เสิ่นเทียนพูดตรงมาก ไม่ไว้หน้าฉินอวิ๋นตี๋แม้แต่น้อย ถือเป็นการแก้แค้นที่เจ้าเด็กฉินอวิ๋นตี๋ขายตนต่อหน้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้าเล็กน้อย เหมือนขบคิดบางอย่าง
ก็ใช่ แก่นเหล็กทมิฬเป็นหนึ่งในวัสดุหลักของการหลอมสมบัติวิเศษระดับสูงสุดของผู้บำเพ็ญเซียน แก่นเหล็กทมิฬขนาดเท่านิ้วโป้งก็ขายได้ราคาสูงถึงสามพันศิลาวิญญาณ เรียกได้ว่าแพงอย่างยิ่ง
มองจากขนาดปืนหยินหยางพิฆาตอสูรในมือฉินอวิ๋นตี๋แล้ว ถ้าจะหลอมขึ้นด้วยแก่นเหล็กทมิฬทั้งหมดจริงๆ เกรงว่าถ้าไม่มีหลายแสนกระทั่งหนึ่งล้านศิลาวิญญาณ ก็อย่าหวังจะสร้างมันขึ้นมาได้เลย
แน่นอน ถ้าศึกษาปืนพิฆาตอสูรแก่นเหล็กทมิฬออกมาได้จริงๆ หลังจากนี้ก็สบายแล้ว
ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางยิงปืนครั้งเดียวแล้วพัง เอามาใช้ใหม่ได้เรื่อยๆ
เดิมทีมีอานุภาพกระจายและเปราะบาง เจ้าใช้อัสนีเทพหยินหยางเจาะเกราะสิบกว่าลูกหรือปืนพิฆาตอสูรครึ่งระดับสิบกว่ากระบอกก็สร้างอำนาจคุกคามให้ระดับแก่นพลังทองไม่ได้
แต่ถ้าเป็นปืนพิฆาตอสูรแก่นเหล็กทมิฬหลังปรับแก้ ยัดยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางสามถึงห้าแผ่น ยัดกระสุนเหล็กทมิฬทองคำอีกลูก
ต้นทุนก็จะประมาณร้อยแปดสิบศิลาวิญญาณ แต่กลับทะลวงปราการกฎแก่นพลังทองได้ ทำให้ผู้จริงแท้หนาวสั่น
สมบัติวิเศษชนิดนี้ไม่เหมาะจะให้ใช้ทั่วกัน แต่จัดสรรให้ศิษย์ฝ่ายในบางส่วนยืมใช้ได้
ถ้าแบบนั้น ในแดนลับพิเศษที่จำกัดขั้นพลังบางแห่ง ศิษย์เทพสวรรค์จะมีข้อได้เปรียบเหนือข้อพิพาทใดๆ ในการได้โชควาสนา
ถึงตอนนั้นจัดสรรปืนพิฆาตอสูรที่ลดทอนกำลังลงมาให้ศิษย์ฝ่ายนอก ศิษย์ฝ่ายในได้ปืนพิฆาตอสูรแก่นเหล็กทมิฬกับอัสนีเจาะเกราะ
กวาดล้างแดนลับใหญ่ต่างๆ โชควาสนาและทรัพย์สินที่ได้มาเช่นนี้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว
เทียบกันแล้ว ศิลาวิญญาณล้านก้อนต่อหนึ่งกระบอกไม่ต้องเอ่ยถึงเลย
…….
นึกถึงตรงนี้แล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กล่าวว่า “ไม่มีเงินไม่เป็นไร ฝ่ายเรามีศิลาวิญญาณ”
นักพรตชราที่อยู่ข้างๆ มุมปากกระตุกเล็กน้อย
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ทำเป็นไม่รู้สึกถึงความคับอกคับใจของนักพรตชรา “เทียนเอ๋อร์ พวกเจ้าวางมือไปจัดการได้เลย ขอแค่พวกเจ้าสร้างอัสนีหยินหยางเจาะเกราะกับปืนหยินหยางพิฆาตอสูรที่มีคุณภาพดีพอ ฝ่ายเราจะรับซื้อไว้ทั้งหมด
เรื่องราคาก็อย่าให้พวกเจ้าขาดทุนแล้วกัน แน่นอน พวกเจ้าต้องระวังว่าห้ามขายให้ฝ่ายศัตรูเราเด็ดขาด”
ต้องบอกว่าแม้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะตัดเจ็ดความรู้สึกหกความปรารถนาแล้ว แต่เวลาจัดการงานก็ยังค่อนข้างยุติธรรม
เมื่อเสียงเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ดังขึ้นกลางวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ เสิ่นเทียนยังอดทำหน้าแปลกใจมิได้ เขาคิดว่าอาจารย์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์จะให้เขามอบกรรมสิทธิ์เลย จากนั้นก็ไว้หน้าขอบคุณ!
ไม่นึกเลยว่าอาจารย์จะยึดมั่นในคุณธรรมเช่นนี้ ไม่อยากเชื่อว่าจะทำธุรกิจร่วมกับข้า
แน่นอน เสิ่นเทียนไม่สังเกตเห็นว่านักพรตชราที่อยู่อีกด้านของวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์มีสีหน้าหลากหลายอารมณ์เพียงใด
ถ้าเขาสังเกตเห็นละก็ บางทีเขาอาจจะเข้าใจอีกเจตนาของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่ตัดสินใจเช่นนี้
แน่นอน เสิ่นเทียนก็ไม่ใช่คนโง่ที่คนอื่นทำดีกับเขาแล้วจะไม่รู้จักดีชั่วเหยียบจมูกขึ้นหน้าอีกฝ่าย
ต้องรู้ว่าตอนนี้เขาเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นคนควบคุมทุกแห่งหนในแดนศักดิ์สิทธิ์โดยตรง
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์บอกว่าเจ้าผลิตยันต์อัสนีขายให้ฝ่ายเรา อาจารย์ก็จะไม่เอาผลประโยชน์อะไรเลย เจ้าเชื่อรึ
เหอะๆ อาจารย์ อย่ามามีคุณธรรมอาจารย์อะไรเลย ท่านไม่ให้ก็ถือว่าไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย!
ตอนนี้ข้ายังเขียวไม่พอ ยังแกร่งไม่พอ ต้องพึ่งอาจารย์ทั้งหมด
ตอนนี้มีเงินเยอะกว่านี้ก็พึ่งพาได้รึ
รอดวงชะตาไร้พ่ายเมื่อไร จะเอาเงินเท่าไรก็ได้ไม่ใช่หรือ
……..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน