เถิงธงกวาดสายตามองไปข้างๆด้วยความโกรธจัด และอยากที่จะหาคนที่หลบซ่อนตัวอยู่
และห่างไปสามเมตรนั้น ไม่ได้มีใครอยู่เลยสักคน
ส่วนเถิงจู้และชะนีขาวที่อยู่ในแม่น้ำนั้นต่างก็ตกตึง ก่อนที่จะหันหัวไปมอง
ใครกันในตอนที่อันตรายเช่นนี้นั้น จะมาช่วยพวกเธอกัน?
“ใคร?!อย่ามาทำตัวลับๆล่อๆสิว่ะ หากแน่จริงก็ออกมาสิ!”
เถิงธงเอยด่าออกไปอีกรอบ หลังจากนั้นรอบๆเรือของเขา นอกจากแม่น้ำแล้ว ก็ไม่มีเรือลำไหนสักลำเลย
ที่จะสามารถที่จะมาขัดจังหวะการตีไม้พายลงของ เถิงธง กลับใช้แค่หินก้อนกลมๆเพียงสองอันเท่านั้น
ก่อนที่จะหมุนลงบนเรือ และยังคงหมุนเป็นวงกลมอยู่กับที่
ไม่ว่าจะมองจากทิศทางไหน พวกหินก้อนกลมๆเล็กๆนี้นั้น มองไปแล้วก็ไม่ได้มีอะไรที่พิเศษเลยสักนิด
มองดูแล้ว น่าจะเป็นคนที่มีฝีมือจริงๆ
เถิงธงที่เจ้าเล่ห์เช่นนั้น ได้รีบหันไปหาหญิงชราที่อยู่ด้านข้าง“ยายแก่ เตรียมพร้อมนะ พวกเราเจอยอดฝีมือสะแล้วสิ!”
ภรรยาของเขานั้นพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “พวกเราทั้งสองคนนั้นเก่งจะตาย ไม่เคยกลัวใครมาก่อนนะ!หากแน่จริง ก็รีบออกมาสิว่ะ!”
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพวกเขานั้นจะเอ่ยตะโกนเรียกเช่นไร ที่ด้านข้างนั้นก็ยังคงเงียบสงบ
เถิงธงนั้นแอบตกใจ หรือว่า คนเก่งนั้น เขานั้นอยู่อีกฝั่งไกลกัน?!
เขานั้นใช้สายตากวาดมองไปไกลๆ ที่แท้ สามสิบเมตรนั้น ได้มีเรือเล็กอยู่ ที่กำลังลอยตามแม่น้ำมา
ที่หัวเรือนั้น ได้มีชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง ที่ยื่นมือมาทางนี้
สีหน้าของชายหนุ่มนั้นนิ่งสงบ อยู่ในสภาวะสบายๆ มองไปแล้วดูเหมือนแค่แขกที่มาท่องเที่ยวกันนะ
อีกทั้งยังหนุ่มขนาดนี้ คงจะไม่ใช่ปรมาจารย์ที่ไหนหรอก
ที่ยิ่งกว่านั้นคือ เรือลำนั้นห่างจากเรือของตน มองไปแล้วน่าจะประมาณสามสิบกว่าเมตร
เมื่อก่อนที่ห่างไปประมาณห้าสิบเมตร อย่าเอ่ยถึงชายหนุ่มเลย แม้แต่เถิงธงตนเองนั้น ก็ไม่สามารถทำได้หรอกที่จะใช่หินเล็กๆนั้น มาทำให้ไม้พายนั้นหัก!
เพราะเหตุนี้ เถิงธงนั้นเลยไม่ได้เอาเรือเล็กนี้มาไว้ในสายตา ก่อนที่จะกวาดสายตามองไปทั่วต่อ
แต่มองไปแล้วครึ่งวัน ก็ไม่ได้พบอะไรที่น่าสงสัยเลยแม้แต่น้อย
แต่ว่าเรือลำนั่น ยิ่งผ่านไปเรือก็ยิ่งเข้ามาใกล้ๆ
เถิงธงนั้นไม่อยากที่จะสงสัยในสายตาของเขา และมองไปที่บนร่างกายของชายหนุ่ม ก่อนที่จะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “เมื่อสักครู่หินสองก้อนนั้น เจ้าเป็นคนปาใช่ไหม?”
เรือทั้งสองลำนั้นในที่สุดก็เข้ามาใกล้ๆ ก่อนที่จะชนกันเบาๆ จนทำให้ผิวน้ำนั้นสั่นไหว
เถิงจู้และชะนีขาวนั้นมองไปที่เรือลำนั้น ทันใดนั้นสายตาก็เบิกกว้างทันที
เธอนั้นไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าคนที่ยืนอยู่บนเรือนั้น กลับเป็นฉินเทียน!
เขานั้นไม่ได้กลับไปที่บ้านตระกูลซูเหรอ ทำไมถึงได้นั่งเรือกลับมาล่ะ?
หรือว่าเขานั้นไม่ไว้ใจพวกเธอ เลยตั้งใจจะมาเพื่อปกป้อง?
ภายในใจของเถิงจู้ทันใดนั้นก็รู้สึกดีขึ้นทันใด เหมือนกับได้รับน้ำผึ้งหวานๆ จนลืมไปว่าตนเองนั้นลอยในน้ำอย่างไร้น้ำหนัก
แม้แต่ชะนีขาว ก็ผ่อนคลายลงเหมือนกัน และไม่ต้องกังวลที่จะโดนตีจนแขนหักอีก
และสายตาของพวกเธอนั้น แน่นอนว่าไม่สามารถที่จะหลุดพ้นจากสายตาที่โหดร้ายของเถิงธง
มองดูเจ้าหมอนี่แล้ว น่าจะเป็นคนที่มีฝีมือที่เพิ่งจะลงมือเข้ามานะเนี่ย !
เถิงธงนั้นรีบทำท่าทาง ก่อนที่จะมองไปยังคนที่มา “เจ้านั้นเป็นใครกันแน่?ทำไมจะต้องมายุ่งเรื่องของคนอื่นกันด้วย?”
“หากยังมีสติก็รีบไสหัวออกไปส่ะ หากทำให้ข้าโกรธแล้ว ระวังข้าจะเอาเจ้านั้นโยนลงน้ำให้พวกปลากินนะ!”
ส่วนบนเรือเล็กนั้น ไม่ใช่ใครที่ไหนอื่นใด คือฉินเทียนนั่นเอง
ก่อนที่เขานั้นจะส่งเถิงจู้และชะนีขาวขึ้นเรือ เดิมทีแล้ววางแผนที่จะกลับไปยังที่บ้านตระกูลซู
แต่เมื่อคิดว่าฉีเซิ่งนั้นแทบที่จะรอเอาปิ่นปักผมกระดูกนั่นแทบไม่ไหว แน่นอนว่ามันจะต้องมีอะไรเป็นความลับใหญ่เกี่ยวข้องอยู่แน่ๆ
หากว่าครึ่งทางแล้วโดนตระกูลฉีทำร้าย เถิงจู้และชะนีขาวคงจะตกอยู่ในอันตราย
อีกทั้งรวมกับเรื่องที่เถิงจู้เคยเอ่ยเอาไว้ ว่าสถานที่พวกเขานั้นอาศัยอยู่ นั้นต้องผ่านภูเขาไปตั้งสองลูก
หากไปทางน้ำล่ะก็ ไปและกลับมานั้น อย่างน้อยก็น่าจะใช้เวลาแค่ครึ่งวัน
เพื่อที่หลีกเลี่ยงจากอันตรายเหล่านั้น ฉินเทียนนั้นไปได้ครึ่งทางก็กลับมา และคอยอยู่ที่ด้านหลังของเถิงจู้และชะนีขาว
เพราะว่าไม่ได้มาเรือลำเดียวกัน พวกเขานั้นเลยทำได้แค่พยายามรักษาระยะห่างไว้ประมาณหนึ่งร้อยเมตร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด
บท 656 มีไหน...
จะหาอ่านต่อได้ยังไงครับ...
ตอน 656 ไปไหน...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทต่อแล้วหรอค่ะ...
เลิกเขียนแล้วใช่ไหมครับ...
นิยายเขียนต่อมั้ยครับ...