หลายวันต่อมาหลินสวินสังเกตเห็นจุดนี้ได้อย่างแจ่มแจ้ง
หลังข้ามทะเลทรายหลอมมรณาคือทุ่งหญ้ารกร้างที่มีหนองบึงกระจายตัว
หมอกควันชื้นแฉะปกคลุมฟ้าดิน
หลินสวินท่องทะยานอยู่ในนั้น
ยามนี้เขากลายร่างเป็นชายหนุ่มดุดันคนหนึ่ง สวมชุดนักพรตน้ำค้างดาราของผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์
เจ้าของร่างนี้นามซินชิว ผู้สืบทอดสายในของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ มีปราณระดับกระบวนแปรจุติ เชี่ยวชาญวิชาสะกดรอย
บทบาทที่เขาสวมครานี้น่าจะเป็น ‘หน่วยสอดแนม’ ก่อนหน้าไม่นานเคยเข้าประชิดหลินสวินอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง ทั้งวางแผนส่งสัญญาณเรียกพวกพ้องมาจับหลินสวินด้วยกัน
น่าเสียดาย เขาประเมินความแข็งแกร่งด้านพลังจิตวิญญาณของหลินสวินต่ำไป ถูกหลินสวินที่สังเกตเห็นนานแล้วชิงปลิดชีพก่อนก้าวหนึ่ง
จากนั้นหลินสวินชิงเสื้อผ้าและป้ายคำสั่งของเขา เดินป้อกรีดกรายจำแลงร่างเป็นคนผู้นี้
หลุมบึงเปี่ยมไอพิษร้ายแรง หมอกขมุกขมัวปกคลุมฟ้าดิน
หลินสวินมุ่งหน้าพลางใช้จิตรับรู้สัมผัสภายในเจดีย์สมบัติไร้อักษร
ธนูวิญญาณไร้แก่นสารแผ่คลื่นคลุมเครือซ่อนเร้นข่มลูกศรน้ำเงินเข้มดอกหนึ่ง ทำให้มันไม่อาจขยับ
หลินสวินอดพิศวงในใจไม่ได้ ศรน้ำเงินเข้มดอกนี้มาจากมือสิงอี่เทียน
ตอนนั้นขณะประลองกับสิงอี่เทียนบุคคลแห่งยุคเผ่าปีกอสนีที่ก้นทะเลสาบหาดดาราขจรนั่น ศรนี้เคยระเบิดแสนยานุภาพน่าสะพรึงในมือสิงอี่เทียน
หากไม่ใช่อาศัยพลังของธนูวิญญาณไร้แก่นสาร หลินสวินก็คงไม่อาจเก็บมันมาได้
แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ศรน้ำเงินเข้มนี่ก็ถูกธนูวิญญาณไร้แก่นสารกำราบจนวันนี้ถึงไม่ดิ้นรนอีก เหมือนยอมจำนนแล้ว
เวลานี้เองหลินสวินจึงเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของศรนี้อย่างชัดเจนในที่สุด
มันยาวประมาณสองฉื่อ เล็กบางดั่งตะเกียบไผ่ สีน้ำเงินเข้มถ้วนทั่ว แวววาวโปร่งแสงดุจตีหลอมขึ้นมาจากหินหยกน้ำเงินบริสุทธิ์
ปลายศรดั่งจันทร์เสี้ยว บนนั้นสลักลายมรรคบิดเบี้ยวแปลกประหลาดแน่นขนัด ส่วนปลายควบรวมเป็นเจตจำนงฮึกเหิมทิ่มแทงคน
ที่ทำหลินสวินไหวหวั่นอย่างแท้จริงคือ ส่วนปลายลูกศรสลักอักษรบรรพกาลสองคำ แม้ตัวอักษรสึกกร่อนจนเลือนรางและพร่ามัวยิ่ง แต่กลับยังสามารถมองออกได้ว่า…
‘นิรันดร์!’
‘ที่แท้คือศรนี่!’
หลินสวินนึกออกทันใด ตอนที่อยู่ในสมรภูมิกระหายเลือดของจักรวรรดิจื่อเย่า ราชินีกระหายเลือดจ้าวซิงเย่เคยเอ่ยชื่อศรนี้
สมัยบรรพกาล เผ่าต้าอี้ครองศรเทพเก้าดอกที่ทำให้ใต้หล้าอกสั่นขวัญแขวน แบ่งออกเป็นนภาคราม ยมโลก อมฤตาลัย นิรันดร์ เขี้ยวลำนำ แสงโชค เสี้ยวปีก อธิจิต ไร้พ่าย!
ศรเทพแต่ละดอกต่างอัศจรรย์คนละแบบ ครองอานุภาพชวนประหวั่นเหนือจินตนาการ
อานุภาพของศรนภาครามหลินสวินรู้อยู่ก่อนแล้ว ปัจจุบันถูกเขาเก็บอยู่ในเจดีย์สมบัติไร้อักษร
แม้ศรนภาครามนี้เสียหายรุนแรง แต่กลับเคยประสานกับธนูวิญญาณไร้แก่นสาร และถูกจ้าวซิงเย่ใช้บุกสังหารสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันหลายคน
และตอนนี้ตามการวินิจฉัยของหลินสวิน ศรนิรันดร์นี้คงไม่ด้อยไปกว่าศรนภาครามแน่ ทั้งยังมีความอัศจรรย์อื่น พลานุภาพเกินคาดเดา
ถึงอย่างไรแม้แต่ธนูวิญญาณไร้แก่นสารยังต้องรอจนถึงวันนี้จึงจะกำราบศรนี่ลงได้ แค่คิดก็รู้ว่ามันไม่ธรรมดาระดับใด
‘แม่ทัพจ้าวซิงเย่เคยกล่าวว่าศรเทพทั้งเก้าของเผ่าต้าอี้คือยอดสมบัติไร้เทียมทาน เล่าลือกันว่าหากสามารถนำเก้าศรรวมเป็นหนึ่งจะค้นพบศุภโชคชั้นยอดที่เกี่ยวพันกับวิถีธนู ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ…’
หลังสังเกตศรนิรันดร์น้ำเงินเข้มที่ราวกับหล่อขึ้นจากหินหยกน้ำเงินเสร็จ ในใจหลินสวินเกิดความฮึกเหิม อยากใช้ธนูวิญญาณไร้แก่นสารลองศรนี่ว่ามีอานุภาพระดับใด
‘หืม?’
ทันใดนั้นหลินสวินก็หยุดความคิด เก็บจิตรับรู้ สังเกตเห็นว่ามีคนเข้ามาใกล้
“ซินชิว ยังไม่พบร่องรอยเป้าหมายหรือ คันฉ่องกักวิญญาณสองลักษณ์เผยว่าปัจจุบันเจ้าเด็กนี่อยู่ในหนองบึงแถบนี้”
ชายกลางคนชุดดำโฉบเข้ามา เงียบเชียบไร้สุ้มเสียงดั่งพญาวิหคถลาร่อน ไม่ก่อเสียงทลายอากาศแม้เพียงเสี้ยว
“ไม่มีขอรับ” หลินสวินผงะในใจวูบหนึ่ง
ชายกลางคนชุดดำนี่คือราชันกึ่งระดับผู้หนึ่ง กลิ่นอายซ่อนคม ดูเหมือนไม่มีพลานุภาพชวนตะลึงเท่าไหร่นัก แต่กลับทำให้หลินสวินสัมผัสถึงกลิ่นอายอันตรายเสี้ยวหนึ่ง
“เด็กนี่เจ้าเล่ห์ดั่งจิ้งจอก นับแต่เมืองเพลิงมรกต ศิษย์ของเราแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ก็ล้มตายด้วยมือเด็กนี่ไม่ต่ำกว่าสิบกว่าคน ภายในนั้นยังมีศิษย์สืบทอดแท้จริงคนหนึ่ง ความเสียหายนี่ไม่น้อยเลย”
ชายกลางคนชุดดำมุ่นคิ้ว สองมือไพล่หลัง หยุดเท้าแผ่วเบาห่างจากหลินสวินสามจั้ง
สามจั้ง เป็นระยะที่ไม่สะดุดตา แต่กลับทำให้หลินสวินต้องข่มกลั้นการเคลื่อนไหว
เพราะเขารู้ดีว่าแม้จู่โจมกะทันหัน ระยะสามจั้งนี้ก็เพียงพอให้อีกฝ่ายตอบสนองทันควัน
ไม่จำเป็นต้องสงสัย นี่คือคู่ต่อสู้ที่ผ่านการกรำศึกมานาน ทรงพลังรอบคอบยิ่งคนหนึ่ง!
“ซินชิว เมื่อวานพี่ชายถามถึงเจ้า” จู่ๆ ชายกลางคนชุดดำเอ่ยปาก สายตามองหลินสวิน “เขายังห่วงความปลอดภัยเจ้า โน้มน้าวข้าให้ส่งเจ้ากลับไป”
หลินสวินชะงักงัน ในใจพลันผุดลางสังหรณ์ไม่ดี หรือตาแก่นี่กำลังหยั่งเชิงตน? ไม่เช่นนั้นเหตุใดถึงกล่าววาจาเช่นนี้ออกมาตอนนี้
ตูม!
เวลานี้เองชายกลางคนชุดดำพลันบุกจู่โจม
เร็วจนน่าเหลือเชื่อ เหมือนเตรียมพร้อมทุกเมื่อนานแล้ว ทั้งตัวราวแสงทมิฬสายหนึ่ง กรงเล็บหนึ่งปกคลุมลงมาที่ศีรษะหลินสวิน
เพราะเป็นการจู่โจมกะทันหันของราชันกึ่งระดับ ซ้ำมีระยะห่างแค่สามจั้ง เปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณอื่นคงไม่ทันได้ตอบสนอง
ทว่าสิ่งนี้ไม่ยากเกินมือหลินสวิน ก็เห็นเงาร่างเขาวูบไหวประหนึ่งชือน้ำแข็งเคลื่อนตัว หลบการโจมตีนี้โดยพลัน
“ฮึ! เป็นเจ้าดังคาด!” ชายชุดดำสีหน้าเยียบเย็น เงาร่างดุจภูตผี พลิกมือฟันผ่าไปทางหลินสวิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์