เสิ่นฉือไม่ค่อยเข้าใจ พี่หนานป่วยอย่างนั้นเหรอ?
ช่วงก่อนหน้านี้เขาพึ่งจะตรวจร่างกายไป และร่างกายของเขาก็แข็งแรงดี
เวินหนี่เป็นภรรยาของเขาดังนั้นหากจะมีปัญหาก็คงจะเป็น…
ขณะที่เสิ่นฉือเดินเข้าไปในห้องทำงานเขาก็ถอนหายใจ และจ้องมองไปที่กางเกงของเย่หนานโจว
เมื่อเย่หนานโจวเห็นสายตาแปลก ๆ ของเขา ก็ขมวดคิ้วขึ้น “ฉันบอกให้นายไปตรวจร่างกายของเวินหนี่ นายมามองฉันทำไม?”
เสิ่นฉือถอนสายตา และยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ไม่มีอะไรครับ เมื่อกี้ผมเจอพี่สะใภ้ที่ทางเข้าลิฟต์ เธอออกไปข้างนอกแล้ว แถมยังดูอารมณ์ไม่ค่อยดีด้วย”
เย่หนานโจวพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวก็ต้องกลับมา”
“พี่ทะเลาะกับพี่สะใภ้เหรอ?”
“เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงจะงี่เง่านี่”
เสิ่นฉือลำบากใจที่จะพูดอะไรออกไป เขาจึงเลือกที่จะนั่งลงบนโซฟาข้าง ๆ
เมื่อเห็นว่าเขายังไม่กลับ เย่หนานโจวจึงพูดขึ้นว่า “เธอออกไปแล้ว นายเองก็กลับไปได้แล้ว ฉันไม่ต้องการนาย”
“ผมเพิ่งมาถึงพี่ก็จะไล่ผมกลับแล้วงั้นเหรอ มาคุยกันเรื่องพี่น้องของเราก็ได้”
เสิ่นฉือลูบจมูกด้วยท่าทางครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้มีเหตุผลที่โกรธ เป็นเรื่องปกติที่สามีภรรยาจะมีปัญหากัน ถ้าปัญหาได้รับการแก้ไขความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาก็จะกลับมาดีกันไม่ใช่เหรอครับ? ผมว่าพี่ลองลดทิฐิลงแล้วไปตรวจที่โรงพยาบาลดู มันจะช่วยความสัมพันธ์ของพวกพี่ได้ และพี่สะใภ้ก็จะไม่เมินเฉยพี่อีก”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของเย่หนานโจวก็มืดลง รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ และจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เฉียบคม
เมื่อเสิ่นฉือถูกจ้องมองแบบนั้นเขาก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ กลัวว่าคงจะไปทำลายความภาคภูมิใจของเขาเข้า จึงพูดขึ้นอย่างมีไหวพริบ “มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด… ถึงแม้ว่าสามีภรรยาจะต้องเข้าใจยอมรับกันให้มากขึ้น แต่เรื่องแบบนั้นถ้ายังรักษาได้ก็ควรรักษาไม่ใช่เหรอครับ?”
“เวินหนี่บอกนายงั้นเหรอ?” เย่หนานโจวถามขึ้นเสียงเย็น
เสิ่นฉือกลืนน้ำลายและพูดขึ้นอย่างกล้าหาญ “พี่สะใภ้ขอให้ผมตรวจร่างกายให้พี่”
เมื่อเห็นว่าเขากำลังเดินเข้ามาพร้อมกล่องชุดอุปกรณ์ทางการแพทย์
เย่หนานโจวก็ตะโกนขึ้น “ไสหัวไป!”
เวินหนี่กลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ ตั้งใจจะเก็บข้าวของและย้ายออกไป
ในเวลานี้ เย่ซูเฟินกำลังเล่นไพ่นกกระจอกกับเพื่อน ๆ อย่างสนุกสนาน และพูดคุยเกี่ยวกับลูกชายและสะใภ้ของตน
แต่เมื่อเย่ซูเฟินพูดถึงเวินหนี่ เธอก็จะแสดงสีหน้าไม่ชอบใจอยู่เสมอ และมักเปรียบเทียบเธอกับสะใภ้บ้านอื่นในเรื่องภูมิหลังครอบครัวที่ดีกว่า มีภาพลักษณ์ที่ดีกว่า และทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีกว่า
ภูมิหลังของเธอไม่มีเรื่องดี ๆ ให้พูดถึงเลย
เวินหนี่ได้ยินเรื่องเหล่านี้จนเบื่อแล้ว และโดยพื้นฐานเธอก็มีภูมิคุ้มกันต่อมัน
เธอเดินเข้าไปโดยไม่คิดที่จะมีส่วนร่วมในการสนทนาของพวกเขา
เมื่อเย่ซูเฟินเห็นเธอ ก็ไม่อยากจะเล่นไพ่นกกระจอกอีกต่อไป และตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หยุดอยู่ตรงนั้น!”
เวินหนี่อดไม่ได้ที่จะหยุดเดินและมองย้อนกลับไปที่เธอ “มีอะไรเหรอคะ?”
สีหน้าของเย่ซูเฟินนั้นแย่มาก เธอตวาดขึ้นว่า “เธอนี่ใช้เงินฟุ่มเฟือยมากขึ้นไปทุกที ใช้เงินของลูกชายฉันเป็นล้าน ๆ ในคราวเดียว ครอบครัวของเราสูญเสียเงินไปตั้งเท่าไหร่กับงานแต่งของเธอ เธอไม่คิดถึงบ้านของเราเลยหรือไง มีลูกสะใภ้บ้านไหนบ้างที่ใช้เงินเก่งเหมือนเธอ!”
เวินหนี่ไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่เธอก็รู้สึกว่ามันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย “ฉันเคยใช้เงินมากมายแบบนั้นตอนไหนเหรอคะ?”
ตั้งแต่เธอแต่งงานกับตระกูลเย่ ของมีค่าทุกชิ้นที่เย่หนานโจวมอบให้เธอถูกซ่อนไว้ในกล่องและไม่เคยนำมันออกมาเลยและเธอก็ไม่คิดที่จะอยากใช้เงินของตระกูลเย่อีกสักแดงเดียว
ทุกบาททุกสตางค์เป็นเงินที่เธอหามันมาด้วยตัวเอง
“ยังเสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอยู่อีก ดูเอาเองเถอะ!” เย่ซูเฟินพูดอย่างมั่นใจและกล่าวหาเธอว่า “เธอซื้อเสื้อผ้าราคาเป็นล้านเลยหรือไง เธอมีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ? รู้แต่วิธีใช้เงิน ด้วยนิสัยแบบนี้ สักวันหนึ่งตระกูลของเราจะต้องล้มละลายเพราะเธอ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน