เมื่อหลินสวินเริ่มลงมือ บรรดานักสลักวิญญาณที่เดิมทีเดือดดาลและเหยียดหยามพลันตกตะลึงเล็กน้อย
พวกเขาพลันค้นพบในทันใดว่าตอนที่เด็กหนุ่มหลอมกระบี่เหล็กนิลเล่มนั้น ทักษะฝีมือกลับชำนาญคล่องแคล่วอย่างมาก เป็นอิสระราวกับเมฆเคลื่อนน้ำไหล
ถึงขั้นที่ว่า…
มีความงามที่ไม่อาจพรรณนา ทำให้ถูกดึงดูดอย่างอดไม่ได้
“นี่…”
กลุ่มนักสลักวิญญาณมองหน้ากันไปมา ต่างรู้สึกถึงความแปลกประหลาด อดเพ่งสมาธิดูต่อไม่ได้
หลินสวินไม่ได้เผยทักษะที่ลึกล้ำซับซ้อนใดๆ เพียงหลอมกระบี่ระดับสวรรค์ขั้นต่ำเล่มหนึ่งขึ้นมาใหม่อีกครั้งเท่านั้น ย่อมไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับเขา
เขาเคลื่อนไหวอย่างชำนาญ นิ้วทั้งสิบแผ่วเบาราวกับผีเสื้อบินผ่านดอกไม้ สีหน้าท่าทางเผยบรรยากาศสงบนิ่ง
ในมือของเขากระบี่เหล็กนิลถูกโยนเข้าไปหลอมในเตาหลอม จากนั้นถูกสลักกระบวนรอยสลักวิญญาณขึ้นใหม่ ขั้นตอนทั้งหมดผ่อนคลายและเป็นไปตามระบบระเบียบ
ไม่เพียงแค่นักสลักวิญญาณเหล่านั้น แม้แต่บรรดาผู้ฝึกปราณที่สังเกตการณ์อยู่ก็เบิกตาโพลง จิตใจถูกดึงดูดอย่างสิ้นเชิง
แม้พวกเขาไม่เข้าใจศาสตร์การสลักวิญญาณ แต่ก็สามารถดูออกว่าทักษะฝีมือที่เด็กหนุ่มเผยออกมาให้เห็นตอนนี้ มีจังหวะอันเป็นเอกลักษณ์ ไม่ใช่สิ่งที่นักสลักวิญญาณทั่วไปจะเทียบได้!
“หรือว่า… เขาเป็นนักสลักวิญญาณ?”
หลายคนหัวใจสะเทือนไหว ตอนแรกในจิตใต้สำนึกของพวกเขาคิดว่าเด็กหนุ่มอายุน้อยเพียงนี้ อาจจะมีพรสวรรค์ด้านการฝึกปราณที่คนทั่วไปยากจะไล่ทัน แต่กลับไม่เคยคิดว่าเขาอาจจะเป็นนักสลักวิญญาณคนหนึ่ง
ดังนั้นตอนที่รู้ว่าจู่ๆ เด็กหนุ่มคนนี้จะมาเป็นผู้ช่วยของปรมาจารย์อิงที่กองยุทโธปกรณ์ จึงได้เกิดเสียงฮือฮาและแปลกใจมากมายขนาดนั้น
แต่ตอนนี้การกระทำของอีกฝ่ายกลับประหนึ่งกำลังยืนยันว่า เขาไม่ใช่แค่เด็กหนุ่มผู้กล้าระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่ง!
“เอ๊ะ!”
หลูเหวินถิงที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด ใคร่ครวญว่าจะจัดการเรื่องวุ่นวายนี้อย่างไร แต่พอเหลือบไปเห็นทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างมองคุณชายหลินด้วยท่าทางตื่นตะลึง เขาก็อดอึ้งไม่ได้
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
หลูเหวินถิงอดเงยหน้าขึ้นมองไม่ได้ พลันเห็นเด็หนุ่มกำลังถือด้ามสลักจุ่มหมึกวิญญาณ สลักกระบวนรอยสลักวิญญาณบนกระบี่เหล็กนิลที่หลอมขึ้นใหม่อีกครั้ง
เขายืดตัวตรง ปลายด้ามสลักราวกับน้ำพุที่ไหลริน ย้อมเป็นกระบวนรอยสลักวิญญาณที่หนาแน่นและลึกลับมากมาย
เพียงแค่มองก็ทำให้รู้สึกเจริญหูเจริญตา เกิดความประหลาดใจและสั่นสะเทือนอย่างบอกไม่ถูก ท่วงท่าอันเป็นเอกลักษณ์เช่นนี้ สง่างามราวกับปฐมาจารย์!
“นี่…”
หลูเหวินถิงเองก็ตกตะลึงอ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก หัวสมองคิดไม่ทันแล้ว
ก่อนหน้านี้เขาคัดค้านที่คุณชายหลินจะมารับตำแหน่งในกองยุทโธปกรณ์อย่างที่สุด เป็นห่วงว่าอีกฝ่ายจะก่อเรื่องที่นี่จนรบกวนระบบดำเนินงานตามปกติของกองยุทโธปกรณ์
แต่ใครจะคิดว่าคุณชายหลินที่ทุกคนต่างมองไม่ดี ตอนนี้กลับใช้การกระทำตบหน้าพวกเขาทุกคนอย่างแรง!
ความสามารถด้านการหลอมอาวุธระดับนี้ คนธรรมดาที่ไม่มีความรู้ด้านการสลักวิญญาณเลยจะมีได้อย่างไร เกรงว่าแม้แต่ปรมาจารย์สลักวิญญาณลงมือเอง ยังยากจะผ่อนคลายได้อย่างเขา!
ปรมาจารย์อิงก้มหน้าก้มตาพลิกดูม้วนตำราในมือ ความดื้อดึงของเด็กหนุ่มเช่นนี้ทำให้เขาทั้งดูถูกและเดือดดาล ในใจคิดคำพูดไว้มากมาย รอตอนที่อีกฝ่ายอับอายขายหน้า จะไล่ตะเพิดให้ออกไปทันที!
ไม่ใช่ว่าเขาเกลียดชังและจงใจเพ่งเล็งไปที่อีกฝ่าย แต่เป็นเพราะไม่อยากเห็นเด็กหนุ่มที่ไม่รู้อะไรเลยมาก่อเรื่องที่กองยุทโธปกรณ์ต่างหาก
“ปรมจารย์อิง ท่าน… ท่านรีบดูหน่อยเถอะ…” ข้างๆ นักสลักวิญญาณคนหนึ่งกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เตือนเสียงเบา
“อ้อ เขารู้ว่ายากแล้วยอมแพ้ไปแล้วหรือ ถือว่าฉลาด เหอะๆ ให้ข้าดูสีหน้าของเขาตอนนี้หน่อยซิ…”
ในขณะที่พูดปรมาจารย์อิงก็เงยหน้าขึ้นมองไปทางเด็กหนุ่มที่อยู่ห่างออกไป
เพียงแวบเดียวเท่านั้นเขาก็อึ้งค้างอยู่กับที่ สีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน “นี่…”
“ปรมาจารย์อิง ท่านก็ดูออกแล้วหรือ นี่ดูผิดปกติไม่น้อย” นักสลักวิญญาณที่อยู่ข้างๆ เอ่ยเสียงขื่น
ไม่ใช่แค่ผิดปกติ แต่ผิดปกติมากเกินไปแล้ว!
ยามนี้ปรมาจารย์อิงสูญเสียความเยือกเย็น ลุกพรวดขึ้น ในสายตาเต็มไปด้วยความตะลึง พึมพำว่า “ทักษะฝีมือนี้… ฝีมือเช่นนี้…”
เขาตกใจเกินไปจนพูดไม่ออก
ภาพนี้ดึงดูดความสนใจจากนักสลักวิญญาณและกลุ่มผู้ฝึกปราณที่อยู่รอบๆ ทันที ต่างหันมองอย่างแปลกใจและตะลึง
แม้แต่ปรมาจารย์อิงยังเสียอาการเพียงนี้ หรือว่า…
ตอนนี้เอง ปรมาจารย์อิงราวกับอัดอั้นมานานแล้ว ริมฝีปากพ่นประโยคหนึ่งออกมาอย่างยากลำบาก “นี่มันความสามารถระดับปฐมาจารย์!”
ประโยคเดียวราวกับดึงพลังทั้งร่างกายของเขาออกมา ทำให้สีเลือดบนใบหน้าของเขาจางจนขาวซีด ร่างกายก็สั่นเทา
เมื่อครู่นี้ตนปฏิเสธและกีดกันปฐมาจารย์สลักวิญญาณคนหนึ่งต่อหน้างั้นหรือ
คิดถึงตรงนี้ในใจปรมาจารย์อิงก็สั่นสะท้าน อยากจะตบหน้าตัวเองสักที เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปอย่างที่สุด
หากเมื่อครู่นี้ท่าทีของตนสุภาพกว่านี้เสียหน่อย อดทนถามให้มากกว่านี้ ก็จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นใช่หรือไม่
ปรมาจารย์อิงสองตาไร้แวว ท่าทางราวกับวิญญาณล่องลอยอย่างไรอย่างนั้น
ในวงการนักสลักวิญญาณ มีกฎเหล็กอันเป็นที่ยอมรับของทุกคนมาโดยตลอด นั่นคือห้ามหมิ่นประมาทปฐมาจารย์!
เพราะนี่เป็นบุคคลที่โดดเด่นและสูงส่งเกินไป ราวกับมังกรศักดิ์สิทธิ์บนสวรรค์ ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในประวัติการณ์ของแวดวงสลักวิญญาณ บุคคลระดับนี้ใช่คนที่นักสลักวิญญาณคนใดจะกล้าดูหมิ่นและสบประมาทได้อย่างไร
หากเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ถึงขั้นที่จะทำให้เขาอิงสิงคงถูกนักสลักวิญญาณทั่วทั้งจักรวรรดิเกลียดชังและมองเป็นศัตรูได้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์