หลินสวินไม่ทันตั้งตัว แม้อาศัยก้าวย่างชือน้ำแข็งหลีกหลบหวุดหวิด แต่ยังถูกกวาดโดนไหล่ โลหิตแดงสดสาดกระจาย
เขาถึงเห็นว่าคู่ต่อสู้คือซางเจี่ย ทั่วร่างอีกฝ่ายจิตต่อสู้เร้าระทึก มือถือทวนสุวรรณเล่มหนึ่ง ข่มขู่ผู้คนดุจเทพสงคราม
เล่าลือว่าซางเจี่ยพรสวรรค์โดดเด่นแต่กำเนิด กลางฝ่ามือมีลายมรรคสีทองปริศนา ทวนสุวรรณในมือก็วิวัฒน์จากลายมรรคนี้ เป็นที่เลื่องลือว่าไม่มีสิ่งใดทำลายไม่ได้ เฉียบคมหาใดเปรียบ
การประลองกับอวี่หลิงคงก่อนหน้า ซางเจี่ยก็แสดงศักยภาพไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขากลับหันปลายทวนจ่อหลินสวิน
“หาเรื่องรึ” นัยน์ตาหลินสวินวาบไอสังหาร เจ้าหมอนี่จู่โจมกะทันหันจนไหล่ตนปอกเปิก ทำให้เขาบันดาลโทสะ
“หากเป็นไปดังคาด หลังเทศกาลโคมกถามรรคสิ้นสุด เผ่าข้าจะไปสู่ขอกับเผ่าหงส์เขียวให้ชิงเหลียนเอ๋อร์มาเป็นภรรยาข้า ตอนนี้สังหารเจ้าแล้วก็สามารถนำมาเป็นสินสอด แสดงความจริงใจของข้าได้”
คำตอบของซางเจี่ยง่ายดายนัก เฉยชาและอำมหิต
“ที่แท้เพื่อชิงเหลียนเอ๋อร์” หลินสวินกล่าวกับตนเอง
ไม่ช้าทั้งสองก็รบพุ่งเปิดฉากต่อสู้
ตูม!
การต่อสู้ดุเดือดเริ่มขึ้น ทว่าผ่านไปไม่นานซางเจี่ยก็หลั่งโลหิต ถูกดาบหักเฉือนบ่า ตัดแขนเขาข้างหนึ่งเกือบขาด
ทว่าชั่วพริบตาอาการบาดเจ็บของซางเจี่ยก็ฟื้นคืนดังเดิม แสดงพลังฟื้นฟูอันน่าพรั่นพรึงหาใดเปรียบ
แววตาหลินสวินลุ่มลึกเยียบเย็น ตระหนักได้ว่านี่คือคู่ต่อสู้ที่ถูกประเมินต่ำเกินไป ความแกร่งของพลังเทียบกับพวกมู่เจี้ยนถิง จงหลีอู๋จี้ ซาหลิวฉานแล้วมีแต่จะเหนือกว่า
“หากเจ้ามีฝีมือเพียงเท่านี้ ประเดี๋ยวก็ฆ่าเจ้าได้แน่!”
ซางเจี่ยไม่สู้ต่อ เลือกที่จะถอย ปีนป่ายสู่ยอดแท่นมรรคจากอีกฝั่ง เขารู้ดีว่าไม่อาจสังหารหลินสวินในเวลาอันสั้น ด้วยเหตุนี้จึงไม่คิดถูกรั้งอยู่ที่นี่
“บ้าระห่ำเสียจริง…” แววตาหลินสวินเยียบเย็น สะกดข่มความวู่วามอยากไล่ล่า อีกฝ่ายไม่คิดเซ้าซี้ เขาก็ไม่อยากถูกถ่วงเวลาเช่นกัน
ศุภโชคอันดับหนึ่งอยู่บนยอดแท่นมรรค เปรียบเทียบกันแล้วเรื่องอื่นล้วนเป็นเรื่องเล็ก
ไม่นานนักหลินสวินก็พบ ‘คนคุ้นเคย’ อีกคน…
มู่เจี้ยนถิง!
เมื่อเห็นหลินสวินเข้ามาใกล้ มู่เจี้ยนถิงพลันหน้าเปลี่ยนสี ไม่รอหลินสวินลงมือก็ถอยหลีกห่างไกล
เห็นชัดว่าการปราชัยในมือหลินสวินครั้งก่อนทำให้เขาเกิดเงามืด หวาดกลัวหาใดเปรียบ ไม่กล้าเผชิญหน้าหลินสวินสักนิด
หลินสวินไม่ใส่ใจผู้พ่ายแพ้คนนี้ มุ่งหน้าต่อไป
นี่คือเส้นทางโลหิตสู่ศุภโชคอันดับหนึ่งโดยไม่ต้องสงสัย บุคคลแห่งยุคทั้งหมดกำลังเข่นฆ่าโรมรัน เปิดฉากศึกนองเลือด
ระหว่างทางแม้แต่ตัวหลินสวินยังเปื้อนโลหิตอย่างไม่อาจเลี่ยง แค่คิดก็รู้ว่าการต่อสู้บ้าระห่ำระดับใด
สุดท้ายหลินสวินก็ก้าวสู่เบื้องบน แต่แรงกดดันกลับมากขึ้น เพราะแทบจะในเวลาเดียวกัน เหล่าบุคคลแห่งยุคอย่างอวี่หลิงคง จี้ซิงเหยา ซางเจี่ย ซื่ออวิ๋นก็ทยอยมาถึง
แต่เมื่อถึงยอดแท่นมรรคเข้าจริง ความขัดแย้งกลับยุติลงชั่วคราว ต่างฝ่ายต่างรีบคุมเชิง ระมัดระวังตัว
โต๊ะเก่าแก่ตั้งอยู่ใจกลาง วางระฆังสำริดไว้ด้านบน ประทับลายมหามรรคแน่นขนัด แสงเขียวเจิดจรัสไหลเวียน
นี่ก็คือศุภโชคอันดับหนึ่ง มีแรงดึงดูดที่ทำให้ผู้ฝึกปราณคนใดในโลกหล้าต่างไม่อาจต้านทาน
แต่เช่นเดียวกัน หากหมายช่วงชิงศุภโชค ก็ต้องเผชิญกับอันตรายถึงชีวิต
แทบทุกคนต่างรู้ดี ใครกล้าพุ่งออกไปเป็นคนแรก ต้องตกเป็นเป้าถูกผู้แข็งแกร่งอื่นรุมโจมตี!
ดังนั้นจึงไม่มีคนกล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
“ข้ามีข้อเสนอ สังหารหลินสวินก่อน จากนั้นพวกเราค่อยแข่งชิงระฆังสำริด ทุกท่านเห็นว่าเป็นอย่างไร”
ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด อวี่หลิงคงเอ่ยปาก กวาดมองเหล่าผู้กล้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย สุดท้ายจึงมองไปยังหลินสวิน
เพียงชั่วขณะสายตาบุคคลแห่งยุคอย่างมู่เจี้ยนถิง ซางเจี่ย หลี่ชิงฮวนต่างเปลี่ยนเป็นลุ่มลึก คล้ายเห็นด้วยอยู่บ้าง
“แน่นอนว่าพวกเราไม่คัดค้าน”
เวลานี้นอกจากอวี่หลิงคง ยังมีผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะสามคนรวมไป๋หลิงซีอยู่ด้วย เมื่อได้ยินข้อเสนอของอวี่หลิงคง สองคนในนั้นก็รับคำโดยไม่ลังเล
ส่วนไป๋หลิงซีกลับเม้มริมฝีปากแดงอวบอิ่มไม่เอื้อนเอ่ย ดวงหน้างามประณีตผุดผ่องคล้ายนิ่งสงบ แท้จริงภายในใจกลับวิตกกังวลอย่างที่สุด
นางนึกไม่ถึงว่าทันทีที่ขึ้นสู่แท่นมรรค อวี่หลิงคงก็ชิงหาเรื่องหลินสวิน ซ้ำยังคิดร่วมมือกับคนอื่นมาจัดการหลินสวิน!
และยังมีบางคนที่เงียบสนิท เฉกเช่นพวกจี้ซิงเหยา ลั่วเจีย ซื่ออวิ๋น
แต่ไม่ว่าอย่างไร เพราะประโยคเดียวของอวี่หลิงคง เพียงชั่วขณะก็ผลักหลินสวินมาถึงปากเหว สถานการณ์อันตรายยิ่ง
“ผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะมีน้ำยาแค่นี้หรือ สังหารข้าหลินสวินคนเดียวยังต้องยืมมือคนอื่น ดูท่าเจ้าอวี่หลิงคงก็ไม่เท่าไหร่”
หลินสวินยิ้มเยาะ นัยน์ตาดำขลับล้ำลึกเยียบเย็น
“ไร้เดียงสา! ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าถ่วงเวลาชิงศุภโชคของทุกคนก็เท่านั้น” อวี่หลิงคงสวมชุดหยกทั้งตัว ผมดำแผ่สยาย แววตาเย็นชาไร้ปรานี
“ไร้สาระ หากไม่ใช่ว่าเจ้าอวี่หลิงคงเกรงกลัว ยังต้องเสนอความคิดไร้ยางอายเช่นนี้ออกมาด้วยหรือ” หลินสวินไม่ปกปิดการดูแคลนของตนแม้แต่น้อย
ทั้งสองต่างฝ่ายต่างคุมเชิง สุดท้ายก็ปะทะกัน!
คนหนึ่งคือเอกบุคคลรุ่นเยาว์แห่งแดนพิสุทธิ์อมตะในแดนกาฬทักษิณ ชื่อเสียงเลื่องลืออยู่ก่อนแล้ว รากฐาน พลังต่อสู้ ฝีมือ ล้วนเรียกได้ว่าเหนือยุคสมัย ข่มคนรุ่นเดียวกันจนโงหัวไม่ขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์