ยามโพล้เพล้ แสงยามเย็นราวกับเพลิงย้อมท้องฟ้าเป็นสีแดง อาบเทือกเขาทั้งแถบ ปรากฏสีส้มแดงอันงดงามและเกรียงไกร
อาทิตย์ตกงดงามไร้ขีดจำกัด เพียงแต่ใกล้จะค่ำแล้ว
หลินสวินเดินอยู่ในป่าเขาเก่าแก่โบราณเพียงลำพัง แสงยามเย็นที่สาดส่องลงมาดึงเงาร่างสง่างามของเขาจนยืดยาว
มีเสียงร้องของสัตว์เป็นระยะๆ ยิ่งดูเงียบงันรกร้าง
‘ก่อร่างสร้างสรรพสิ่ง ตามวิถีมรรคธรรมชาติ บำเพ็ญเพียรแจ้งมรรค แสวงหาจากฟ้าดิน’ หลินสวินฝีเท้ามั่นคง เสื้อผ้าพลิ้วไหว ก้าวเดินอยู่ในป่าเขา
เมฆสีก่อตัว ผืนป่าโบราณถูกย้อมเป็นสีแดง พร่าเลือนราวกับหมอก
ระหว่างทางหลินสวินโคจรวิชาลับ ‘ดวงใจฉิวหนิว’ สภาวะจิตปรากฏสภาพอันบริสุทธิ์เหนือโลกีย์ ว่างเปล่าไร้ตัวตน ราวกับแม่น้ำที่ใสสะอาด สามารถสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่งได้
เขาขัดเกลาท่วงทำนองแห่งมรรคธาตุน้ำที่ตนครอบครอง
ตอนนี้เหลือเพียงแค่ทำให้ท่วงทำนองแห่งมรรคธาตุน้ำเลื่อนไปสู่ระดับเจตจำนงแห่งมรรคธาตุน้ำ เขาก็สามารถบรรลุเข้าระดับกระบวนแปรจุติได้แล้ว
ซ่าๆๆ~
ไม่นาน ลำธารเชี่ยวกรากสายหนึ่งไหลออกมาจากหุบเขาราวกับเข็มขัดหยก และไหลห่างออกไป
คลื่นราวกับไข่มุก สาดกระเซ็นกลิ้งไปมา เป็นประกายระยิบระยับโปร่งแสงภายใต้ตะวันตกดิน
หลินสวินนั่งอยู่ข้างลำธาร สงบใจหยั่งรู้ เงาร่างสง่างามนิ่งไม่ขยับราวกับกลายเป็นรูปปั้น
จนกระทั่งยามสนธยาผ่านพ้น รัตติกาลมาเยือน เขาจึงหมุนตัวจากไป
‘อุดมธรรมดุจดั่งน้ำ ด้วยเหตุนี้จึงว่างเปล่า สามารถแทรกอยู่ได้ไร้ขอบเขต มีอยู่ทุกที่ไม่มีสิ้นสุด’
ยามค่ำ หลินสวินนั่งอยู่บนฝั่งลำธารแห่งหนึ่งเงียบๆ จิตใจและร่างกายจมอยู่กับการหยั่งรู้
‘ใต้หล้านี้ไม่มีสิ่งใดอ่อนกว่าน้ำ แต่ไม่มีความแข็งใดชนะมันได้ สิ่งนี้เรียกว่าเมื่ออ่อนถึงที่สุดจึงแข็งที่สุด ครอบครองทั้งสองฝั่ง’
เช้าวันถัดมาหลินสวินตื่นจากสมาธิ ชั่วขณะที่ลืมตาขึ้น บนใบไม้สีเขียวที่อยู่ข้างๆ มีน้ำค้างหยดหนึ่งร่วงไหลลงพอดี กลมเกลี้ยงแวววาว วาดเส้นโค้งกลางอากาศแล้วร่วงหล่นลงบนพื้น แตกกระจายเป็นรอยน้ำแล้วซึมหายสู่พื้นดิน
หลินสวินตะลึง ในใจคล้ายหยั่งถึงบางอย่าง
ครู่หนึ่งเขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินต่อ
ซ่าๆๆ!
หน้าหุบเขาอันเงียบสงบลูกหนึ่ง น้ำตกไหลลงมาจากหน้าผาเหมือนมังกรขาวตัวหนึ่ง พุ่งลงในลำธาร คลื่นน้ำนับพันสาดกระจาย
หลินสวินยืนอยู่ที่นี่หนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว มองดูน้ำตก ละอองน้ำ หมอกน้ำ มองดูคลื่นน้ำและระลอกคลื่นริมธาร
จนกระทั่งกลางดึกดวงดาวพร่างพรมสะท้อนแสงวิบวับ หลินสวินคุกเข่าลง สายตามองหินก้อนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ลำธาร
พื้นผิวของหินมีหลุมที่ราวกับรังผึ้งมากมาย หนาราวนิ้วโป้งเท่านั้น
‘น้ำหยดหินกร่อน เรียกว่าผู้พากเพียรย่อมเข้มแข็ง ไม่มีสิ่งใดที่ผ่านไม่ได้!’
หลินสวินพึมพำออกมา “และน้ำตก ละอองน้ำ คลื่นน้ำ ระลอกคลื่นพวกนี้… เปลี่ยนแปลงไม่มีขีดจำกัด แสดงแก่นอัศจรรย์ออกมาอย่างเต็มที่ ทว่าหมื่นเปลี่ยนแปรแต่เนื้อแท้ยังคงเดิม ล้วนแล้วแต่เป็นน้ำ”
การหยั่งรู้มากมายราวกับสายน้ำเล็กๆ ซึมเข้าจิตใจ ทำให้พลังขับเคลื่อนรอบตัวหลินสวินปรากฏความรู้สึกว่างเปล่าราวกับน้ำ โปร่งแสงเต็มเปี่ยมด้วยพลัง
ไม่นานหลินสวินก็ลุกขึ้นยืน ขณะกำลังจะก้าวเดินไปข้างหน้าก็เลิกคิ้วขึ้นโดยพลัน ดวงตาดำวาบไอเยียบเย็น
เขายื่นนิ้วทั้งห้าออกมาโบกง่ายๆ
หยาดน้ำส่วนหนึ่งกระจายออกมาจากในน้ำตก เหมือนจู่ๆ ก็ถูกควบคุม จากรูปลักษณ์กลมมนโปร่งแสงเปลี่ยนเป็นยืดยาว แปรเป็นกระบี่น้ำแหลมคมเรียวเล็กมากมายดุจดั่งเข็ม ส่องประกายระยิบระยับ
แซ่ก~
ทันทีที่พวกมันปรากฏรูปลักษณ์ก็พุ่งออกไป เคลื่อนออกนอกหุบเขา
รัตติกาลราวกับหมึก นอกหุบเขาเดิมทีเงียบสงบอย่างที่สุด แต่ตอนนี้กลับมีเสียงทึบดังขึ้นระลอกหนึ่ง เหมือนมีของหนักอะไรร่วงหล่นลงพื้น
แทบจะในเวลาเดียวกัน เงาร่างของหลินสวินปรากฏตัวขึ้นที่นี่ บนพื้นมีศพนอนอยู่หกศพ บริเวณหัวใจพวกเขาต่างปรากฏหลุมเลือดหนึ่งหลุมที่ยังคงมีเลือดไหล ก่อนตายล้วนเบิกตาโพลง สีหน้าตกตะลึง
“มาไวจริงๆ”
หลินสวินขมวดคิ้ว ศพบนพื้นพวกนี้ก็คือผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ นี่ทำให้เขาตระหนักได้ว่า นับแต่วันนี้เป็นต้นไป หนทางนี้ถูกกำหนดให้ไม่สงบสุขอีกแล้ว
อีกทั้งในเมื่อเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬไม่คิดจะวางมือ ถ้าอย่างนั้นการโจมตีในครั้งนี้ จะต้องส่งผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มาอย่างแน่นอน!
ทว่าหลินสวินไม่ได้กังวลอะไร นอกจากจะมีราชันที่แท้จริงปรากฏตัว หาไม่แล้วคนอื่นๆ ยากจะข่มขวัญเขาได้
……
วันที่เจ็ดที่ออกจากเมืองก่วมหิมะ ส่วนลึกของทะเลสาบสีครามอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง ร่างของหลินสวินค่อยๆ จมดิ่งลงไปในน้ำ
ในกระบวนการนี้เขาปล่อยตัวเองให้ว่างเปล่า ทั้งกายใจล้วนกำลังรับรู้กลิ่นอายของน้ำ พลังของน้ำ การไหลและท่วงทำนองของน้ำ…
จนกระทั่งจมลงก้นทะเลสาบ หลินสวินพลันลืมตา โบกมือคราหนึ่ง น้ำวนพลันปรากฏในน้ำอย่างกะทันหัน หมุนอย่างฉับไว ไม่นานน้ำวนสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ วงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ส่งเสียงครืนโครม
จากนั้นพื้นผิวทะเลสาบอันกว้างใหญ่ถูกปั่นป่วน คลื่นน้ำโหมกระหน่ำซัดสาด ปรากฏน้ำวนขนาดใหญ่พุ่งขึ้นท้องฟ้าโดยตรง
ตูม!
พริบตานั้นราวกับมังกรขาวตัวหนึ่งพุ่งออกจากทะเลสาบ หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ม้วนคลื่นมากมาย ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้เดือดพล่าน
เมื่อมองอย่างละเอียด อากาศราวกับถูกบดละเอียด แปรเป็นกระแสปั่นป่วน!
บนฝั่งทะเลสาบปรากฏเงาร่างสีดำสิบกว่าร่าง มีทั้งชายและหญิง ตอนนี้ต่างมองน้ำวนกลางทะเลสาบอย่างตะลึง
ฮูม~~
หลังจากน้ำพุ่งขึ้นชั้นเมฆ ก็กลายเป็นเหมือนฝนห่าใหญ่กระหน่ำลงมา ทันใดนั้นพื้นที่แห่งนี้ล้วนมีหมอกฝนหนาทึบ ปรากฏสายรุ้งอันงดงามราวกับภาพฝันสายแล้วสายเล่า
ไร้ซึ่งสุ้มเสียง สายฝนราวกับฝัน ประหนึ่งเส้นด้าย สาดพรมลงบนร่างชายหญิงเหล่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์