว่าครึ่งปีมานี้เจ้าเก่งกล้าสามารถขึ้นเพียงไหนกันแน่!”
ฉินเสวียนตู้ จั่วเป่าอิ๋ง รวมถึงมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติสี่คนที่ตามมาทีหลัง ตอนนี้ล้วนรู้สึกว่าน่าขัน ทั้งยังโมโห
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์