มู่หลิงเฟิงเคลื่อนไหว เวลานี้เขาดูระมัดระวังและเยือกเย็น โคจรพลังเต็มขีดจำกัด ถึงกับเรียกสมบัติก้นกรุออกมา
ทั้งสร้อยคอกระดูกสัตว์ ชุดเกราะลึกลับ ผ้าคลุมที่โอบล้อมด้วยรอยสัญลักษณ์คนเถื่อน ทั้งในมือยังถือทวนโบราณสีเขียวที่ส่องแสงหลากสีเล่มหนึ่ง ท่าทางดุจติดอาวุธพร้อมมือ
ทั้งร่างของเขาส่องแสง ดูสะดุดตาถึงที่สุด ขนาดหลินสวินที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดยังมองจนตาแข็งทื่อ ตอนนี้ถึงรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าราชันกึ่งระดับผู้หนึ่งไม่ธรรมดาดังคาด
ในขณะเดียวกัน จินตู้เจินกับชางหลันเสวี่ยที่อยู่ข้างๆ ก็คอยป้องกัน เรียกสมบัติลับต่างๆ ออกมาระวังภัยรอบทิศเพื่อคุ้มครองมู่หลิงเฟิง
จัดแจงเรียบร้อย!
มู่หลิงเฟิงเงยหน้าอย่างรวดเร็ว ดวงตาเพ่งไปที่ยอดต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เยือกแข็งนั้นในชั่วพริบตา จากนั้นเขาก็สูดหายใจลึกแล้วก้าวย่างไป
โครม!
พลานุภาพทั้งร่างของเขาเพิ่มขึ้นฉับพลัน ชั่วพริบตาก็ไต่ถึงจุดสูงสุด ทำให้หลินสวินรู้สึกเย็นเยียบในจิตใจ รู้ดีว่าถ้าประจันหน้ากับเจ้าแก่พวกนี้ตรงๆ ในตอนนี้ เกรงว่าตนคงตั้งรับการโจมตีไม่ได้สักกระบวนท่าเดียว
สวบ!
มู่หลิงเฟิงก้าวย่างไปในอากาศ โผบินขึ้นไม่รวดเร็วนัก ดูรอบคอบระมัดระวัง
ไม่นานนักเขาก็เข้าใกล้ยอดต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เวลานี้แม้แต่ตัวมู่หลิงเฟิงเองก็รู้สึกคอแห้งผาก หัวใจเต้นโครมคราม
ถ้าสามารถชิงวาสนาไร้เทียมทานครั้งนี้ได้ เช่นนั้น…จะสามารถทำให้ตนก้าวเข้าสู่ระดับราชันที่แท้จริงได้หรือไม่
ใจเย็นไว้! ใจเย็นไว้!
เวลานี้มู่หลิงเฟิงแสดงความหนักแน่นที่ราชันกึ่งระดับผู้หนึ่งมี เขารอบคอบโดยสมบูรณ์ ยิ่งระวังตัวขึ้นไปอีก
ใกล้แล้ว!
เขาถึงกับสามารถมองเห็นได้ว่า รอบๆ ผลที่เปล่งประกายราวดวงระวีหิมะน้ำแข็งนั้น บังเกิดภาพปรากฏการณ์ประหลาดลี้ลับภาพแล้วภาพเล่า มีเสียงธรรมโบราณไพศาลดังแว่ว ศักดิ์สิทธิ์หาใดเทียบ
ละอองแสงปลิวกระจาย กลิ่นหอมบริสุทธิ์ที่แทรกซึมเข้าไปถึงส่วนลึกของกระดูกปลิวว่อน ทำให้มู่หลิงเฟิงสบายจนแทบวิญญาณหลุดลอย!
ในที่สุดมู่หลิงเฟิงก็ทนไม่ไหวแล้ว ลงมือว่องไวราวสายฟ้าแลบ แหวกอากาศพุ่งไปคว้าผลนั้น
แต่ก็แทบจะเวลาเดียวกันนี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงจักจั่นร้องขึ้นแผ่วเบาราวสายพิณกระทุ้งน่าหวั่นใจ กังวานไหลลื่นอย่างบอกไม่ถูก
แต่เมื่อเข้าสู่โสตประสาทของมู่หลิงเฟิง กลับทำให้จิตวิญญาณของเขาถูกจองจำในชั่วพริบตา โลหิตในกายจับตัวเป็นน้ำแข็ง พลังฉีกทึ้งที่น่าหวาดหวั่นก็ขยายออกภายในร่างไปพร้อมกัน
“นี่…”
รูม่านตาของมู่หลิงเฟิงเบิกกว้าง เขาเห็นจักจั่นขาวหิมะตัวหนึ่งปรากฏสู่สายตา มันมีขนาดเท่าฝ่ามือทารกเท่านั้น กำลังฟุบอยู่ในดอกไม้หิมะน้ำแข็งที่อยู่ใต้ผล ดวงตาเย็นชาเรียบเฉยคู่นั้นแฝงไปด้วยความดูถูกอย่างลึกซึ้ง
ก็เหมือนเทพบนสรวงสวรรค์กำลังมองดูมดที่อยู่บนพื้นดิน
“จักจั่นขาว… เป็น… เป็นมัน…” มู่หลิงเฟิงสีหน้าซีดเผือดในทันใด ด้วยนึกข่าวลือข่าวหนึ่งที่แพร่กระจายอย่างกว้างขวางในป่าต้นหม่อนออก
เคยมีผู้ฝึกปราณสาบานเป็นมั่นเหมาะว่าเขาบังเอิญพบจักจั่นขาวตัวหนึ่งที่ส่วนลึกของป่าต้นหม่อน จักจั่นมีขนาดเท่าฝ่ามือทารก บนตัวมีละอองแสงเซียนไหลเวียน ร้องเสียงแผ่วเบาก็ทำลายล้างทุกสิ่งที่อยู่ในรัศมีร้อยลี้ได้!
แม่ทัพใหญ่ซย่าโหวเจี๋ยแห่งจักรวรรดิสันนิษฐานไว้ว่า หากข่าวลือเป็นจริง เช่นนั้นจักจั่นขาวตัวนี้ก็เป็นไปได้สูงยิ่งที่จะบรรลุอริยมรรค!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ มู่หลิงเฟิงก็พบเข้าจริงๆ ว่ารอบตัวจักจั่นขาวนั้นปกคลุมไปด้วยละอองแสงละมุนละไมราวภาพนิมิต ประดุจแสงยามเซียนเหาะเหิน…
ต่อจากนั้น เขาก็สูญเสียการรับรู้และสติสัมปชัญญะ
…….
ด้านล่างของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ยามเห็นมู่หลิงเฟิงเข้าใกล้ผลอริยะ จินตู้เจินกับชางหลันเสวี่ยที่เฝ้าระวังและรอตั้งรับมาโดยตลอดก็อดไม่ได้ที่จะกุมมือทั้งสองข้างจนแน่น ในใจตื่นเต้นและตั้งตาคอย
เพียงแต่ไม่นานพวกเขาก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล เห็นได้ชัดว่ามู่หลิงเฟิงเริ่มลงมือแล้ว แต่การเคลื่อนไหวของเขากลับแข็งทื่ออยู่เช่นนั้นราวกับถูกผนึกไว้ รักษาท่วงท่าประหลาดถึงที่สุด ไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว
“หรือว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นแล้ว”
ทั้งสองคนตื่นตระหนก แต่ที่ทำให้พวกเขาฉงนก็คือ ตั้งแต่เริ่มจนจบกลับไม่ได้รู้สึกว่ามีไอสังหารและอันตรายใดๆ มาเยือนเลย
พรูดๆๆ!
ทันใดนั้นนัยน์ตาของทั้งสองพลันขยายกว้างขึ้น
ในครรลองสายตา มู่หลิงเฟิงไม่เคลื่อนไหวเลยสักนิด แต่จู่ๆ ร่างกายก็แหลกสลายอย่างไร้เสียง กลายเป็นเลือดเนื้อชิ้นเล็กชิ้นน้อยแหลกละเอียดร่วงรินลงมา
ตั้งแต่เริ่มจนจบไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมาเลย ขนาดเสียงโหยหวนหรือร้องขอชีวิตยังไม่มี ราชันกึ่งระดับผู้หนึ่งแปรสภาพเป็นเลือดเนื้อป่นปี้อย่างเงียบเชียบ!
จินตู้เจินกับชางหลันเสวี่ยตื่นตระหนกจนอกสั่นขวัญแขวน ราวตกลงไปในหลุมน้ำแข็ง เกือบร้องเสียงหลงออกมา เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ได้
ภาพนี้ดูแปลกประหลาดและน่าสยดสยองเกินไปแล้ว ทำให้ทั้งสองแทบเลือกหนีตายก่อนโดยไม่ทันรู้ตัว!
เวลานี้อย่าว่าแต่วาสนาไร้เทียมทานเลย ต่อให้ความลับแห่งอายุวัฒนะที่แท้จริงวางอยู่ตรงนั้น พวกเขาก็ไม่หันกลับมามองโดยเด็ดขาด
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
และตอนนี้หลินสวินก็ขนลุกเกรียวไปทั้งตัวเช่นกัน ในใจสั่นสะท้าน ความเก่งกาจของมู่หลิงเฟิง เขาได้รู้ได้เห็นอยู่ก่อนแล้ว แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับสิ้นชีพกะทันหันแล้ว!
นี่เป็นถึงราชันกึ่งระดับผู้หนึ่งเชียวนะ จัดอยู่ในหมู่ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดแห่งโลกมานานแล้ว จะตายเช่นนี้หรือ
นี่กระตุ้นให้หลินสวินอยากจะหันหลังหนี ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์หิมะน้ำแข็งต้นนี้ต่อให้น่าเย้ายวน แต่ไอสังหารที่ซ่อนอยู่ภายในนั้นกลับน่าพรั่นพรึงไร้ที่สิ้นสุด!
จากนั้นภาพที่ทำให้เขายิ่งใจหายก็ปรากฏขึ้น ก็เห็นว่าจินตู้เจินกับชางหลันเสวี่ยที่หนีตายอยู่ไม่ไกล ร่างกายกลับแหลกสลายไปทุกกระเบียดนิ้วระหว่างหลบหนี แปรสภาพเป็นเลือดเนื้อปลิวว่อนไปตามทาง…
หลินสวินตื่นตระหนกจนพูดไม่ออก
วิธีการตายเช่นนี้เขาเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก น่าสะพรึงเกินไปแล้ว เงียบเชียบไร้เสียง ตั้งแต่เริ่มจนจบยังไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนลงมือ!
เดิมทีเมื่อได้เห็นพวกมู่หลิงเฟิงพากันตายไป หลินสวินก็ควรจะยินดีปรีดา แต่ตอนนี้เขากลับไม่ดีใจเลยสักนิด
ตอนนี้เขาซ่อนอยู่ข้างต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์หิมะน้ำแข็ง แม้จะใช้ไอซวนหนีปกปิดกลิ่นอายทั้งตัว แต่เขารู้ดีว่าตั้งแต่ที่เขาปรากฏตัวที่นี่ เกรงว่าจะถูกจับจ้องมานานแล้ว!
ซ่า!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์