Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 953

ตอนที่ 953 ผู้บำเพ็ญข้ามทุกข์
ดอกบัวสีดำโอบล้อมด้วยพยับหมอกที่เหมือนภาพฝันมายา ลอยล่องอยู่บนแม่น้ำพรมแดนอันเงียบสงบ ภิกษุจีวรดำทั้งคณะสีหน้าเคร่งขรึม หว่างคิ้วเจือความยะเยือกเย็นและราบเรียบอันเป็นเอกลักษณ์

ภาพนี้ประหลาดยิ่ง พาให้ในใจผู้คนขนลุกขนพองเมื่อได้พบเห็น

ยามที่มาถึงเบื้องหน้าวังน้ำวนขนาดใหญ่แห่งนั้น ภิกษุจีวรดำรูปหนึ่งเดินออกมา ริมฝีปากร่ายเสียงธรรมคลุมเครือเสียงหนึ่ง

ตูม!

บาตรสีดำใบหนึ่งลอยแหวกอากาศ สาดส่องแสงรัศมีสีดำสนิทมหาศาล วิวัฒน์กลายเป็นเงามายาภิกษุสายแล้วสายเล่า นั่งเป็นกองกำลังหลักอยู่กลางเวิ้งอากาศทั่วสารทิศ

ในระยะไกลลิบยังแว่วเสียงสวดโบราณดังก้องเสียงแล้วเสียงเล่า

ทันใดนั้นกระแสน้ำวนที่แต่เดิมยังหมุนช้าๆ พลันหยุดกึก ไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้น ประหนึ่งถูกกักขังก็ไม่ปาน

“‘อาลยบาตร’ ของอารามกษิติครรภ์! เป็นพวกเขาจริงๆ ด้วย…” แม่นางเยวี่ยอึ้งงัน บนดวงหน้านวลใสอึมครึมไม่แน่วนิ่ง สามารถจินตนาการได้ว่าสภาพอารมณ์ภายในใจนางต้องไม่สงบอย่างแน่นอน

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ภิกษุจีวรดำลึกลับคณะนั้นก็อันตรธานหายเข้าไปในกระแสน้ำวนแอ่งนั้น

“พวกเขาเป็นใครกัน” หลินสวินอดถามไม่ได้

เวลานี้เขาปลดไอซวนหนีเรียบร้อยแล้ว เงาร่างกลุ่มคนและยานสมบัติต่างปรากฏขึ้นมา

“พวกเขาไม่ใช่ธรรมดา ทุกครั้งที่ปรากฏตัวจะต้องมีการเข่นฆ่านองเลือดตามมาด้วย!”

แม่นางเยวี่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ เอ่ยความลับที่ปกปิดโลกโลกีย์ออกมา

……

แดนไร้ชีวิต คือแดนพิสุทธิ์บำเพ็ญธรรมแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงสูงสุดในยุคบรรพกาล ในนั้นเป็นที่ตั้งของขุมอำนาจบำเพ็ญธรรมที่ไม่เหมือนใครในโลก มีนามว่าอารามกษิติครรภ์

อารามกษิติครรภ์แตกต่างจากขุมอำนาจบำเพ็ญธรรมในโลก เก่าแก่และลึกลับเป็นที่สุด

ภิกษุที่มาจากอารามกษิติครรภ์ต่างนุ่งห่มจีวรสีดำ นับลูกประคำสีดำ ถือตำราหยกสีดำ นั่งบนเบาะรองนั่งดอกบัวสีดำ หยั่งรู้วิถีแห่งกษิติครรภ์!

ในช่วงบรรพกาล ผู้มากความสามารถระดับโพธิสัตว์รูปหนึ่งแห่งอารามกษิติครรภ์เคยลั่นปณิธานสูงสุดว่า ‘อาตมาไม่ตกนรก ผู้ใดจักตกนรก’ สะเทือนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดินในคราเดียว พาให้อริยะมากมายในใต้หล้าต่างสะท้านไหว

ในเวลานั้น ผู้บำเพ็ญธรรมที่มาจากอารามกษิติครรภ์มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ‘ผู้บำเพ็ญข้ามทุกข์’

เพราะเมื่อใดก็ตามที่จะเกิดมหันตภัยหรือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นกลางฟ้าดิน เงาร่างของพวกเขาก็จะปรากฏสู่โลก!

และใต้หล้าต่างรู้กันโดยปริยายว่า เมื่อใดก็ตามที่พบเห็นผู้สืบทอดอารามกษิติครรภ์ปรากฏตัวขึ้น นั่นย่อมมีนัยว่ามหันตภัยและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กำลังจะหอบม้วนโลก

เมื่อแม่นางเยวี่ยพูดถึงตรงนี้ก็อดถอนหายใจหนึ่งคราไม่ได้ “สรุปแล้ว อารามกษิติครรภ์แห่งนี้ลึกลับยิ่ง นับตั้งแต่ดินแดนรกร้างโบราณถูกทำลายแตกแยกกลายเป็นสี่แดนวิภูเป็นต้นมา ผู้สืบทอดที่นั่นก็ไม่เคยปรากฏตัวบนโลกอีกเลย ผู้คนมากมายต่างสงสัยว่าพวกเขามอดม้วยในธารแห่งกาลเวลาไปนานแล้ว”

“ไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากเวลาล่วงเลยมานานแสนนาน ผู้สืบทอดอารามกษิติครรภ์จะปรากฏตัวอีกครั้งในยามที่มหายุคใกล้มาเยือน…”

“นี่ไม่ใช่หมายความว่ามหายุคซึ่งไม่เคยมีมาก่อนที่กำลังจะมาเยือน จะมีภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนปรากฏขึ้นหรอกหรือ” ลั่วเจียกล่าวด้วยความตกอกตกใจ

“เป็นเช่นนั้นแหละ”

แม่นางเยวี่ยพยักหน้า เดิมทีนี่ก็เป็นเรื่องที่สามารถคาดเดาได้อยู่แล้ว สิ่งที่ทำให้นางแปลกใจคือ ขุมอำนาจบำเพ็ญธรรมอันลึกลับอย่างอารามกษิติครรภ์ถึงกับยังมีตัวตนอยู่!

นี่เป็นถึงข่าวใหญ่อย่างหนึ่งเชียว หากถูกสำนักโบราณในปัจจุบันพวกนั้นรู้เข้าจะต้องนั่งไม่ติดเป็นแน่!

เหตุผลนั้นแสนง่าย ผู้สืบทอดอารามกษิติครรภ์ถือเอาการ ‘ข้ามทุกข์’ เป็นหน้าที่ของตน ไม่ว่าบุคคลใดก็ตามที่ถูกพวกเขามองว่าเป็นจอมมารนอกรีต ล้วนถูกพวกเขา ‘โปรดสัตว์’ ทิ้งทั้งสิ้น!

พวกเขาไม่สนว่าเจ้าเป็นใคร และไม่สนว่าเจ้าเป็นผู้สืบทอดของขุมอำนาจใด ขอเพียงถูกพวกเขาหมายหัว นั่นก็เท่ากับรอการ ‘โปรดสัตว์’ ได้เลย

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือเบื้องลึกเบื้องหลังอารามกษิติครรภ์นั้นน่าหวาดกลัวสุดขั้ว ไม่หวาดเกรงขุมอำนาจใดในโลกสักนิด แม้ว่าจะตายในสนามรบ พวกเขาก็จะ ‘โปรดสัตว์’ บุคคลที่ถูกพวกเขามองว่าเป็นพวก ‘นอกรีต’ ต่อไปไม่ขาดสาย

ในยุคบรรพกาล ไม่รู้ว่ามีศิษย์ของขุมกำลังใหญ่ถูกผู้สืบทอดอารามกษิติครรภ์หมายหัว โปรดสัตว์ ‘ทั้งเป็น’ ไปตั้งเท่าไร

ขนาดบุคคลน่าสะพรึงที่เหยียบย่างระดับอริยะบางส่วนก็ยังเคยถูกกษิติครรภ์โพธิสัตว์ผู้นั้นโปรดสัตว์ แค่คิดก็รู้ว่าขุมกำลังนี้วิปริตขนาดไหน

“ไร้ชีวิตไร้กลัวเกรง ไร้อัตตาไร้หวาดหวั่น กษิติครรภ์เคลื่อนไหว ถือข้ามทุกข์เป็นหน้าที่ ไม่ตกนรก ผู้ใดจะตกนรก” แม่นางเยวี่ยพึมพำ

ต่อให้หลินสวินความรู้สึกช้าเพียงใด ก็ยังสัมผัสได้ว่าแม่นางเยวี่ยคล้ายจะมีความกริ่งเกรงต่ออารามกษิติครรภ์แห่งนี้อย่างที่สุด

“เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าอารามกษิติครรภ์แห่งนี้ชั่วร้ายยิ่ง หากเป็นตามที่เจ้าพูด ก็เห็นชัดๆ ว่าพวกเขาเป็นพวกดึงดันบ้าคลั่งที่ยกข้ออ้าง ‘ข้ามทุกข์’ บังหน้ามาข่มเหง” หลินสวินพูดติดตลก

“ท่านอย่าพูดเล่นเช่นนี้เด็ดขาดเชียว หากถูกพวกเขาหมายหัว เทพมารหลินอย่างท่านก็กลัวแต่จะถูกพวกเขาไล่โปรดสัตว์เท่านั้นแล้ว” แม่นางเยวี่ยกล่าวอย่างจริงจัง

หลินสวินหัวเราะ “หากพวกเขาไม่มีเหตุผลเช่นนี้จริงๆ ข้าก็ชิงโปรดสัตว์พวกเขาไปลงนรกก่อนก็สิ้นเรื่อง”

แม่นางเยวี่ยอดยิ้มไม่ได้ นางนับถือความกล้าเช่นนี้ของหลินสวินทีเดียว

“กล่าวเช่นนี้ หงส์ดำเลือดทมิฬตัวนั้นที่ถูกผนึกอยู่ที่นี่ ปีนั้นก็ถูกอริยะบำเพ็ญธรรมในอารามกษิติครรภ์สังหารด้วยหรือ” ลั่วเจียหัวใจรัดเกร็ง

“เป็นเช่นนั้นแน่”

แม่นางเยวี่ยพูดถึงตรงนี้สีหน้าก็เปลี่ยนไปน้อยๆ กล่าวว่า “พวกเราก็ต้องเคลื่อนไหวโดยเร็ว ผู้สืบทอดอารามกษิติครรภ์เหล่านั้นจะต้องมีจุดประสงค์เดียวกับพวกเราแน่!”

วู้ม!

เพิ่งสิ้นเสียง ลั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที

นางเรียกกระบี่เล่มหนึ่งออกมา สว่างเจิดจ้าปลดปล่อยวงรัศมีดวงทิวา ระยิบระยับพร่าตา ตัวกระบี่ยาวสามฉื่อ แต่กลับพาให้ผู้คนรู้สึกถึงอานุภาพล้นหลาม เบื้องบนเทียมเก้าสวรรค์ เบื้องล่างจรดใต้พิภพ

กลิ่นอายอริยะสูงสุดที่ไม่อาจอธิบายสายหนึ่งแผ่กว้างออกมา พาให้ห้วงอากาศแถบนี้ต่างกรีดร้องโหยหวน เสมือนกำลังร้องสวามิภักดิ์

กระบี่ยอดนภาเบิกมาร!

กระบี่คู่กายหลิงเจวี๋ยคง อริยะกระบี่ปรกอุดมอาจารย์ของลั่วเจีย เป็นกระบี่อริยมรรคที่ทรงอานุภาพสั่นฟ้าคลอนดินเล่มหนึ่ง!

ฉัวะ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์