คำพูดของลิ่นไท่เจินตรงไปตรงมามากพอจริงๆ บอกเขาชัดเจนว่าอย่าได้มีความคิดทะเยอทะยานเลยเถิด ธิดาเทพแห่งเผ่าจิ้งจอกสวรรค์บรรพตเขียวของพวกเขาสูงส่งไม่อาจเอื้อม
เพียงแต่…
ในใจของหลินสวินกลับมีความโกรธกรุ่นที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้
แรกเริ่มเดิมที เหตุที่เขาตกปากรับคำลิ่นเหวินจวินว่าจะมาส่งและปกป้องซย่าเสี่ยวฉงตลอดทาง ก็ไม่เคยมีความคิดเป็นอื่นมาก่อน!
ทว่าตอนนี้ตนเพิ่งมาถึง ก็ถูกคนเอ่ยเตือนเช่นนี้ จะไม่ให้หลินสวินโกรธได้อย่างไร
นี่เห็นเขาหลินสวินเป็นตัวอะไรไปแล้ว
ทว่าท้ายที่สุดหลินสวินก็ยังข่มเอาไว้ อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เป็นผู้อาวุโสของซย่าเสี่ยวฉง ถึงจะบอกว่าไม่สุภาพต่อตนมาก ทว่าทั้งหมดก็ทำไปเพราะหวังดีต่อซย่าเสี่ยวฉง หลินสวินไม่อยากไปถือสาอะไรเช่นกัน
“วางใจเถิด ระหว่างข้ากับเสี่ยวฉงไม่ได้มีอะไรเลยแม้แต่น้อย”
สุดท้ายหลินสวินก็พูดเพียงแค่ประโยคเดียวเท่านั้น
ลิ่นไท่เจินร้องอ้อคราหนึ่งก่อนกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าต้องการอะไรก็พูดมาตรงๆ เถิด คิดเสียว่าเป็นการตอบแทนและชดเชยจากเผ่าข้า”
ไม่ได้ขอบอกขอบใจ ไม่มีคำทักทายอบอุ่น มีเพียงกิริยาท่าทางแยกหน้าที่กับเรื่องส่วนตัวชัดแจ้งและเปี่ยมด้วยกลิ่นอายแห่งการตักเตือน
ทุกอย่างนี้ล้วนกำลังบอกหลินสวินว่าทางที่ดีอย่าได้มีเจตนาอื่นอีกเป็นดีที่สุด
หลินสวินมุ่นคิ้ว ในใจยิ่งรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นเรื่อยๆ ตลอดการเดินทางนี้ เขาพานพบการไล่ล่าสังหารจากเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬอยู่บ่อยครั้ง เรียกได้ว่าฝ่าความเป็นความตาย ประสบความลำบากและเสี่ยงอันตรายมากมาย กว่าจะพาซย่าเสี่ยวฉงมาส่งถึงที่นี่โดยสวัสดิภาพได้
ทว่าสิ่งที่รออยู่ไม่ใช่ความซาบซึ้ง กลับเป็นการปฏิบัติเช่นนี้ จะให้เขารู้สึกดีด้วยได้อย่างไร
ดังนั้นหลินสวินจึงเอ่ยตรงๆ ว่า “การตอบแทนและชดเชยคงไม่จำเป็นแล้ว ประเดี๋ยวข้าก็จะจากไปแล้ว”
ในใจของเขารู้สึกผิดหวังและกรุ่นโกรธ คร้านจะซักถามเรื่องการเดินทางไปแดนชัยบูรพาแล้ว เขาไม่เชื่อว่าหากปราศจากความช่วยเหลือจากเผ่าจิ้งจอกสวรรค์บรรพตเขียวแล้ว จะไร้หนทางมุ่งสู่แดนชัยบูรพา!
ใครเลยจะคิด การที่เขาตอบเช่นนี้กลับทำให้ลิ่นไท่เจินปั้นหน้าขรึม มุ่นคิ้วกล่าว “พ่อหนุ่ม เจ้ายังไม่ถอดใจหรือ มีบุญคุณเผ่าข้าย่อมตอบแทน คงไม่อาจติดหนี้บุญคุณแล้วไม่ใช้คืนได้เป็นอันขาด”
เห็นได้ชัดว่านางทึกทักเอาเองว่าหลินสวินกำลังใช้การถอยเพื่อรุก ซ้ำยังข่มขู่ตนอยู่ เพราะฉะนั้นน้ำคำของนางจึงเปลี่ยนเป็นไม่เกรงใจ หว่างคิ้วเจือแววเย็นชา
นางไม่สามารถทำใจ ให้คนนอกเผ่าคนใดมาพัวพันกับธิดาเทพแห่งเผ่าจิ้งจอกสวรรค์บรรพตเขียวของพวกตนได้!
หลินสวินยิ้มกล่าวว่า “หากข้าต้องการการตอบแทนจริงๆ เกรงว่าพวกท่านคงไม่สามารถชดเชยได้เพียงพอ ข้าว่าช่างมันเถิด”
เขาหาได้พูดถ้อยคำโกรธเคือง ตลอดทางเขาอารักขาซย่าเสี่ยวฉงมาส่ง สังหารผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬมาไม่รู้ตั้งเท่าไร
อีกอย่าง ก็เป็นเพราะเขาถึงทำให้หญิงสาวปริศนาปรากฏตัว กวาดล้างถิ่นอาศัยในแดนฐิติประจิมของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬราบเป็นหน้ากลางในคราวเดียว สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ ผู้แข็งแกร่งระดับราชันตายไปตั้งไม่รู้เท่าใด
นี่เท่ากับช่วยเผ่าจิ้งจอกสวรรค์บรรพตเขียวขจัดมหันตภัยซึ่งซุกซ่อนอยู่อย่างไร้ร่องรอยทีเดียว!
บุญคุณระดับนี้ หากทวงค่าตอบแทนจริงๆ จะตอบแทบได้ง่ายๆ หรือ
เพียงแต่สีหน้าของลิ่นไท่เจินยิ่งอึมครึมมากขึ้นเรื่อยๆ คิดว่าหลินสวินกำลังมองข้ามความหวังดีของผู้อื่น นางก็คร้านจะพูดไร้สาระอีกต่อไป จึงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “เห็นว่าเจ้ามีปราณระดับกระบวนแปรจุติ จะมอบสมบัติลับระดับสวรรค์ให้แก่เจ้าแล้วกัน เมื่อเปรียบกับสมบัติมรรคราชันทั่วไปก็ไม่ได้ด้อยกว่ากัน คิดว่ามันคงเพียงพอจะชดเชยและตอบแทนเจ้าได้”
นี่คือทีท่าประหนึ่ง ‘ให้ทาน’ แก่ผู้ยากไร้ก็ไม่ปาน ซ้ำยังเจือกลิ่นอายห้ามปฏิเสธเอาไว้ ราวกับการกระทำนี้เป็นการยอมให้หลินสวินมากแล้ว
สิ่งนี้ทำให้หลินสวินเกือบควบคุมอารมณ์ในใจไม่อยู่ รังเกียจเดียดฉันท์ถึงขีดสุด
ในมือเขาไม่ได้มีเพียงสมบัติระดับพลิกฟ้าอย่างยานขนส่งอวกาศและดาบหักเท่านั้น ยังมีธนูวิญญาณไร้แก่นสาร ศรแห่งนภาคราม เจดีย์ไร้อักษร กระทั่งในเจดีย์สมบัติยังสะกดสมบัติล้ำค่าเอาไว้อีกไม่น้อย ไหนเลยจะสนใจสมบัติลับระดับสวรรค์แค่ชิ้นเดียว
เพียงแต่เหลือบมองซย่าเสี่ยวฉงที่กำลังพูดคุยอย่างสนุกสนานไกลออกไป สุดท้ายในใจหลินสวินก็อึดอัดเล็กน้อย ลอบทอดถอนใจเฮือกหนึ่งในทันที กล่าวว่า “ในเมื่อเป็นดังนี้ เช่นนั้นก็ขอบคุณมาก”
ทันใดนั้นลิ่นไท่เจินก็คลี่รอยยิ้มแห่งชัยชนะบางๆ เสี้ยวหนึ่ง สีหน้าท่าทางยิ่งดูหยิ่งผยองมากขึ้น ล้วงกล่องหยกใบหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้หลินสวิน “รับสมบัตินี้แล้ว เจ้ากับเผ่าข้าต่างก็ไม่ได้ติดหนี้กัน หวังว่าเจ้าจะรักษาตัวเอง”
หลินสวินคร้านจะอิดออด รับกล่องหยกเอาไว้แล้วโยนมันเข้าไปในแหวนเก็บของโดยไม่ได้มองเลยสักนิด
จากนั้นเขาหมุนกายมาหยุดอยู่ข้างๆ ซย่าเสี่ยวฉง ไม่ได้สนใจสายตามุ่งร้ายอยากสังหารคนของลิ่นไท่เจินโดยสิ้นเชิง กล่าวว่า “เสี่ยวฉง ข้าจะจากไปก่อนแล้ว”
ซย่าเสี่ยวฉงตกใจ ดีดตัวดังผึง “พี่หลินสวิน ข้าก็จะไปพร้อมกับท่านด้วย!”
ลิ่นไท่เจินเห็นดังนี้ บนใบหน้าฉายแววมืดทะมึนทันที รู้สึกโมโหอยู่ในใจ เจ้าเด็กนี่ยังมีหน้าบอกว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเสี่ยวฉง!?
“ข้ามีเรื่องด่วนต้องไปทำ หลังจากนี้ถ้ามีเวลาว่างข้าจะมาหาเจ้า” หลินสวินลูบหัวเด็กสาวเบาๆ ร่วมทางกันมาตลอด ในใจของเขาค่อนข้างทำใจไม่ได้เช่นกัน
ท้ายที่สุดเขาก็ยังตัดใจ หมุนกายแล้วจากไป
“พี่หลินสวิน!”
ซย่าเสี่ยวฉงหมายจะตามไป แต่กลับถูกลิ่นไท่เจินขวางเอาไว้ สิ่งนี้ทำให้นางค่อนข้างหัวเสียและโกรธเคือง ร้องตะโกนไม่หยุด เห็นหลินสวินเดินไกลออกไปเรื่อยๆ หยาดน้ำตาก็ร่วงเผาะลงมาอาบดวงหน้าเรียวเล็กอันบริสุทธิ์ของนางอย่างห้ามไม่อยู่
ลิ่นไท่เจินเห็นดังนี้ ความอึมครึมที่หว่างคิ้วก็ยิ่งทบทวีขึ้นเรื่อยๆ
นางมีชีวิตมาจนป่านนี้ ไหนเลยจะมองไม่ออกว่าเด็กน้อยคนนี้บังเกิดความพึ่งพาอาศัยอันใหญ่หลวงต่อเด็กหนุ่มคนนั้น เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าอาจจะเกิดความหวั่นไหวตั้งนานแล้ว!
“เสี่ยวฉง เจ้าเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทาง ไปพักผ่อนให้เต็มที่เสียหน่อยดีกว่า”
ลิ่นไท่เจินกล่าวพลางใช้วิชาลับสะกดจิตซย่าเสี่ยวฉง ทำให้นางผล็อยหลับไป
จากนั้น นางทอดมองไปยังทิศทางที่หลินสวินจากไป หว่างคิ้วผุดแววเย็นชาแวบผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง
……
ระหว่างทางหลินสวินรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย ยากจะระบายออกมา เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าหลังจากมาถึงเขาบรรพตเขียวแล้วจะเจอเรื่องน่ารังเกียจเช่นนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์