ด้านหนึ่งของน้ำตกในหุบเขา หลินสวินนั่งขัดสมาธิ พลังขับเคลื่อนรอบกายดังโครมคราม ตัวเขาอาบชโลมท่ามกลางรัศมีกระจ่างราวภาพนิมิต
สำหรับหลินสวินแล้ว เรียกได้ว่าได้รับประโยชน์มากมายจากเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้
ก่อนอื่นก็ได้เรียนรู้วิชามรรคชั้นเลิศอย่างวิชามรรคธารดาราหลอมเพลิง ได้หยั่งรู้มหามรรคแห่งไฟ จากนั้นก็ได้ทะลวงขีดจำกัดในเขตขีดจำกัด ได้รับขวดมหามรรคไร้ขอบเขตอีกด้วย
เหนือทะเลปรวนแปร เขาก็บรรลุระดับกระบวนแปรจุติขั้นกลาง…
ในด่านจุดโคมวิญญาณ จิตวิญญาณทะลวงระดับ เข้าสู่ระดับดอกเทพรวมยอด…
ในป่าศิลาแจ้งมรรค พบเจอความเร้นลับในชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิน ครอบครองมรรคดับดารากลืนกินที่หาได้ยากนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน
ก่อนหน้าแท่นมรรค ได้ฟังเสียงแห่งธรรมมหามรรค พิสูจน์มกุฎมรรคานานาชนิดทั้งในอดีตและปัจจุบัน ทำความเข้าใจและเปรียบเทียบ จัดระเบียบและเติมเต็มมรรคาของตนเอง รู้แจ้งถึงแก่นแท้ของ ‘ไตรวิถีมกุฎ’…
กระทั่งเหยียบย่างลงบนยอดแท่นมรรค ประลองกับอวี่หลิงคง ผ่านการประหัตประหารนองเลือดอันยากเข็ญและอันตรายครั้งหนึ่ง ก็ทำให้หลินสวินหยั่งรู้มากมายในระหว่างต่อสู้
สิ่งที่ได้รับและหยั่งรู้ทั้งหมดนี้ ย่อมเรียกได้ว่าเป็นมหาศุภโชคที่หายากไร้สิ่งใดเทียบเทียมครั้งหนึ่ง แม้จะช่วงชิงระฆังมหามรรคไร้กฎใบนั้นมาครองไม่ได้ เขาก็ไม่เสียใจแต่อย่างใด
‘รอเมื่อข้าแปรสภาพการหยั่งรู้และสิ่งที่ได้รับเหล่านี้เป็นของตนโดยสมบูรณ์ ย่อมสามารถไปถึงขั้นสมบูรณ์สูงสุดของระดับกระบวนแปรจุติแน่!’
ในใจหลินสวินบังเกิดความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า
เมื่อเวลานั้นมาถึง ก็หมายความว่าเขาได้เหยียบย่างลงบนจุดสูงสุดแห่ง ‘ระดับพลังปราณทั้งห้า’ เรียกได้ว่าสมบูรณ์พร้อมห้าระดับ!
และก้าวต่อไป ก็เป็นระดับราชันที่ก้าวล้ำเหนือระดับทั้งห้า!
‘หญิงสาวลึกลับที่อยู่ในห้องโถงมรรคาสวรรค์ผู้นั้นเคยกล่าวไว้ว่า มหาสงครามจะต้องมาเยือนภายในสามปี คิดจะพิสูจน์วิถีแห่งระดับมกุฎราชันที่ไม่เคยมีมาก่อน ต้องทำให้พลังปราณในกายสมบูรณ์ถึงขีดสุดไว้ก่อน…’
‘ขอเพียงไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝัน เวลาก็น่าจะเพียงพอ’
หลินสวินฟื้นฟูอาการบาดเจ็บไปพลาง ใคร่ครวญไตร่ตรองไปพลาง
……
สองชั่วยามผ่านไป
หลินสวินฟื้นขึ้นจากการนั่งสมาธิ อาการบาดเจ็บทั่วกายฟื้นฟูโดยสมบูรณ์ แม้แต่พลังปราณก็พัฒนาขึ้นอย่างมาก พลังเอ่อล้นพรั่งพรูราวเหวดุจนรก
สวบ!
ยามเขาลืมตา ในนัยน์ตาดำฉายแววเย็นเยียบลึกล้ำราวเหวลึก น่าหวาดหวั่นหาใดเทียบ ทำให้ห้วงอากาศใกล้เคียงส่งเสียงหวีดร้องคล้ายรับไว้ไม่ไหว
ไป๋หลิงซีตื่นขึ้นจาการเข้าฌานอยู่ก่อนแล้ว กำลังอาบน้ำแต่งตัวหน้าน้ำตก และเปลี่ยนอาภรณ์สีขาวเปื้อนเลือดทั้งตัวไป
เมื่อสังเกตเห็นว่าหลินสวินฟื้นขึ้นมา ในใจนางก็อดไม่ได้ร้องอุทานออกมา พลังปราณของหมอนี่แข็งแกร่งขึ้นมากนัก เห็นได้ชัดว่าได้รับอะไรมาไม่น้อย
ในขณะเดียวกันหลินสวินก็อึ้งไปเช่นกัน
ไป๋หลิงซีในตอนนี้อยู่ในอาภรณ์ขาวปลอด ไม่แปดเปื้อนฝุ่นธุลีทั้งชุด ใบหน้ากระจ่างใสเพริศพริ้ง ไม่ซีดเผือดเหมือนก่อนหน้านี้
ผมดำขลับเพิ่งสระเสร็จ ยังคงความชื้นเล็กน้อย เกล้าผมเป็นมวยไว้ที่ท้ายทอย ทำให้ตัวนางมีกลิ่นอายแช่มช้าและสดชื่นเพิ่มขึ้นมา
นางยืนอยู่ที่นั่น เงาร่างราวบัวกระจ่างต้นหนึ่ง แขนเสื้อปลิวไสว คิ้วตาราวภาพเขียน งดงามสดใสเหนือธรรมดา
“ทำไมหรือ” ไป๋หลิงซีเดินมา
“ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยค้นพบมาก่อนเลยว่า ที่แท้เจ้าก็งดงามเช่นนี้” หลินสวินยิ้มพลางหยอกเย้า
ไป๋หลิงซีเงียบไป
เนตรดาราของนางกลอกหมุน ริมฝีปากแดงเม้มเบาๆ แล้วพูดว่า “เจ้าอย่าชอบข้าเด็ดขาด หาไม่แล้วเด็กสาวที่ราวเทพคนนั้นจะต้องมองข้าเป็นศัตรูและเพ่งเล็งข้าแน่”
หลินสวินอึ้งงันกว่าจะมีปฏิกิริยากลับมา คนที่นางพูดถึงคือซย่าจื้อ เพียงแต่ ซย่าจื้อคงไม่ได้เป็นขนาดนั้นหรอกกระมัง…
ทั้งสองพูดคุยกันพลาง เคลื่อนกายไปยังที่ไกลออกไป
ระหว่างทางหลินสวินพบอสูรมารในเขาตนหนึ่ง จากการสอบถามถึงได้รู้ว่าที่นี่คือเทือกเขามุกวิญญาณ ตั้งอยู่ที่แถบตะวันตกเฉียงใต้ของแคว้นต้าฉิน ห่างจากตำแหน่งของเขาพยับครามไกลถึงหลายหมื่นลี้
“ตอนนี้เทศกาลโคมกถามรรคคงจบไปนานแล้วกระมัง” ไป๋หลิงซีกล่าว
หลินสวินพยักหน้า เรื่องนี้แน่ใจได้ ปัญหาเพียงอย่างเดียวที่ต้องกังวลก็คือ หลังจากพบว่าตนหายไปแล้ว จะถูกศัตรูหาพบหรือไม่
อย่างขุมอำนาจสำนักเก่าแก่เหล่านั้น ถ้าคิดจะหาคนสักคนหนึ่งช่างง่ายดายยิ่งนัก เพียงอาศัยกลิ่นอายที่ตนเหลือทิ้งไว้บ้างก็ทำให้พวกเขาตามหาได้
หือ?
ในตอนที่หลินสวินเพิ่งคิดถึงตรงนี้ พลันสังเกตเห็นความผิดปกติได้เสี้ยวหนึ่ง
ภายใต้จิตรับรู้ที่ปกคลุมของของเขา เหนือห้วงอากาศไกลลิบกำลังมีเงาร่างกลุ่มหนึ่งใช้รุ้งเทพเคลื่อนที่มา
ความเร็วของพวกเขาไม่ได้รวดเร็ว ตลอดทางเหมือนกำลังเสาะหาอะไรบางอย่าง ลาดตระเวนอยู่เหนือหมู่เขา
“เป็นพวกเขา!”
ดวงตาสีดำของหลินสวินหรี่ลง หลังจากพลังจิตวิญญาณของเขาบรรลุระดับดอกเทพรวมยอด ก็แปรเปลี่ยนเป็นมหัศจรรย์ยิ่งขึ้น แม้ว่าจะห่างกันไกล แต่ก็ยังมองเห็นได้ชัดเจนดังเดิมว่าเงาร่างเหล่านั้นมี ‘คนคุ้นเคยเก่าๆ’ อยู่สองสามคน
เซี่ยอวี้ถัง จั๋วขวงหลัน… ทั้งยังมีชิงเหลียนเอ๋อร์!
ส่วนข้างกายพวกเขาก็มีผู้ยิ่งใหญ่กลิ่นอายแก่กล้าถึงที่สุดตามมาติดๆ ทั้งคชสารมังกรหยกดำ หงส์เขียว สิงห์อสนีหยกขาว…
น่าตื่นตระหนกนัก!
“ถูกเจ้าอันธพาลเฒ่านั่นทายถูกจริงๆ ด้วย”
หลินสวินไม่ได้ลังเล ลากตัวไป๋หลิงซีพลางสำแดงวิชาไอซวนหนีกำบังกายพวกเขา หายลับไปจากที่เดิมในทันใด
……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์