บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 358

บทที่ 358 นอกจากจูนจิ่วก็ไร้ทางแก้

“เป็นศิษย์พี่หยุนหนี ศิษย์พี่หยุนหนีให้ข้าสะกดรอยตามมา”

“เหลวไหล”มู่จิ่งหยวนไม่เชื่อและเอ็ดเขา “เจ้าไม่ใช่ลูกศิษย์ของสำนักศึกษาไท่ชู ทำไมจึงเรียกศิษย์พี่หยุนหนี พูด ใครส่งเจ้ามากันแน่ แล้วเจ้าเป็นใครกัน”

“ข้าไม่ได้โกหก เป็นศิษย์พี่หยุนหนีส่งข้ามาจริงๆ นี่ ข้ามีป้ายเอวของนางด้วย”ผู้สะกดรอยตัวสั่นหยิบเอาป้ายเอวออกมาจากแขนเสื้อ มู่จิ่งหยวนเห็นแล้วก็หน้าเปลี่ยนสี หลักฐานถูกต้อง นี่เป็นของของหยุนหนีจริงๆ

จูนจิ่วสายตาเย็นชา นางถาม “หยุนหนีให้เจ้ามาตามสะกดรอยพวกข้า เพราะอะไร”

“ข้า ข้าไม่รู้”

“พูด ”ชิงหยู่ยกเท้าขึ้นเหยียบไปที่ฝ่ามือของคนที่สะกดรอยตาม ค่อยๆเหยีบจนนิ้วกระดูกหักทีละท่อน แล้วยังมีกรงเล็บของเสี่ยวอู่ที่ไม่ยอมปล่อย คนสะกดรอยตามทั้งเจ็บทั้งกลัว “ข้าไม่รู้จริงๆ”

“แล้วเจ้าเป็นใคร ไม่ใช่ลูกศิษย์สำนักศึกษาไท่ชู เทียนซูหรือว่าจื่อเซียว ”มู่จิ่งหยวนเอ่ยถามอย่างเคร่งขรึม

คนสะกดรอยตัวสั่นไปทั้งตัว ไม่เปิดปากพูด จูนจิ่วดูแล้วสีหน้าของคนสะกดรอยไม่เข้าท่า นางรีบลงมืออย่างรวดเร็ว จับปากของคนสะกดรอยทั้งควักทั้งดึง โพละ ตาเร็วมือไวง้างปากของคนสะกดรอยตาม ยาพิษสีเขียวไหลออกมาจากมุมปากของผู้สะกดรอยตาม เสี่ยวอู่รังเกียจจนโดนออกไป

แม้จะไม่ได้กลืนเข้าไป แต่ของเหลวที่เป็นพิษนี้ร้ายแรงนัก คนที่สะกดรอยตามก็อยู่รอดได้ไม่นาน เตรียมยาพิษไว้ในปากนั่นมันการกระทำของหน่วยกล้าตาย ไม่ใช่ลูกศิษย์แน่

มู่จิ่งหยวนร้อนใจ ยื่นมือไปคว้าคอเสื้อของผู้สะกดรอยตามเอาไว้ “พูด เจ้าเป็นใครกันแน่ ”

ปากของคนสะกดรอยตามมีฟองสีขาวผุดออกมา ร่างกระตุกจนไม่สามารถตอบมู่จิ่งหยวนได้ มู่จิ่งหยวนได้แต่ทิ้งคนสะกดรอยไป ขมวดคิ้วด้วยความโมโหมองร่างของคนสะกดรอยตามที่ค่อยๆเย็นลง

ตอนนี้เขาได้ยินจูนจิ่วพูดว่า “กลัวตายจึงได้เปิดเผยหยุนหนี แต่พอถามถึงสถานะของตัวเองกลับมีความกล้าที่จะกลืนพิษฆ่าตัวตาย ศิษย์พี่มู่คิดว่าแปลกหรือไม่”

มู่จิ่งหยวนมองจูนจิ่วไม่เอ่ยอะไร ในใจเขามีการคาดเดาขึ้นเลือนราง

หน่วนกล้าตายอย่างนี้ เหมือนหนึ่งในคนกลุ่มหนึ่ง และคนกลุ่มนี้มู่จิ่งหยวนก็คุ้นเคยอย่างดี เทียงฉิว จูนจิ่วก็คิดอย่างนั้นเช่นนั้น มีเพียงหน่วยกล้าตายของเทียงฉิว จึงจะฟังคำสั่งของหยุนหนีมาตามสะกดรอยตามพวกเขา แต่ถ้าหากการเปิดเผยพัวพันถึงเทียงฉิว หน่วยกล้าตายก็จะฆ่าตัวตาย เพราะว่าหยุนหนีจะเปิดเผยหรือไม่ ก็ไม่สำคัญกับเขา แต่เทียงฉิวนั้นแม้ตายก็ไม่สามารถเปิดเผยความลับสูงสุดนี้ได้ ยอมตายแต่ไม่ยอมถูกจับจุดอ่อน

ไม่มีใครพูดอะไรชั่วขณะ จนกระทั่งชิงหยู่ทำลายความเงียบ เขาจ้องมองมู่จิ่งหยวนถามเขาว่า “ศิษย์พี่มู่คิดว่า ทำไมหยุนหนีต้องสะกดรอยพวกเราด้วย”

“ยังยืนยันไม่ได้ว่าเป็นฝีมือหยุนหนี ป้ายเอวอันนี้ข้าจะเก็บไว้ รอกลับไปแล้วตรวจสอบดู เอาอย่างนี้ก่อนแล้วกัน ศิษย์น้องจูนพวกเจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่ ”

“ไม่มี”

จูนจิ่วคิดว่าได้ผลที่ต้องการแล้ว การตายของคนที่สะกดรอยตามนั้นไม่ต้องใส่ใจ แต่นางต้องการปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยไว้ในใจของมู่จิ่งหยวน

ไม่ว่ามู่จิ่งหยวนจะเชื่อคนที่สะกดรอยตามหรือไม่ แต่ในใจของเขาก็คงจะมีความสงสัยหยุนหนีบ้างแล้ว รอให้ค่อยๆสะสมไปทีละนิดทีละหน่อย เวลาที่ปะทุขึ้นมาก็เป็นจุดจบของหยุนหนีกับผู้อาวุโสใหญ่ พวกเขามีสถานะไม่ธรรมดายากจะต่อกรด้วย ฉะนั้นจึงต้องยืมมือคนอื่นฆ่าคน มู่จิ่งหยวนก็คือหนึ่งในตัวเลือกของจูนจิ่ว

พวกเขาโยนร่างของผู้สะกดรอยตามทิ้งไป แล้วเดินหน้าต่อ

เกือบจะถึงเวลาดึกแล้ว ค่อยหาถ้ำเพื่อพักผ่อนได้ มู่จิ่งหยวนยังครุ่นคิดเรื่องราวในใจ สีหน้าเคร่งขรึมนั่งรับลมอยู่ปากทางเข้าถ้ำ ภายในถ้ำ ชิงหยู่ได้ตัดแบ่งอาหารแห้งอย่างประณีตทีละชิ้นทีละชิ้น จากนั้นก็ยื่นให้กับจูนจิ่ว เสียงเขาทุ้มต่ำ “ศิษย์น้อง พวกเราจะเชื่อมู่จิ่งหยวนได้หรือไม่ ”

“ไม่ต้องเชื่อ ขอแค่พวกเราอยู่ฝ่ายเดียวกันก็พอแล้ว ”

“ฝ่ายเดียวกัน มู่จิ่งหยวนเป็นนายน้อยของสำนักศึกษาไท่ชู จะเป็นฝ่ายเดียวกับเราได้อย่างไร”ชิงหยู่ขมวดคิ้วถาม

จูนจิ่วยิ้มเย็น รอยยิ้มเลือดเย็นน่ากลัว นางมองกวาดไปที่แผ่นหลังของมู่จิ่งหยวน หลังจากเก็บสายตากลับมาแล้วจึงตอบว่า “ในห้องหนังสือมีบันทึก ตั้งแต่สำนักศึกษาไท่ชูถูกก่อตั้งขึ้น ก็ได้ห้ามไม่ให้มีการรวบรวมสมัครพรรคพวก เข้าร่วมหรือตั้งกลุ่มใดๆทั้งสิ้น หยุนหนีกับผู้อาวุโสใหญ่เป็นคนของเทียงฉิว หากเรื่องนี้เปิดเผย……”

คำพูดที่เหลือไม่ต้องพูด ชิงหยู่เข้าใจแล้ว

พวกเขาไม่จำเป็นต้องไปเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสใหญ่ซึ่งหน้า เรื่องของสำนักศึกษาไท่ชู ก็ให้จัดการกันเอง พวกเขาก็แค่ปอกเปลือกพวกนั้นออก บอกให้ทุกคนได้รู้

ชิงหยู่พยักหน้า แล้วมองจูนจิ่วยิ้มๆ “ศิษย์น้องเจ้ากินอาหารแห้งแล้วก็พักผ่อนก่อนเถอะ คืนนี้ข้ากับศิษย์พี่มู่จะเฝ้ายามเอง”

“ได้ หลังเที่ยงคืนก็มอบให้ข้า”จูนจิ่วพูด ก้มหน้ายื่นปลาแห้งตัวเล้กตัวหนึ่งให้เสี่ยวอู่ ปลาแห้งนี้เอามาจากมู่จิ่งหยวน เขาป้อนแต่เสี่ยวอู่ไม่ไว้หน้า ไม่กิน แต่เปลี่ยนเป็นจูนจิ่ว เสี่ยวอู่กลับแสนเชื่อฟัง ทำให้มู่จิ่งหยวนอดไม่ได้ที่จะสงสัยในชีวิตคน

กินปลาแห้งแล้ว ขณะที่จูนจิ่วกำลังจะหลับตาพักผ่อน มีเสียงหนึ่งค่อยๆดังขึ้นในสมองของจูนจิ่ว น้ำเสียงมีแววดีใจ

จูนจิ่วกระพริบตา เสียงนั้นเป็นของเหลิ่งยวน เหลิ่งยวนเพิ่งจะบอกนาง โม่อู๋เยว่จะกลับมาเร็วๆนี้แล้ว

เสี่ยวอู่เงยหน้าร้องเหมียวๆ เหมียว เจ้านาย ปีศาจโม่จะกลับมาแล้ว เจ้านายคิดถึงเขาหรือไม่ ไม่คิดถึงก็ไม่ต้องให้เขากลับมา เสี่ยวอู่ยังไม่ลืมที่จะแย่งชิงความรักจากเจ้านายตลอดเวลา ลูบหางของเสี่ยวอู่ จูนจิ่วแกล้งหยอกมัน“ถ้าหากข้าคิดถึงเขาล่ะ”

“เหมียว ถ้าอย่างนั้นเขาก็ไม่ควรกลับมา ”

ถูกเสี่ยวอู่ทำให้หัวเราะ จูนจิ่วอุ้มมันขึ้นมาขยี้ ขนที่อ่อนนุ่มให้ความรู้สึกดีมาก ทำให้นางไม่อาจละมือไปได้ หลังพิงกำแพง จูนจิ่วหรี่ตาลง ส่วนเรื่องที่คิดถึงโม่อู๋เยว่หรือไม่ จูนจิ่วไม่รู้คำตอบ

แต่ถ้าหากเขากลับมา วันเวลาคงจะสนุกขึ้นอีกหน่อยกระมัง

……

ก่อนอื่นเหลิ่งยวนบอกข่าวดีกับจูนจิ่วด้วยความยินดี จากนั้นก็คิดไม่ถึงว่าโม่อู่เยว่จะปลดโซ่ผูกมังกรล้มเหลว

ใต้เหวเย็นเก้าชั้น ในบ่อน้ำหยกเย็นหมื่นปี

โม่อู๋เยว่าเดินโซซัดโซเซออกจากบ่อน้ำหยกเย็น โซ่ผูกมังกรสองอันกระทบกันจนเกิดเสียง เลือดสีเงินประกายแดงย้อมจนแผ่นหลังโม่อู๋เยว่เป็นสีแดง ไหลหยดลงมา เป็นสายยาวตามหลังร่าง

ยินหันคิดจะช่วยประคองโม่อู๋เยว่ แต่ก็เกรงกลัวพลังบังคับของโม่อู๋เยว่จนยินหันต้องคุกเข่าลงไม่สามารถลุกขึ้นได้ เขาก้มหน้ามองเห็นเท้าของโม่อู๋เยว่เดินไปนั่งลงที่เตียงหยกเย็น จึงกัดฟันสู้กับพลังบีบบังคับเงยหน้าขึ้น ยินหันมองไปทางโม่อู๋เยว่ “เจ้านาย ท่านไม่สามารถลองได้อีกแล้ว”

“เอะอะจริง”

ยินหันรีบหุบปาก บนใบหน้าเย็นชาดุจหิมะ ตอนนี้มีมีแววแห่งความกังวลใจ เจ้านายของเขากลับมาอย่างกะทันหัน ฝ่าอันตรายต้องการจะปลดโซ่ผูกมังกร ระหว่างนั้นก็เจ็บปวดแสนสาหัสทรมานจนยากจะใช้คำพูดมาบรรยายได้ ยินหันไม่เข้าใจ ทำไมเจ้านายจึงต้องการปลดโซ่ผูกมังกรออกอย่างกะทันหัน

ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ถ้าขืนยังทดลองอยู่อย่างนี้จะเพิ่มความสาหัสให้กับบาดแผล ความเป็นไปได้ที่จะทำสำเร็จน้อยมากจนน่าสงสาร

โม่อู๋เยว่หลับตาหายใจเข้าออก บาดแผลที่หลังของเขากำลังสมานกันด้วยความเร็วที่น่ากลัว แต่มีเพียงกระดูกสะบัก ที่ได้รับผลกระทบจากโซ่ผูกมังกรจนแผลสมานแล้วปริออกวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่เห็นจะดีขึ้น

ลืมตาขึ้น นัยน์ตาสีทองมีแววขวางอันตรายและเย็นชา โม่อู๋เยว่มองยินหันและเอ่ยขึ้น “มีวิธีจะแยกผลกระทบออกจากคู่วิญญาณหรือไม่”

“เจ้านาย จูนจิ่วก็คือยาของท่าน นอกนั้นก็ไร้ทางแก้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ