บทที่ 144 กรีดร้องเสียงแหลม
หลัวหยางกับอย่าเอ๋อ หนึ่งคนเป็นนักจิตชั้นสี่ระดับต้น อีกคนนักจิตชั้นสามระดับกลาง
นักจิตแต่ละระดับแบ่งออกเป็นสามระดับย่อยได้แก่ ระดับต้น ระดับกลางและระดับสูง ระหว่างระดับย่อยด้วยกันจะมีความแตกต่างกันอยู่ แต่ทว่าก็ขึ้นอยู่กับพละกำลังของแต่ละคน ซึ่งความแตกต่างตรงงนี้มีทั้งใหญ่และเล็ก พลังของหลัวหยางสูงกว่า ดังนั้นแค่แวบแรกก็รู้แล้วว่าจูนจิ่วเป็นนักจิตชั้นสาม
แต่เขาไม่มองอยู่ในสายตา ก็แค่นักจิตชั้นสามระดับต้น และเขาเองก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยฆ่า
รอให้เดินไปไกลกว่านี้ จนทั้งสี่ทิศได้ยินแค่เสียงฝีเท้าของพวกเขาและเสียงนกร้องก่อน หลัวหยางพูดว่า “เอาล่ะ หยุดเดิน”
จูนจิ่วหันตัวกลับไปมองพวกเขา กระโปรงแดงพลิ้วสะบัดเป็นวงกว้างสวยงาม มือขวาของจูนจิ่วถือดาบป๋ายเย่ไว้ เสี่ยวอู่กระโดดไปที่ด้านข้างของจูนจิ่ว ทำท่าทางรอจู่โจม สายตาดุร้ายของมันจ้องไปที่ทั้งสองคน
เมื่อเห็นว่านางตอบสนองเช่นนั้น หลัวหยางกับอย่าเอ๋อสบตากันแล้วหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ เจ้าคิดอยากจะต่อสู้กับพวกข้างั้นหรือ? เจ้าไม่รู้จักประมาณตนหรือไง?”
“ศิษย์พี่หลัวหยาง ข้าว่านางตลกดีนะ คิดจะต่อสู้กับเรา? ฮื้ม ล้อเล่นอะไรกัน” อย่าเอ๋อดึงดาบยาวออกมาเช่นกัน
ชี้ดาบไปที่จูนจิ่ว สายตาที่ดูถูกเหยียดหยามของอย่าเอ๋อ นางพูดอย่างถือดีทะนงตน “ชื่อจูนจิ่วใช่ไหม? ได้ยินนังหญิงแก่จูนหยูนเสี่ยวบอกว่า ของวิเศษอยู่มนมือเจ้า รีบเอาของวิเศษออกมาเดี๋ยวนี้นะ มิเช่นนั้นอย่าหาว่าดาบของพวกข้าไม่มีตา จะทำให้เจ้าตายทั้งเป็น” “เจ้าก็ใช้ดาบหรือ?” สายตาซุกซนดุร้ายของหลัวหยางกวาดตามองไปที่ดาบป๋ายเย่ที่อยู่ในมือของจูนจิ่ว ในฐานะที่เป็นศิษย์สำนักเจี้ยนจง หลัวหยางตาเป็นประกายทีนที “ช่างเป็นดาบที่ดีจริงๆ อยู่ในมือของเจ้าแลดูน่าเสียดาย รีบเอาของวิเศษออกมาสักดีๆ แล้วก็ยังมีดาบที่อยู่ในมือของเจ้าส่งมอบมาด้วย ข้าจะได้ไว้ชีวิตเจ้า”
ไอ่เวร
เสี่ยวอู๋ขนฟูพอง ใครกันที่ให้ความมั่นหน้าแก่พวกเขา อยากจะแย่งชิงของวิเศษไม่พอ ทั้งยังอยากได้ดาบป๋ายเย่ของเจ้านายอีก ถึงแม้มันจะไม่ชอบเจ้าบ้ากามนั่น แต่นี่มันเป็นของที่เจ้าบ้ากามให้เจ้านาย ฉะนั้นก็ต้องเป็นของของเจ้านายสิ
เสี่ยวอู่ทำเสียงข่มขู่เสียงต่ำ เจ้านายให้ข้าไปกัดพวกมันให้ตายเอะ
พอดีเลย จูนจิ่วกำลังคิดอยากจะทดลองเสี่ยวอู่ที่ได้ดื่มน้ำหยกทิพย์ไปอยากรู้ว่าจะพัฒนาฝีมือไปได้แค่ไหน นางถือดาบป๋ายเย่แล้วชี้ดาบไปที่ทั้งสองแบบเล่นๆ “ผู้ชายเป็นของข้า ผู้หญิงเป็นของเจ้า”
“เหมียว” ไม่มีปัญหา
หลัวหยางและอย่าเอ๋อเพิ่งสังเกตเห็นว่า จูนจิ่วกำลังพูดกับแมวตัวหนึ่งอยู่ สีหน้าท่าทาง ไม่ได้เอาพวกเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด ตอนนี้ยังจะสั่งให้แมวตัวหนึ่งมาต่อสู้กับพวกเขาอีก? อัปยศที่สุด นี่มันกำลังทำให้พวกเขาต้องอับอายขายหน้า
พวกเขาเป็นถึงศิษย์อู๋จง สิบแคว้นที่ว่าโหดร้ายป่าเถื่อนไม่มีผู้ใดที่เห็นพวกเขาแล้วจะไม่ก้มหัวคุกเข่าให้ พร้อมประจบสอพลอเอาอกเอาใจ?
หลัวหยางและอย่าเอ๋อสบตากันและโมโหมาก หลัวหยางพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเจ้ามองข้ามความหวังดี อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือน อย่าเอ๋อไป”
“ศิษย์พี่หลัวหยางฆ่านางซะ”
ทั้งสองพุ่งตัวออกไป ดาบในมือถูกร่ายพลังจิต เสียงปะทะดังก้อง ดาบแสดงพลังสะท้านฟ้า ในฐานะศิษย์สำนักเจี้ยนจง สิ่งที่เก่งกาจที่สุดก็คือวิชาดาบ จูนจิ่วและเสี่ยวอู่ต่อสู้พร้อมกันครั้งแรก แต่พวกเขาจิตใจเชื่อมโยงกัน ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรก็สามารถเข้าขากันได้ดีเยี่ยม จูนจิ่วกับเสี่ยวอู่แยกตัวออกจากกัน แยกระยะห่างไปทางซ้ายและขวา หลัวหยางไล่ตามจูนจิ่วไป หยางเอ๋อก็เช่นกันแต่ช้าไปเสียก่อน เล็บแมวคมกริบตวัดมาเกือบโดนใส่หน้า อย่าเอ๋อร้องกรีดร้องเสียงแหลม
จึงหยุดฝีเท้าลง
“เจ้าแมวบ้าแกสมควรตาย ข้าจะฆ่าเจ้าซะ ” อย่าเอ๋อรู้สึกหวาดกลัวมากแล้วมองไปที่คอเสื้อตรงที่มีรอยข่วนแมว อีกนิดเดียวก็โดนนางแล้ว
จึงทิ้งเรื่องจูนจิ่วไปก่อน หันหน้ากลับไปทางเสี่ยวอู่ด้วยความอาฆาต นางกลับไม่รู้ว่าเสี่ยวอู่จงใจทำเช่นนั้น และล่อนางออกไปไกล เสี่ยวอู่ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ ตีลังกาหลังด้วยท่วงท่าสวยงาม ลำตัวที่เรียวยาว ขนสีขาวๆฟูๆกระทบกับแสงแดดทอแสงวิบวับ
อย่าเอ๋อบุกขึ้นถึงบนต้นไม้ ชักดาบฟันไปทางเสี่ยวอู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...