Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 722

สรุปบท ตอนที่ 722 อับอายเสียเอง: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปตอน ตอนที่ 722 อับอายเสียเอง – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

ตอน ตอนที่ 722 อับอายเสียเอง ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 722 อับอายเสียเอง
ตอนที่ 722 อับอายเสียเอง
โดย
ProjectZyphon
ก่อนจากกัน ผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิเหล่านี้บอกหลินสวินว่าหลายวันมานี้มีข่าวลือไม่สู้ดีเกี่ยวกับเขามากมาย ส่งผลให้ทางผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิต่างเป็นกังวลแทนเขาแทบทั้งสิ้น

ส่วนฝั่งเผ่าพ่อมดเถื่อนกลับยืนกรานว่าเขาถูกราชันกึ่งระดับสามคนตามฆ่า ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

ในความเป็นจริงก็เป็นเช่นนี้จริง

ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ ความเป็นความตายของหลินสวินมีผลกระทบต่อจิตใจของผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิทุกคน และเพราะเด็กหนุ่มยังไม่มีข่าวคราวออกมา ทำให้เหล่าผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิยิ่งเป็นกังวลและหนักใจ

ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนดูกระชุ่มกระชวยผิดธรรมดา

‘หลินสือเอ้อร์อะไรกัน รอหัวมันหล่นถึงพื้นก็สูญเสียทุกอย่างอยู่ดี!’ นี่เป็นถ้อยคำที่ผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนมากมายเอ่ยออกมา

ที่ทำให้ทุกคนโกรธจนเลือดขึ้นหน้าก็คืออิ๋งเชวี่ย นายน้อยราชนิกุลสายคนเถื่อนมืดยังเรียกรวมผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนหลายคน และคุยโวว่าช่วยเพิ่มแรงกระตุ้นอย่างลับๆ ป่าวประกาศไปทั่วว่าหลินสือเอ้อร์ถูกปลิดชีพไปแล้ว ใช้วิธีต่ำช้าเช่นนี้ทำให้ผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิเสียขวัญกำลังใจ

ต้องกล่าวว่า แม้วิธีการนี้จะไร้ยางอายไปบ้าง แต่กลับได้ผลนัก ทำให้เหล่าผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิล้วนเดือดดาลและเศร้าโศก กำลังใจถดถอยเพราะสิ่งนี้

“หรือพูดได้ว่า ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นฝั่งเผ่าพ่อมดเถื่อน หรือฝั่งจักรวรรดิก็เข้าใจว่าข้าตายไปแล้วใช่ไหม” ดวงตาสีดำของหลินสวินบังเกิดรังสีประหลาด

ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นพยักหน้า

‘อิ๋งเชวี่ย…’

เมื่อหลินสวินนึกถึงคนคนนี้ ก็นึกถึงหลิ่วเหวินที่ตอนนี้ทรยศจักรวรรดิ ไอสังหารในใจไหววูบ กล่าวว่า “ทุกท่านช่วยข้าเรื่องหนึ่งได้หรือไม่”

“คุณชายหลินพูดมาเถิด” ผู้ฝึกปราณเหล่านั้นพากันเอ่ยปาก

“ช่วยข้ากระจายข่าวออกไปประโยคเดียวว่า ให้ราชันกึ่งระดับสวะพ่อมดเถื่อนพวกนั้นล้างคอรอข้าไว้ได้เลย!”

เฮือก!

ทุกคนต่างสูดลมหายใจเย็นเยียบ ใจเต้นระรัว

……

บริเวณหนึ่งในป่าต้นหม่อน

“นี่ก็ตั้งวันหนึ่งแล้วที่ไม่ได้ข่าวคราวของหลินสือเอ้อร์ผู้นั้น มันต้องตายไปแล้วแน่ ทำให้ข้าเสียดายนัก ข้ายังอยากจะหยั่งรู้ปริศนาแห่งมกุฎมรรคาอยู่เลย แต่ตอนนี้… กลับทำได้เพียงถอดใจ”

อิ๋งเชวี่ยถอนหายใจ

แต่จากนั้นเขาก็หัวเราะแล้วเอ่ยว่า “แต่ไม่เป็นไร ในป่าต้นหม่อนแห่งนี้ยังมีวาสนาที่ไม่อาจประเมินได้อยู่ทั่ว ขอแค่ค่อยๆ เสาะหา ไม่ช้าก็เร็วต้องพบเจอโอกาสแน่”

พูดถึงตรงนี้เขาก็ผุดลุกขึ้น ดวงตาเปล่งประกายมีชีวิตชีวา พูดเสียงขรึมว่า “ทุกท่าน การตายของหลินสือเอ้อร์ต้องส่งผลกระทบเกินกว่าที่พวกเราคาดคิดไว้แน่ เขาไม่เพียงเป็นเด็กหนุ่มผู้กล้าที่ก้าวสู่มกุฎมรรคา ยังเป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณแห่งจักรวรรดิมนุษย์ การสิ้นชีพของเขาต้องกระทบกระเทือนจิตใจผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิเหล่านั้นอย่างหนักหน่วงยิ่งแน่นอน!”

ผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนที่อยู่ใกล้กันนั้นล้วนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดนี้

หลังจากที่หลินสือเอ้อร์ผู้นั้นมีชื่อเสียงขึ้นในสมรภูมิกระหายเลือด สังหารราชันกึ่งระดับผู้หนึ่งรวมถึงบุคคลชั้นยอดระดับมหาเวทมากมายอย่างต่อเนื่อง สร้างแรงสั่นสะเทือน ถึงกับก่อให้เกิดเงามืดปกคลุมเหนือทั้งค่ายเผ่าพ่อมดเถื่อนขึ้นชั้นหนึ่ง ส่งผลให้พวกเขาทั้งตระหนกทั้งหวาดกลัว

คนผู้นี้ เหมือนกลายเป็นดาวดวงใหม่ที่สะดุดตาหาใดเทียบดวงหนึ่งในค่ายจักรวรรดิ ดุจปีศาจเย้ยฟ้า มีชื่อลือทั่วสมรภูมิกระหายเลือด

แต่หากเด็กหนุ่มที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นเช่นนี้ตายไปเสียแล้ว เช่นนั้นสำหรับฝ่ายจักรวรรดิก็ต้องเป็นความสูญเสียที่ไม่อาจยอมรับได้ครั้งหนึ่ง!

“นายน้อยน้อยคิดจะทำเช่นไรขอรับ” หลิ่วเหวินรีบร้อนเอ่ยถาม ดูกระตือรือร้นนัก

ท่าทางประจบประแจงเช่นนี้ทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนที่อยู่ใกล้ๆ รังเกียจ รู้สึกว่าเจ้าหมอนี่ไร้ยางอายเกินไปแล้ว

แต่หลิ่วเหวินไม่สนใจ เขาแค่รู้ว่าต่อไปหากตนต้องการยืนหยัดอย่างมั่งคงในค่ายพ่อมดเถื่อน ก็ต้องเลียแข้งเลียขาอิ๋งเชวี่ย นายน้อยราชนิกุลคนเถื่อนมืดผู้นี้

“สร้างแรงกระเพื่อมต่อไป! ใช้ทุกวิถีทางกระจายข่าวการตายของหลินสือเอ้อร์ให้ทั่วป่าต้นหม่อน ยิ่งใส่สีตีไข่ใหญ่โตเท่าใด ก็ยิ่งสะเทือนจักรวรรดิมนุษย์มากขึ้นเท่านั้น!”

อิ๋งเชวี่ยลำพองใจ ไม่ปิดบังความคิดของตน แม้วิธีนี้จะดูไม่โสภาไปบ้าง แต่นี่ก็เป็นศึกระหว่างสองดินแดนใหญ่ ขอเพียงทำให้เผ่ามนุษย์เสียขวัญกำลังใจได้ เช่นนั้นจะโสภาหรือไม่ก็ไม่สำคัญ

“เช่นนั้นก็ทำเช่นนี้!”

ผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนที่อยู่ใกล้เคียงล้วนตอบรับ

การเคลื่อนไหวของพวกเขาก็เด็ดขาดและรวดเร็วนัก ไม่นานก็แยกย้ายออกไปติดต่อกับผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนที่กระจายอยู่ในป่าต้นหม่อนให้ประกาศข่าวไปด้วยกัน

สาเหตุที่พวกเขากระตือรือร้นเช่นนี้ได้ หลักๆ แล้วเป็นเพราะก่อนหน้านี้การมีอยู่ของหลินสือเอ้อร์สร้างเงามืดและแรงโจมตีต่อพวกเขาเผ่าพ่อมดเถื่อนอย่างมาก ทำให้พวกเขาล้วนเดือดดาล เก็บกลั้นไฟโทสะไว้ในใจอยู่ก่อนแล้ว

เด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งเท่านั้น เพียงอาศัยคันธนูใหญ่ลี้ลับคันหนึ่ง ถึงกับทำให้ราชันกึ่งระดับฝ่ายพวกเขาต้องหวั่นใจ ความรู้สึกเช่นนี้น่าทุกข์ใจเกินไปแล้ว

และตอนนี้ หลินสือเอ้อร์คนนี้ถูกราชันกึ่งระดับตามฆ่า และไม่มีข่าวคราวอะไรออกมา ทำให้พวกมั่นใจว่าเด็กหนุ่มถูกสังหารแล้ว ดังนั้นจึงป่าวประกาศอย่างเหิมเกริมเช่นนี้ได้

“หลินสือเอ้อร์ตายแล้ว จักรวรรดิพวกเจ้ามีดีเท่านี้หรือ ขนาดเด็กหนุ่มผู้กล้าคนหนึ่งยังปกป้องไว้ไม่ได้ ช่างน่าสลดใจเสียจริง!”

“ฮ่าๆ! ผู้กล้าบ้าบออะไรกัน ในสายตาของผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนของข้า ก็เป็นแค่ตุ๊กตาดินเผาบอบบางไม่มีค่าอะไรด้วยซ้ำ และตอนนี้หลินสือเอ้อร์ตายไปแล้ว พวกเจ้าจะทำอะไรได้”

ข่าวทำนองนี้เริ่มแพร่ไปทั่วป่าต้นหม่อนราวพายุ ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นล้วนหยิ่งผยองลำพองใจ สำหรับพวกเขาแล้ว ข่าวนี้ก็เหมือนข่าวดีที่ใหญ่โตเท่าฟ้าข่าวหนึ่ง สามารถทำให้พวกเขาปรบไม้ปรบมือด้วยความดีใจ

“เหอะๆ นี่หรือผู้กล้าแห่งจักรวรรดิของพวกเจ้า ก็ไม่เท่าไหร่นี่”

“รีบไสหัวไปเถอะ! ไม่อย่างนั้น ไม่เพียงแต่หลินสือเอ้อร์ สวะจักรวรรดิอย่างพวกเจ้าก็จะโดนฆ่าหมด!”

วาจาเหลือทนเช่นนี้ยังพ่นออกมาจากปากของผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนเหล่านี้ ดูเหิมเกริมไม่กลัวเกรง ได้ใจหาใดเทียบ

พวกเขาทนมานานแล้ว ในที่สุดก็เอ่ยวาจาชั่วร้ายออกมา รู้สึกสาแก่ใจเป็นพิเศษ

“ฮ่าๆๆ คุณชายหลินยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว ฆ่าได้ดี!”

“สวะพ่อมดเถื่อนพวกนั้นตาถั่วเสียแล้ว ถึงได้กล้าเพ้อว่าปฐมาจารย์หลินประสบเคราะห์ ช่างน่าขันยิ่ง!”

“เหอะๆ ข้าสงสัยนัก ก่อนหน้านี้ไอ้สวะพ่อมดเถื่อนพวกนั้นยังหยิ่งผยองลำพองใจอยู่เลย ตอนนี้จะทำสีหน้าอย่างไรนะ”

ฝ่ายผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดิก็พลุ่งพล่านเต็มที่ ร้องร่าตื่นเต้น กำลังใจฮึกเหิม

“พวกเจ้าสังเกตหรือไม่ คุณชายหลินปรากฏตัวแล้ว หนำซ้ำยังปลิดชีพราชันกึ่งระดับไปคนหนึ่งด้วย แต่ราชันกึ่งระดับสามคนนั้นที่ตามฆ่าคุณชายหลินก่อนหน้านี้กลับไม่มีข่าวคราว นี่จะหมายความว่าพวกเขาถูกคุณชายหลินฆ่าแล้วหรือไม่”

เมื่อเกิดข้อสันนิษฐานนี้ขึ้น ก็สร้างความอึกทึกครึกโครมขึ้นอีกรอบ ทำให้เหล่าบุคคลชั้นยอดจากจักรวรรดิต่างเปลี่ยนสีหน้า ตกตะลึงเสียแล้ว

ส่วนฝ่ายเผ่าพ่อมดเถื่อนนั้น กลับล้วนขนหัวลุกเกรียว มือเท้าเย็นเฉียบ

จริงด้วย หลินสือเอ้อร์คนนั้นยังมีชีวิตอยู่ หรือว่ามู่หลิงเฟิง จินตู้เจิน และชางหลันเสวี่ย ราชันกึ่งระดับสามคนที่ตามฆ่าเขาจะ…

พวกเขาต่างไม่กล้าคิดต่อ

ใครจะไปคิดได้ว่าสุดท้ายหลินสือเอ้อร์ยังไม่ตาย แต่กลับสำแดงอานุภาพมารปีศาจใหญ่โตอีกครั้งหนึ่ง สังหารราชันกึ่งระดับเถิงไห่ กระทั่งพวกมู่หลิงเฟิงยังอาจจะตายด้วยน้ำมือเขา

หากตรองโดยละเอียด ตอนนี้ราชันกึ่งระดับเผ่าพ่อมดเถื่อนของพวกเขาที่ตายด้วยน้ำมือหลินสือเอ้อร์ มีมากถึงห้าคนแล้ว!

นี่เป็นจำนวนที่น่าหวาดดผวา อย่างไรเสียราชันกึ่งระดับก็ไม่ใช่คนที่จะต่อกรด้วยง่ายๆ แม้แต่ในค่ายพ่อมดเถื่อน ยังเป็นกำลังพลน่าหวั่นเกรงชั้นยอด มีน้อยนิดเพียงหยิบมือ เป็นรองเพียงราชันที่แท้จริง

แต่ตอนนี้กลับมีราชันกึ่งระดับห้าคนประสบเคราะห์อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังตายด้วยน้ำมือของเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่ง นี่ย่อมกระทบกระเทือนจิตใจเผ่าพ่อมดเถื่อนจนไม่อาจรับไหวได้อีกแล้ว!

ชั่วครู่เดียว เสียงวิพากษ์วิจารณ์กับเสียงเซ็งแซ่ก็ดังราวบรรพตถล่มมหาสมุทรหวีดร้อง ฝั่งผู้ฝึกปราณจากจักรวรรดินั้น ขนาดแม่ทัพใหญ่ซย่าโหวเจี๋ยยังชื่นชม หัวเราะร่าไม่หยุดหย่อนโดยไม่สงวนท่าที

ด้านราชันนภาเพลิงที่ก่อนหน้านี้เย่อหยิ่งโอหังถึงที่สุด กลับนิ่งเงียบอย่างพบเห็นได้ยาก ผลลัพธ์เช่นนี้ก็ทำให้เขาตั้งรับไม่ทันเช่นกัน

ส่วนพวกผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนอย่างอิ๋งเชวี่ยก็งงงวยอยู่เช่นนั้น เวลาผ่านไปนานยังพูดไม่ออก

เดิมทีทั้งหมดนี้ก็ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเขาลอบโหมกระพือ ป่าวประกาศอย่างกำเริบเสิบสาน สร้างแรงกระเพื่อมไม่ว่างเว้น จะไปคิดได้อย่างไรว่ายามที่พวกเขาผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนมีกำลังใจฮึกเหิมที่สุด สถานการณ์กลับพลิกผันจนทำให้พวกเขาหดหู่แทบกระอักเลือด แรงกระเพื่อมที่พวกตนสร้างกลับทำให้ฝ่ายตัวเองกระอักกระอ่วนและอัดอั้น จิตใจถูกกระทบกระเทือน ใครจะรับเรื่องนี้ได้กัน

พูดว่าย้ายหินกระแทกเท้าตัวเองยังออกจะเบาไป นี่เรียกได้ว่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน รนหาความอับอายเสียเองโดยแท้!

“อ๊าก!”

ในที่สุดอิ๋งเชวี่ยก็ทนไม่ไหวแล้ว ร้องคำรามเดือดดาล โกรธจนสั่นไปทั้งตัว ดวงตาถลนออกมา “หลินสือเอ้อร์ ข้าจะฆ่าเจ้า!”

__

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์