แม้มันมีขนาดเพียงฝ่ามือ แต่ดูออกได้ไม่ยากว่าเจดีย์นี้มหัศจรรย์ถึงที่สุด ตัวเจดีย์มีแปดมุม แบ่งเป็นแปดส่วน ทุกส่วนเป็นหนึ่งภพภูมิ ปรากฏภาพสุริยันจันทราภูผาธารา ฟ้าเสถียรดินขนาน เทพธรรมบาลแลหมู่ดาวและสัตว์เทพบรรพกาลเป็นต้น
ประหนึ่งว่าร่องรอยแดนเทพบรรพกาลประทับอยู่บนตัวเจดีย์ มีกลิ่นอายทรงพลังที่บรรจุนิรันดร์กาลไว้!
เพียงแต่น่าเสียดายที่เจดีย์นี้มีตำหนิเสียหาย ตำแหน่งยอดเจดีย์เดิมทีมีอักษรมรรคสลักไว้ แต่ตอนนี้เหลือเพียงอักษร ‘ไร้’ ไม่สมบูรณ์และลางเลือนตัวหนึ่ง
นี่ก็คือเจดีย์สมบัติไร้อักษร!
สมบัติชั้นยอดที่ลี้ลับที่สุดชิ้นหนึ่งในมือของหลินสวิน เคยบรรจุมรรคคาถาที่เกี่ยวโยงกับปริศนาแห่งคีรีดวงกมล ไม่อาจสืบหาที่มาได้
ทันใดนั้นโสมแก่เหมือนสังเกตได้ว่าไม่ชอบมาพากล รอยยิ้มบนใบหน้าชราแข็งทื่อ ออกจะตื่นตระหนก สาวเท้าจะหนีไปทันใด
“คิดหนีหรือ สายไปแล้ว!”
ยามเอ่ยปาก แสงมรรคทองนิลกาฬสายหนึ่งพลันเคลื่อนออกมาจากเจดีย์สมบัติไร้อักษรราวม้าห้อ ม้วนเบาๆ กลางอากาศแล้วพันธนาการโสมแก่ต้นนั้นไว้
มันตระหนกจนแสงเปล่งประกายออกมาทั่วร่างอย่างท่วมท้น แต่ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่ช่วยอะไร ใบหน้าชราเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง ในที่สุดก็ถูกลากเข้ามาในเจดีย์สมบัติไร้อักษร
ตึง!
ในชั้นหนึ่งของเจดีย์สมบัติ แสงมรรคทองนิลกาฬกดกำราบ โสมแก่ต้นนั้นรับรู้ได้ถึงสถานการณ์อันตราย เผยสีหน้าน่าสงสารร้องขอชีวิต แผ่จิตออกมาระลอกหนึ่งว่า ‘สหายตัวน้อยโปรดคลายโกรธ นี่เป็นการเข้าใจผิด’
หลินสวินนัยน์ตาหดรัด ใจสั่นสะท้าน โอสถราชันไร้เทียมทานต้นนี้มีสติปัญญาด้วย!
ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มหยัน “เมื่อกี้เจ้าไม่ได้เล่นสนุกดีหรือ เหตุใดตอนนี้ไม่ยิ้ม กลับเริ่มร้องขอชีวิตซะแล้วล่ะ”
ตลอดทางที่ไล่ตามมาเมื่อกี้ โสมแก่ต้นนี้ท้าทายไม่ว่างเว้น ทั้งยังเผยรอยยิ้มเย้ยหยันและน่าชิงชังเช่นนั้น หลินสวินใจเย็นเช่นนี้ก็ยังถูกยั่วโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง
หากไม่สนใจว่าอีกฝ่ายเป็นโอสถราชันไร้เทียมทาน และไม่ใช่ศัตรูคู่แค้น เขาก็คงบี้เจ้าโสมแก่ต้นนี้ให้ตายไปนานแล้ว
‘สหายน้อย ข้าเป็นรากวิญญาณรากหนึ่งของเขาพยับคราม ตั้งแต่ตื่นรู้ก็ไม่เคยทำเรื่องผิดทำนองคลองธรรมมาก่อน เมื่อครู่เพียงแต่เล่นกับสหายน้อยนิดหน่อยเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด ขอเจ้ามีน้ำใจกว้างขวางไว้ชีวิตข้าสักครั้งหนึ่ง’ โสมแก่เอ่ยปากอย่างน่าเวทนา
“อย่าแม้แต่จะคิด!” วาจาหลินสวินแน่วแน่ โอสถกายสิทธิ์เช่นนี้หากไม่กินให้เรียบล่ะก็ เช่นนั้นก็คงเสียของนัก
‘แม่งเอ๊ย ไอ้หนูอย่างเจ้าไม่แล้วไม่เลิกจริงๆ ใช่ไหม จะบอกเจ้าให้! เมื่อก่อนบนเขาพยับครามข้าก็เป็นคนร้ายกาจลือชื่อผู้หนึ่ง มีลูกศิษย์ลูกหานับไม่ถ้วน ขนาดอริยะเหล่านั้นยังต้องเคารพอยู่สามส่วน เจ้าชั่วตัวจ้อยแบบเจ้านับเป็นอะไรได้ ให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง รีบปล่อยข้าซะ อย่าก่อความผิดใหญ่หลวง หาไม่แล้ว เหนือฟ้าบนดินคงไม่มีใครช่วยเจ้าได้!’
ทันใดนั้น โสมแก่ที่เดิมร้องขอชีวิตอย่างน่าเวทนาก็เปลี่ยนสีหน้า เท้าสะเอวทำท่าทางอย่างคนพาล ด่าทอใหญ่โต
การเปลี่ยนแปลงนี้รวดเร็วนัก ทำให้หลินสวินอึ้งไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเจ้าโสมแก่นี่จะมีสองใบหน้า
ตู้ม!
ที่ตอบกลับโสมแก่ไปคือแสงมรรคทองนิลกาฬสายหนึ่งกำราบลงมา ฟาดบนตัวเขาอย่างแรงเหมือนแส้ เล่นงานเขาจนร้องโอดโอยเสียงดัง พร่ำเอ่ยวาจาหยาบคายต่างๆ ไม่น่าฟังยิ่งนัก
‘ข้าจะขึ้นคร่อมบรรพชนเจ้า ไอ้…’
‘โอ๊ย เจ็บยันโคตรเจ้าแล้ว ไอ้ชิงหมาเกิด ไอ้…’
นี่เป็นโอสถราชันไร้เทียมทานต้นหนึ่งเสียที่ไหน เป็นอันธพาลเฒ่าคนหนึ่งชัดๆ!
ในที่สุดโสมแก่ก็ถูกกำราบจนน้ำตาแทบไหลออกมา ลมหายใจรวยริน เลิกด่าทอแล้ว
แต่มันยังคงไม่ยินยอม ท่าทางเหมือนอันธพาลเฒ่าโหดเหี้ยมอำมหิต กัดฟันกรอดแล้วเอ่ยว่า ‘เจ้ารอก่อนเถอะ เจ้ารอข้าก่อนเถอะ…’
จากนั้นมันก็นอนแน่นิ่งไปเช่นนั้น ไม่เคลื่อนไหวแล้ว
มันในตอนนี้ค่อยเหมือนสมุนไพรแก่ต้นหนึ่ง ร่างขาวเปล่งปลั่งส่งกลิ่นสมุนไพรเข้มข้นกำจายออกมา
หากไม่ใช่ไม่เหมาะแก่เวลา หลินสวินอยากจะตัดออกมาลิ้มลองสักชิ้นจริงๆ
‘เจ้าหมอนี่มีฤทธิ์เดช ทั้งมีสติปัญญา มีชีวิตมาไม่รู้นานแค่ไหนแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะรู้ความลับของเขาพยับครามบางอย่าง อย่ารีบเอามันไปทำยาเลย…’
เขาครุ่นคิดไปพลางเรียกจิตรับรู้กลับมา แล้วเก็บเจดีย์สมบัติไร้อักษร
ตอนนี้บริเวณที่เขายืนอยู่คือจุดสูงสุดของต้นโคมสำริดมรรคโบราณ กิ่งก้านสูงเทียมเมฆ เมฆหมอกสีม่วงโอบล้อม ใกล้กันนั้นว่างเปล่าไร้คน
เบื้องล่างยังมีเสียงต่อสู้ห้ำหั่นดุเดือดแว่วมา เหล่าผู้แข็งแกร่งกำลังช่วงชิงศุภโชคต่างๆ กัน สังหารนองเลือดถึงที่สุด มีผู้แข็งแกร่งสิ้นชีพไปไม่ว่างเว้น
น่าหดหู่เกินไปแล้ว!
คนที่สามารถเหยียบย่างบนต้นโคมสำริดมรรคโบราณล้วนเป็นบุคคลระดับผู้กล้าชั้นยอดในหมู่คนรุ่นเยาว์ ทุกครั้งที่สูญเสียคนหนึ่งไป สำหรับสำนักแห่งหนึ่งแล้วก็ไม่ต่างกับถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงครั้งหนึ่ง
แต่ตอนนี้เพื่อช่วงชิงศุภโชค ใครก็ไม่สนใจสิ่งเหล่านี้แล้ว ประหัดประหารจนชีวิตหาไม่
นี่ก็คือการช่วงชิงมหามรรค ศุภโชคที่ว่าก็มักจะมาพร้อมกับการนองเลือดและเคราะห์สังหาร!
โครม!
ฉับพลัน ท่ามกลางหมอกสีม่วงไกลออกไปก็มีเสียงฆ่าฟันดุเดือดดังขึ้น
จิตรับรู้หลินสวินแผ่ออกไป ชั่วพริบตาก็สังเกตเห็นว่าเป็นการประลองระหว่างมู่เจี้ยนถิงกับเหลยเชียนจวิน ผู้โดดเด่นแห่งยุคสองคน
พวกเขากำลังช่วงชิงม้วนหนังสัตว์ม้วนหนึ่ง สิ่งนี้เปล่งรัศมีเทพสีเขียวแผ่วพลิ้ว ร่ายรำในห้วงอากาศ ท่ามกลางความคลุมเครือ มีเสียงธรรมระลอกแล้วระลอกเล่าดังลั่นจนคนหูหนวกยังได้ยิน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่ต้องเป็นมรดกเก่าแก่ที่ลี้ลับไม่อาจหยั่งถึงได้ชิ้นหนึ่ง!
มิน่าเล่าถึงได้ดึงดูดให้เกิดการช่วงชิงระหว่างมู่เจี้ยนถิงกับเหลยเชียนจวิน ขนาดหลินสวินยังออกจะใจเต้นด้วยความตื่นเต้น
ทั้งเสียงธรรมเลื่อนลอย ทั้งรัศมีเทพลอยละล่อง มรดกที่จดบันทึกไว้ในม้วนหนังสัตว์ม้วนนี้ เพียงคิดก็รู้ว่าไม่ธรรมดาขนาดไหน
เพียงแต่ในที่สุดหลินสวินก็อดทนไว้ ไม่ได้ไปช่วงชิง
เขากับสองคนนี้ไม่ได้ผิดใจหรือแค้นเคืองกัน อีกทั้งบนต้นโคมสำริดมรรคโบราณนี้ยังมีศุภโชคชิ้นอื่นอีก ไม่คุ้มค่าที่จะยื่นมือไปร่วมด้วย
หลินสวินตัดสินใจว่าจะไปดูที่อื่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์