ค่ายกลยักษ์ปกคลุมทั้งวังและกำลังสั่นไหวไม่หยุด
โดยรอบค่ายกลเป็นเถาจองจำเซียนสิบกว่าต้นกำลังฟาดโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ส่วนในค่ายกลมีผู้บำเพ็ญยืนกันเต็มไปหมด เงยหน้ามองเถาจองจำเซียนด้วยความสิ้นหวัง
ช่วงที่เดินทางไปหาสมบัติในที่ราบหมอกลับแล ผู้บำเพ็ญพวกนี้คิดว่าเถาจองจำเซียนคือมหาโชคลิขิตฟ้าประทาน
ถึงอย่างไรเถาจองจำเซียนทุกต้นก็ถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าระดับสูงสุดในระดับเดียวกัน หลอมเป็นโซ่จองจำเซียนแล้วขายได้ราคาสูงยิ่ง
และที่สำคัญกว่านั้นคือถ้าเจอเถาจองจำเซียนข้างนอกป่า สู้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แค่ออกห่างจากรัศมีโจมตีของมันก็รอดแล้ว
แต่วันนี้ เถาจองจำเซียนที่จู่ๆ ก็บุกเมืองหมอกลับแลพร้อมกับเมล็ดพันธุ์กลับล้มล้างความคิดของทุกคน เมื่อก่อนนี้หลายร้อยปีกว่าจะเจอเถาจองจำเซียนระดับดวงจิตดรุณสักครั้ง แต่ครั้งนี้ปรากฏทีเดียวสิบกว่าต้น อีกทั้งทุกต้นยังมีกำลังรบแข็งแกร่งยิ่ง กระทั่งแกร่งกว่าผู้บำเพ็ญระดับดวงจิตดรุณปกติด้วย
พระราชวังอาณาจักรอู้อิ่นที่รับมือกับพวกมันยังรู้สึกตึงมือ
ถ้าไม่ใช่เพราะสตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ลงมือช่วยในช่วงเวลาสำคัญ เกรงว่าพระราชวังคงตกอยู่ในอันตรายแล้ว
ตอนนี้ประมุขอาณาจักรอู้อิ่นยืนอยู่กลางกลุ่มคน ร่างสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว “สะ…สตรีศักดิ์สิทธิ์ หลายพันปีมานี้ที่ราบหมอกลับแลสงบสุขปกติมาตลอด เหตุใดครั้งนี้กระแสหมอกถึงเปลี่ยนไปน่าสะพรึงเช่นนี้”
จางอวิ๋นซีส่ายหน้าอย่างเฉยชา “ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ที่มั่นใจได้คือเถาจองจำเซียนพวกนี้ต้องมีคนบงการอยู่เบื้องหลังแน่นอน”
ระหว่างพูดนางก็มองไปกลางหมอกลับแลหนาด้วยแววตาจริงจัง ‘ไม่รู้ว่าศิษย์น้องจะปลอดภัยหรือไม่’
ประมุขแห่งอาณาจักรอู้อิ่นกลับขัดจางอวิ๋นซีไว้ “ค่ายกลของอาณาจักรอู้อิ่นคงต้านไว้ได้อีกไม่นานแล้วขอรับ”
นางหยิบถาดออกมาจากแหวนมิติทีละถาด “ข้าอยากให้ผู้สูงศักดิ์ผู้จริงแท้ทุกคนร่วมมือกันอย่างเต็มที่ มีเพียงรวมกำลังของทุกคนวางยอดค่ายกลอัสนีพิทักษ์เทพสวรรค์เท่านั้น เราถึงจะมีโอกาสรอด”
จางอวิ๋นซีวางถาดไว้ทุกมุมของพระราชวังอย่างรวดเร็ว ก่อนชี้แนะให้ผู้สูงศักดิ์กับผู้จริงแท้จำนวนมากร่วมมือกันวางค่ายกล
ขณะเดียวกัน นางยังให้กำลังใจเสิ่นเทียนเงียบๆ ในใจ ‘ศิษย์น้องต้องยืนหยัดเอาไว้ อีกเดี๋ยวข้าจะไปหาเจ้า!’
……..
อีกด้านหนึ่ง พวกฉินอวิ๋นตี๋กับฉินเกาตอนนี้หนีเข้ามาในพระราชวังแล้ว ทุกคนไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะมียันต์ระเบิดอัสนีจำนวนมากกับปืนพิฆาตอสูรเบิกทางมา
ตอนนี้พวกเขายืนอยู่กับเหล่าผู้บำเพ็ญที่หนีตายเข้ามาจำนวนมาก กำลังดูดซับศิลาวิญญาณพักผ่อนอยู่
ในผู้บำเพ็ญเหล่านั้น คนส่วนใหญ่ร้องไห้น้ำมูกไหลด้วยความตื่นเต้นดีใจที่รอดพ้นจากความตายมาได้
แม้ผู้บำเพ็ญจะมีความรู้สึกเย็นชา นั่นก็แค่เฉพาะกับคนธรรมดาเท่านั้น ก็เหมือนกับอารมณ์เวลาสิงโตมองกระต่ายด้วยความเฉยชา
แต่เมื่อการทดสอบเป็นตายมาถึงตัวเองจริงๆ ก็มีผู้บำเพ็ญแค่ไม่กี่คนที่ยังเฉยชาไหว ส่วนใหญ่ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาเลย
ตอนนี้หนีรอดมาได้ คนส่วนใหญ่ก็นึกไปถึงเรื่องสนทนาในเมืองช่วงสองวันมานี้
ใช่ ท่านเซียนที่ส่องความลับสวรรค์ได้ในตำนานเคยกล่าวเตือนเช่นนี้ไว้ก่อนแล้วนี่
เขาบอกว่าอีกไม่นานเมืองหมอกลับแลแห่งนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งยังพูดโน้มน้าวให้ผู้มีวาสนาทุกคนออกจากที่นี่
น่าเสียดายก็แต่ทุกคนโดน ‘โชคลิขิต’ บดบังดวงตา ปกติจึงไม่ได้หนีออกไปไกล
แม้จะมีส่วนหนึ่งเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แค่ออกจากเมืองเล็กหมอกลับแลถอยกลับมาในเมืองหมอกลับแล กระทั่งยังมีคนจำนวนมากสร้างข่าวลือปลุกปั่นว่าท่านเซียนวางอุบายจะฮุบมหาโชคลิขิตไว้คนเดียว
ปรากฏว่าความจริงพิสูจน์แล้ว ที่ราบหมอกลับแลเกิดมหันตภัยร้ายแรงน่าสะพรึงขึ้นจริงๆ
ผู้บำเพ็ญที่อยู่ในเมืองเล็กหมอกลับแลเหล่านั้นต่างแตกพ่ายย่อยยับไปแล้ว ต่อให้อยู่ในเมืองหมอกลับแล ตอนนี้ก็ยังถูกปิดล้อมอย่างหนัก
เวลานี้คนมากมายเกิดความสำนึกเสียใจ เสียใจที่ไม่ควรทำเช่นนี้!
ในกลุ่มคนนั้นมีผู้บำเพ็ญหลายคนมองยันต์ระเบิดอัสนีที่ยังเหลืออยู่ในมือ กระบอกตาร้อนผ่าวแล้ว
พวกเขาคือผู้มีวาสนาที่ฟังคำโน้มน้าวของเสิ่นเทียน ทั้งยังแลกโชควาสนาครึ่งหนึ่งเป็นยันต์ระเบิดอัสนี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน