บนเสายักษ์สิบต้นขยับสายฟ้าวูบไหว
เงามายาสัตว์เทพควบรวมออกมาดั่งของจริง
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กำลังนั่งบนบัลลังก์ ทั่วร่างอาบด้วยสายฟ้าประกายเซียน
นักพรตชรายืนอยู่ด้านล่างวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยอาการร้อนใจจนหน้าแดงหูแดงไปหมด
“ศิษย์น้อง นี่เจ้า…นี่ๆๆ เจ้ามันไร้เหตุผล! ตอนแรกตกลงกับข้าแล้วไงว่าจะให้ยอดเขาวิญญาณข้าลูกหนึ่ง ข้าเพิ่งกลับไปถึงนึกออก เขาวิญญาณล่ะ!”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยอย่างเฉยชา “ใช่ ตอนแรกพูดไว้เช่นนั้น คุยกันเรียบร้อยแล้วว่าท่านจะใช้จี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์แลกกับผลึกวิญญาณพันห้าร้อยก้อนและยอดเขาวิญญาณหนึ่งลูก”
นักพรตชราทำเสียงขึ้นจมูก “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เหตุใดศิษย์น้องรองถึงกลับคำเอาตอนนี้ มีเหตุผลเช่นนี้ที่ไหนกัน”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยนิ่งๆ “ตอนนั้นที่ตกลงกัน ศิษย์พี่ไม่ได้ให้จี้มังกรพยัคฆ์กับข้า ให้เพียงมรดก ดังนั้น ข้าจะถือว่าศิษย์พี่ปฏิเสธข้อตกลงนั้น”
คำพูดนิ่งๆ ของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ทำให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตโกรธจนปากกระตุก
เขาทำเสียงขึ้นจมูกว่า “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้จี้มังกรพยัคฆ์อยู่นี่ ทำข้อตกลงกันต่อได้หรือไม่”
เอ่ยจบ นักพรตชราก็หยิบจี้มังกรพยัคฆ์มาจากอกเสื้อ ก่อนจ้องเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เขม็ง
สายฟ้าประกายเซียนปกคลุมอย่างหนาทึบ ในน้ำเสียงเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ “ครั้งนี้ข้าขอปฏิเสธ ข้าเรียนมรดกเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรม เคล็ดหลอมกายจักรพรรดิอัสนีและเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์ฉบับสมบูรณ์ได้แล้ว
จี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์นี่ไม่ได้มีความหมายกับข้ามากนักแล้ว ถ้าศิษย์พี่ชอบก็เก็บเอาไว้เถอะ!”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตหน้าเขียวปัดก่อนจากเขียวกลายเป็นดำ “ศิษย์น้อง เจ้าเสียคนไปแล้ว ก่อนหน้านี้เจ้าบอกไม่ใช่รึว่าจี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์เป็นสิ่งยืนยันของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้า “แต่ข้าคิดว่าศิษย์พี่พูดมีเหตุผล จี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์หายสาบสูญไปหมื่นปี ข้าไม่ใช่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์คนแรกที่ไม่มีสิ่งยืนยันสักหน่อย”
นักพรตชรางุนงง
…….
นักพรตชราสูดลมหายใจเข้าลึก “เจ้าไม่กลัวว่าศิษย์พี่จะเอาจี้หยกคู่นี้ไปขายรึ”
สายฟ้าประกายเซียนเกิดคลื่นเล็กน้อย เสียงเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ยังคงเฉยชา “ศิษย์พี่ไม่ขายหรอก และก็ไม่มีใครกล้าซื้อด้วย ผลึกวิญญาณพันห้าร้อยก้อน ส่งจี้มังกรพยัคฆ์เทพสวรรค์คืนมา และข้าจะอนุญาตให้ท่านสอนวิชาหลอมกายให้เทียนเอ๋อร์ด้วย แบบนี้ ศิษย์พี่จะถือว่าเป็นอาจารย์ของเทียนเอ๋อร์ครึ่งหนึ่ง ศิษย์พี่ว่าอย่างไร”
ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตพูด “ข้าไม่เชื่อบุตรแห่งโชคอะไรนั่น! เอาอย่างนี้! ผลึกวิญญาณสองพันก้อน เจ้าเอาจี้ดวงซวยคู่นี้ไป”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์พยักหน้า ก่อนมีแหวนเก็บของวงหนึ่งลอยมาจากกลางสายฟ้าประกายเซียน
“ตกลง หวังว่าภายภาคหน้าเทียนเอ๋อร์ยิ่งใหญ่ขึ้นมาแล้ว ศิษย์พี่จะไม่สำนึกเสียใจแล้วกัน”
ผู้อาวุโสบัวมรกตหัวเราะลั่นก่อนจะเก็บแหวนเก็บของไป “สำนึกเสียใจรึ ตลก ศิษย์พี่ยังยืนยันคำเดิม ถ้าข้าสำนึกเสียใจที่ไม่รับเขาเป็นศิษย์ ข้าจะเป็นหลานของเจ้า!”
เมื่อพูดจบ ผู้อาวุโสบัวมรกตก็ปาจี้มังกรพยัคฆ์ตรงอกเสื้อให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ก่อนจะหมุนตัวจากไป
ทว่าทันใดนั้นเองมีเสียงบุรุษดังมาจากนอกวิหาร “อาจารย์ ศิษย์มาขอพบ”
พอได้ยินเสียงเสิ่นเทียนมาขอพบ ผู้อาวุโสบัวมรกตเผยรอยยิ้มหยอกล้อ “ศิษย์เจ้ามาแล้ว เจ้าเดาสิว่าเขามาหาเจ้าด้วยเรื่องใด จะใช่ที่ไม่ยอมโดนเจ้าหลอกให้เป็นศิษย์รึไม่
หรือว่าเจ้าเด็กพวกนั้นในแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ยอมรับเขา จนลอบเล่นงานเขากันล่ะ ดังนั้นเขาเลยรู้สึกคับอกคับใจ มาเรียกร้องความยุติธรรมกับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กันล่ะ”
รับลูกศิษย์ก็ต้องฝึก พอฝึกจะต้องเจอปัญหาแน่นอน ดังนั้นวิธีการเลี่ยงปัญหาที่ดีที่สุดคือไม่รับศิษย์ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตคิดเช่นนี้จริงจัง
นี่คงจะ เจ้าหนูเสิ่นเทียนเพิ่งเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาก็โดนกดดันจนต้องมาหาอาจารย์กระมัง ยังดีนะที่ตอนแรกข้าไม่ติดกับดักศิษย์น้องรองรับเจ้าหนูนี่เป็นศิษย์
ไม่อย่างนั้นตอนนี้คนที่เจ้าหนูนี่จะสร้างปัญหาให้ก็คือข้าเอง!
……
ประตูใหญ่วิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เปิดออกช้าๆ ก่อนเสิ่นเทียนในชุดคลุมขาวจะเดินเข้ามาเนิบๆ
ประกายแสงสายฟ้าจากเสายักษ์สัตว์เทพสิบต้นส่องสะท้อนให้เสิ่นเทียนเด่นขึ้นจนหล่อเหลายิ่งกว่าเดิม เด็กหนุ่มผมทองคนหนึ่งตามหลังเสิ่นเทียน นั่นคือฉินอวิ๋นตี๋บุตรชายของผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน