อ่านสรุป ตอนที่ 678 จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 678 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
แต่บัดนี้ ทันทีที่หนานกงหั่วเปิดปากก็หมายให้หลินสวินสวามิภักดิ์ ทำหน้าที่เป็นข้ารับใช้มาไถ่โทษ!
นี่คือการเหยียบย่ำและหยามหน้าหลินสวินประการหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าใครได้ยินก็ต้องโมโหกันทั้งนั้น
ที่ชวนโกรธจนผมตั้งที่สุดคือ ชายหนุ่มนัยน์ตาม่วงนั่นยังคุยโวโอ้อวดอย่างไร้ยางอายว่า หากหลินสวินสวามิภักดิ์ต่อหนานกงหั่ว นั่นคือเรื่องร้ายกลายเป็นดี เป็นศุภโชคที่ผู้อื่นแม้แต่ถวิลหายามฝันก็ไม่อาจได้รับ
นี่มันรังแกกันเกินไปแล้ว!
อาจารย์และศิษย์ที่อยู่ตรงนั้นโกรธจนหน้าเปลี่ยนสี เจ้าพวกแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์นี่ช่างหลงระเริงเย่อหยิ่งถึงที่สุด
ชายหนุ่มนัยน์ตาม่วงกลับทำหน้าไร้ความผิด ท่าทางราวกับไม่เข้าใจ “เหตุใดพวกเจ้าจึงโกรธเช่นนี้ล่ะ พวกเราใจกว้างและอดทนพอแล้วนะ หากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน จากเรื่องที่เขากำจัดปราณมู่ชิงนี้ ต้องไถ่โทษด้วยความตายแล้ว”
ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ซึ่งอยู่ข้างเขาต่างหัวเราะเยาะไม่หยุด
ทุกคนต่างดูออก เจ้าพวกนี้เห็นชัดว่ากำลังใช้วิธีการเช่นนี้มาหยามหลินสวิน นี่ทำให้พวกเขาต่างคับแค้นเต็มอก
ณ ที่นั้นเห็นจะมีเพียงเสิ่นทั่วและคนส่วนน้อยบางคนที่สีหน้าราบเรียบเจือความเวทนาเสี้ยวหนึ่ง พวกเขาฉุกนึกถึงเมื่อครั้งงานเลี้ยงฉลองพระชนมพรรษาสามร้อยปีของจักรพรรดินีขึ้นมา หลิงเทียนโหวเองก็เคยพูดจาคล้ายคลึงกัน หมายให้หลินสวินขายชีวิตแก่เขา
ผลลัพธ์…
หลิงเทียนโหวถูกเล่นงานจนคุกเข่าขอโทษต่อหน้ามวลชน แม้เชื้อพระวงศ์คนใหญ่คนโตจำนวนหนึ่งต่างรั้งไม่อยู่
และบัดนี้หลินสวินเปลี่ยนไปจนต่างจากแต่ก่อนโดยสมบูรณ์ เคยฟาดฟันมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติหกคนด้วยมือตนเอง! แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับยังคงใช้ท่าทีสูงส่งเหนือคนอื่นแบบเดียวกันมาให้หลินสวินสวามิภักดิ์ เช่นนั้นผลลัพธ์…
นึกถึงตรงนี้สีหน้าเสิ่นทั่วก็เวทนายิ่งกว่าเดิม
เขาเข้าใจแจ่มแจ้ง อ้างอิงจากอุปนิสัยของหลินสวิน ไม่มีทางหวาดกลัวดินแดนรกร้างโบราณอะไรเป็นอันขาด ส่วนแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เกรงว่าก็คงไม่อาจคุกคามข่มขวัญอะไรหลินสวินได้
จริงดังคาด ก็เห็นหลินสวินที่ยืนอยู่กลางลานแสดงยุทธ์จู่ๆ ก็ยิ้มเล็กน้อย สายตากวาดมองพวกหนานกงหั่ว หรั่นเฉิน ชายหนุ่มนัยน์ตาม่วงพลางกล่าว “พวกเจ้าไม่เลวเลย อย่างน้อยที่สุดเวลานี้ก็ทำให้ข้าเกิดเพลิงโทสะสำเร็จเสี้ยวหนึ่ง”
“เพียงแต่…”
“เพียงแต่อะไร” ชายหนุ่มนัยน์ตาม่วงนั่นคิ้วขมวด กล่าวถามอย่างปรามาส
หลินสวินกล่าวจริงจัง “ข้าแคลงใจนักว่าพวกเจ้าจะสามารถแบกรับเพลิงโทสะเสี้ยวหนึ่งของข้านี้ไหวหรือไม่”
ประดุจได้ยินเรื่องน่าขันใหญ่หลวง ไม่ว่าจะเป็นชายหนุ่มนัยน์ตาม่วงหรือพวกหรั่นเฉินต่างอดหัวเราะเยาะขึ้นมาไม่ได้
มุมปากหนานกงหั่วก็ปรากฏรัศมีเพลิดเพลินวูบหนึ่ง จากนั้นเขาจึงกล่าวเย็นชา “อ้อ ข้ากลับสงสัยยิ่งนัก เพลิงโทสะเสี้ยวหนึ่งของเจ้าจะร้ายกาจมากเพียงใดกันแน่ สามารถผลาญทลายนภากาศได้ไหม”
ทันทีที่คำนี้ออกมา พวกชายหนุ่มนัยน์ตาม่วงยิ่งหัวเราะกำเริบเสิบสานกว่าเดิม
“ผลาญทลายนภากาศไม่อาจเป็นจริง แต่ทำให้พวกเจ้ากลายเป็นเถ้าถ่านกลับเป็นเรื่องง่าย หากพวกเจ้าไม่เชื่อ ตอนนี้ก็ลองดูไหมเล่า”
นัยน์ตาดำของหลินสวินลุ่มลึกยิ่งกว่าเดิม นิ่งสงบไร้คลื่น
“ฮ่าๆๆ ได้สิ มาๆๆ ให้คุณชายอย่างข้าเล่นกับเจ้า! จะได้ทำให้พวกเจ้าชาวโลกชั้นล่างเข้าใจ ว่าอะไรเรียกว่าความแตกต่างระหว่างเทพมังกรแห่งสรวงสวรรค์และมดปลวกบนพื้นดิน!”
ชายนัยน์ตาม่วงหัวเราะร่า เงาร่างวูบไหวไปปรากฏตัวกลางลานแสดงยุทธ์ ชี้หลินสวินอย่างทะเล้นยิ่ง “พูดให้ชัดเจนก่อนนะ หากเพลิงพิโรธของเจ้าไม่อาจทำให้ข้าพอใจ อย่าหาว่าข้าฉีกหน้าเจ้าล่ะ!”
“ได้สิ”
หลินสวินพยักหน้าตรงไปตรงมา
“นิสัยศิษย์น้องอิงเฟิงยังใจร้อนอยู่หน่อย แค่มดปลวกตัวหนึ่งเอ็ดตะโรเท่านั้น ไยต้องทำตัวเหมือนกับเขา ลดเกียรติฐานะตนเสียอย่างนั้น”
หรั่นเฉินส่ายหัว อันที่จริงเดิมทีเขาก็คิดจะลงมือ จัดการหลินสวินให้หนักสักหน่อย น่าเสียดายกลับถูกชายหนุ่มนัยน์ตาม่วงชิงตัดหน้า
“นี่จึงเรียกว่าทำตามใจปรารถนาอย่างไรเล่า พวกเราก็รอดูละครเถอะ ข้ากลับสงสัยนักว่าหลินสวินนี่จะแข็งแกร่งเช่นที่เล่าลือหรือไม่”
หนานกงหั่วสีหน้าสงบนิ่ง ไม่ตระหนกหวั่นวิตก
ตูม!
ชายหนุ่มนัยน์ตาม่วงนั่นแค่มองก็รู้ว่าเป็นพวกสันดานบ้าบิ่น ไม่พูดพร่ำทำเพลงอีก เงาร่างดุจสายฟ้าตัดทำลายแหวกอากาศ ระเบิดการจู่โจมออกไปทันใด
ศิษย์อาจารย์ตรงนั้นต่างใจเคว้งขึ้นมา ตึงเครียดไม่หยุด
ศิษย์สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ลงมือ มีหรือจะเอาคนธรรมดามาเทียบได้ ถึงแม้พวกเขาจะมั่นใจในตัวหลินสวิน แต่เวลานี้ก็ไม่อาจไม่ประหม่า
เร็ว!
เร็วจนไม่อาจจินตนาการ ทันทีที่ชายหนุ่มนัยน์ตาม่วงลงมือ ความเร็วของท่าร่างนั่นทำมวลชนตกตะลึง พริบตาพลันมาถึงด้านหน้าหลินสวิน
เขายื่นฝ่ามือเรียวยาวดุจหยกขาวหนึ่งออกมาอยู่ก่อนแล้ว ซัดกลุ่มแสงเจิดจ้าเรืองรอง เปล่งประกายเจิดจรัส ใส่หลินสวินอย่างหนักหน่วง
อาศัยแค่วิธีบุกโจมตีเช่นนี้ก็เรียกได้ว่าชั้นยอด เปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะอื่น เกรงว่าคงไม่ทันตอบสนองก็ถูกปลิดชีพลงตรงนั้น!
แม้แต่เหล่าอาจารย์ระดับกระบวนแปรจุติ ณ ที่นั้นล้วนไม่อาจไม่ยอมรับ ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์แข็งแกร่งเกินไปแล้ว หากอยู่ในนครต้องห้าม ก็เพียงพอให้เหยียดหยันผู้กล้าทั้งรุ่นได้อย่างแน่นอน
ทว่าภายในใจบรรดาเหล่าอาจารย์ หลินสวินไม่ได้อยู่ในหมู่ผู้กล้าในรุ่นนี้ แต่เป็นบุคคลเย้ยฟ้าที่สามารถชิงชัยกับระดับกระบวนแปรจุติ ดังนั้นไม่มีทางนำผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะทั่วไปมาเปรียบเทียบกับหลินสวินได้เด็ดขาด
ปึง!
เงาร่างของหลินสวินถูกซัดโดนจังๆ
เพียงแต่เมื่อชายหนุ่มนัยน์ตาม่วงเพิ่งเผยแววดูถูก ก็ต้องตะลึงเมื่อพบว่า เงาร่างหลินสวินที่ถูกซัดนั่นหายไปราวฟองน้ำ
และฝ่ามือนี้ของเขาประหนึ่งโจมตีใส่ความว่างเปล่า มีความรู้สึกไร้กำลังราวจู่โจมใส่ปุยฝ้าย
“แย่แล้ว!”
ชายหนุ่มนัยน์ตาม่วงม่านตาพลันหดรัด ความรวดเร็วของเขา ในแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ล้วนเรียกได้ว่าเป็นเลิศ น้อยนักที่จะมีคนทัน
แต่ตอนนี้ถึงกับมีคนหลีกเลี่ยงล่วงหน้า ความเร็วเทียบกับเขาแล้วยังไวกว่าสามส่วน ทำให้เขาถึงกับไม่ทันสังเกตเห็น!
นี่เห็นได้ว่าน่าทึ่งอยู่บ้างแล้ว
สวบ!
พูดแล้วเหมือนเนิ่นนานแต่ความจริงนั้นรวดเร็วยิ่งนัก ชายหนุ่มนัยน์ตาม่วงโจมตีพลาด หลังตระหนักว่าท่าไม่ดี เงาร่างพลันกะพริบหายไปจากจุดเดิมโดยพลัน พุ่งหลบไปอีกด้าน
แต่ยังไม่รอให้เขายืนมั่น พลันรู้สึกก้นถูกเท้าข้างหนึ่งเตะอย่างหนักหน่วง
ปึง!
พลังนั่นราวถูกกระทิงทรงพลังกระแทก ทำให้ก้นเขาเหมือนแตกออก เจ็บจนแยกเขี้ยวยิงฟัน เครื่องหน้าทั้งห้าบิดเบี้ยว ทั้งตัวดุจกระสุนปืนพุ่งตรงไปข้างหน้า เสียงตูมหนึ่งดังขึ้น ร่างเขาร่วงลงบนพื้นนอกระยะกว่าสิบจั้ง สภาพหกคะเมนหน้ากระแทกพื้น
ยามนี้ชายหนุ่มนัยน์ตาม่วงอับอายจนอยากตาย เขาเพิ่งจะลงมือ ซ้ำยังใช้ความเร็วซึ่งตนชำนาญที่สุด ตั้งแต่ต้นจนจบกลับไม่เห็นแม้แต่ฝ่ายตรงข้าม ทั้งยังถูกเท้าข้างหนึ่งเตะใส่ก้น หกคะเมนท่าทางน่าอักอ่วนหาใดเปรียบ
นี่ช่างน่าอัปยศอดสูเกินไปแล้ว!
พริบตาเดียวกันนี้ ศิษย์อาจารย์ทั้งหมดต่างเบิกตาอ้าปากค้าง พวกเขารู้สึกแค่เบื้องหน้าพลันฝ้าฟาง ไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนอง ชายหนุ่มนัยน์ตาม่วงนั่นก็หกคะเมนลงบนพื้นแล้ว…
“นี่มัน…”
บนหอสูง พวกหนานกงหั่ว หรั่นเฉินล้วนใจกระตุกวูบอย่างรุนแรง หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ตระหนักได้ถึงความไม่ชอบมาพากล
แม้แต่พวกเขายังแทบไม่สามารถจับเงาร่างหลินสวินได้ เร็วเกินไปแล้ว! เห็นได้ว่าคาดไม่ถึงอย่างยิ่ง
ตึง!
สายตาผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เหล่านั้นต่างมองไปยังหนานกงหั่ว คล้ายรอเขาตัดสินใจ
ก่อนหน้านี้พวกเขายังวางอำนาจ ท่าทางน่านับถือเหนือผู้คน ตอนนี้จะให้พวกเขาเปลี่ยนท่าที ก็ออกจะฝืนใจอยู่บ้าง
แต่หนานกงหั่วเองก็นิ่งเงียบ ในใจเขาแท้จริงแล้วหมดคำพูดถึงที่สุด ใครเล่าจะคาดคิด ในโลกชั้นล่างนี่ยังพบเจอสัตว์ประหลาดตนหนึ่งเช่นนี้
หากรู้ก่อนว่าจะเป็นเช่นนี้ เมื่อครู่พวกเขาคงไม่มีทางวางท่าสูงส่งเช่นนั้นแน่
น่าเสียดาย เสียใจภายหลังก็สายไปแล้ว
“คิดไม่ถึงว่าในสำนักศึกษามฤคมรกตนี้ ยังสามารถพบเห็นเอกบุคคลเฉกเช่นสหาย”
หนานกงหั่วสูดหายใจลึก กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “ข้าขอถอนคำพูดเมื่อครู่ ขอสหายโปรดปล่อยศิษย์น้องทั้งสองของข้าก่อน”
เขาสวมชุดคลุมทอง ผมทองเจิดจรัส ทั่วร่างมีท่วงท่าสง่างามไร้เทียมทาน แต่การเอ่ยปากในยามนี้ เท่ากับยอมรับหลินสวินโดยไม่ต้องสงสัย ท่าทีเกิดการเปลี่ยนแปลง
นี่ทำให้ศิษย์อาจารย์ที่อยู่ตรงนั้นต่างฮึกเหิมและภูมิใจ สามารถทำให้ศิษย์สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ก้มหัวด้วยตนเอง นี่ไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ ก็สามารถทำได้!
ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์พวกนั้นสีหน้าอึมครึมไม่น่าดูอยู่บ้าง เหยเกราวกินแมลงวันเข้าไป ในใจอึดอัดยิ่งนัก แต่พวกเขาต่างระมัดระวัง ไม่กล้าผลีผลามลงมือกับหลินสวินอีก
แต่หลินสวินหาได้รับน้ำใจไม่ ขมวดคิ้วกล่าว “เพลิงโทสะเสี้ยวหนึ่งของข้ายังไม่ระบาย พวกเจ้าก็คิดจะหดหัวแล้วหรือ”
“นี่ไม่ใช่หดหัว!” หรั่นเฉินที่อยู่ข้างหนานกงหั่วตะโกน
“อ้อ งั้นก็ต่อไหม” หลินสวินสีหน้าสบายอารมณ์ยิ่งนัก
แต่ประโยคนี้เสมือนมีพลังน่าหวาดหวั่นอันยิ่งใหญ่ ทำให้หรั่นเฉินอ้ำอึ้งชั่วขณะ อัดอั้นจนวงหน้าเขียว กัดฟันแทบแหลก
แต่ก่อนล้วนเป็นพวกเขาที่รังแกคนอื่น ไหนเลยจะคิดว่าวันนี้กลับถูกคนอื่นรังแก
“พวกเจ้ารู้ซึ้งถึงรสชาติของความอึดอัดและคับแค้นนี้หรือยัง เป็นอย่างไร เหลือทนยิ่งนักกระมัง” นัยน์ตาดำของหลินสวินเย็นเยียบ
ประโยคนี้ทำให้ศิษย์อาจารย์ตรงนั้นต่างเกิดความซาบซึ้งใจ รู้ว่าหลินสวินกำลังช่วยพวกเขาทำการโต้กลับและลบล้างความอัปยศ
ก่อนหน้านี้มู่ชิงซึ่งเป็นเพียงแค่ข้ารับใช้เท่านั้น วางอำนาจบาตรใหญ่กลั่นแกล้งประหนึ่งสำนักศึกษามฤคมรกตไร้ผู้คน ดูถูกและเย้ยหยันถึงขีดสุด ทำให้พวกเขาได้รับความอดสูและโกรธแค้นเท่าทวี
บัดนี้หลินสวินแค่นำมันกลับคืนไปเท่านั้น!
“สหาย ทำอะไรแต่พอเหมาะพอควร อย่าได้คิดว่าพวกเราผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์จะกลัวเจ้าจริงๆ” หนานกงหั่วสีหน้าเย็นเยือก
“งั้นก็สู้!”
หลินสวินกล่าวไม่ลังเลแม้แต่น้อย “เมื่อครู่เจ้าหมายรับข้าเป็นบ่าวรับใช้ หากขี้ขลาดเช่นนี้คงทำให้ผู้คนดูถูก”
“พวกเราไว้หน้าเจ้าพอแล้ว เจ้ายังจะเซ้าซี้ต่อไปรึ” แววตาหนานกงหั่วฉายแววเยียบเย็น ถูกคำพูดของหลินสวินบีบจนโกรธเข้าจริงๆ ทั่วร่างมีเค้าลางจวนเจียนจะระเบิด
“ทำไมจะไม่ได้”
ขณะหลินสวินเอ่ยวาจาก็บุกเข้าจู่โจมทันที เขาใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็ง ร่างกายวูบไหวแล้วพุ่งทะยานขึ้นไปบนหอสูงที่อยู่ห่างออกไป ดูกร้าวแกร่งตรงไปตรงมาถึงที่สุด
ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์อะไร ส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในระดับบุตรเทพชั้นแนวหน้าของส่วนลึกทะเลกลืนวิญญาณ เทียบกับพวกบุตรเทพชั้นยอดอย่างหนิวทุนเทียน เมิ่งเหลียนชิงแล้ว ยังค่อนด้อยกว่าเสี้ยวหนึ่ง
บุคคลคนระดับนี้ไม่รู้ว่าตอนนั้นหลินสวินสังหารไปเท่าไหร่
ถึงขั้นแม้แต่ศิษย์สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณกงหยางอวี่ ยังถูกหลินสวินสังหารอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาไยต้องหวาดกลัวพวกหนานกงหั่วด้วย
วันนี้หากปล่อยพวกเขาไปเช่นนี้ จะกลับกลายเป็นว่าเขาหลินสวินไร้น้ำยายิ่งนัก!
………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์