บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 144

บทที่ 144 จะกินปีศาจน้อยอย่างพวกเจ้าให้หมด!
คอขวดในเงามืดนั้นพลันเปิดกว้าง ก่อนจะพุ่งทะลักออกไปหลังจากสั่งสมมานาน

เสิ่นเทียนเหมือนเผยศักยภาพแฝงอันไร้ขีดจำกัดออกมาทั่วร่าง พลานุภาพโหมกระหน่ำ

ต้นกำเนิดพลังเลือดลมทะลวงกายสีแดงฉานออกมาจากร่างเสิ่นเทียนมากขึ้นเรื่อยๆ ลุกแผดเผาดั่งไฟร้อนแรง

นั่นคือพลังแห่งเลือดลมในกายเสิ่นเทียนที่โหมซัดสาดแรงเกินไป ทรงพลังเกินไป เขากำลังใช้คัมภีร์คบเพลิงหลอมมันให้เป็นต้นกำเนิดพลังทะลวงกาย

เมื่อต้นกำเนิดพลังเลือดลมทะลวงกายชนิดนี้รวมออกมาแล้ว ผู้ฝึกบำเพ็ญศาสตร์หลอมกายเทพมารจะสามารถควบคุมกลยุทธ์ต่อสู้ทางไกลได้แล้ว

แม้จะสู้ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐานขี่กระบี่บินสังหารศัตรูได้ไกลกว่าร้อยก้าวไม่ได้ แต่ก็ส่งพลังเลือดลมที่มากพอเป็นมังกรออกไปได้ ข้าไร้พ่ายในระยะสามจั้ง!

นี่ต่างหากคือกลยุทธ์เหนือสามัญที่แท้จริงของศาสตร์หลอมกายเทพมาร!

เปลวเพลิงเลือดลมบนผิวกายเสิ่นเทียนเปลี่ยนเป็นรุนแรงขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับเปลวเพลิงของจริง ลมมาก็ลอยขึ้นสูงถึงหลายจั้งทันที!

ปกติผู้ฝึกบำเพ็ญศาสตร์หลอมกายเทพมารเมื่อทะลวงระดับเหนือสามัญแล้ว พลังเลือดลมจะอยู่ราวๆ หนึ่งจั้ง

ส่วนอัจฉริยะหลอมกายที่มีศักยภาพสูงพวกนั้น ต้นกำเนิดพลังทะลวงกายอาจจะถึงสองหรือสามจั้ง ทว่าในขุมอำนาจใหญ่อย่างแดนเทวาหรือแดนศักดิ์สิทธิ์ ศิษย์ศาสตร์หลอมกายสายตรงที่ได้รับการบ่มเพาะอย่างดีจะมีต้นกำเนิดพลังทะลวงกายสูงห้าจั้งขึ้นไป

ระดับความสูงของพลังเลือดลมที่รวมออกมาครั้งแรกเมื่อทะลวงระดับเหนือสามัญก็เป็นการบ่งบอกพรสวรรค์ในระดับบางอย่างเช่นกัน

ยิ่งพลังเลือดลมสูงเท่าไรยิ่งแสดงว่าผู้ฝึกศาสตร์หลอมกายเทพมารสร้างพื้นฐานหนาแน่นตอนอยู่ระดับหลอมกายดีมากเท่านั้น

ภายภาคหน้าจะใช้ต้นกำเนิดพลังเลือดลมหล่อหลอมอวัยวะภายในได้สบายขึ้นกว่าเดิม

ในทางตรงข้ามถ้ารากฐานไม่มั่นคงก็ยากจะประสบความสำเร็จ!

ตอนนี้ต้นกำเนิดพลังเลือดลมทะลวงกายที่ขับออกมานอกผิวกายเสิ่นเทียนสูงราวๆ ห้าจั้ง ทั้งยังสูงขึ้นเรื่อยๆ

เขาควบแน่นต้นกำเนิดพลังไปพลาง หยิบเถาจองจำเซียนออกมาจากแหวนเวหาไปพลาง เคี้ยวดังแจ๊บๆ ราวกับกินอ้อย

ก่อนจะเห็นเถาจองจำเซียนสี่ต้นข้างล่างมีท่าทางการเดินแปลกๆ ไป ความเร็วในการเดินดูร้อนใจยิ่งกว่าเดิม

ต้องรีบส่งเจ้ามนุษย์นี่ไปอยู่กับมารดาเถา ไม่อย่างนั้นได้ถูกมันกินแน่!

………

เมื่อสัมผัสได้ว่าเถาจองจำเซียนสี่ต้นเร่งความเร็วขึ้น เสิ่นเทียนก็ควบแน่นต้นกำเนิดพลังทะลวงกายเร็วขึ้นเช่นกัน

ต้นกำเนิดพลังทะลวงกายที่ว่านี่ ความจริงคือการหดร่างในระดับสูงของพลังเลือดลมหายใจผู้ฝึกบำเพ็ญ มีพลังงานที่แข็งที่สุดและเป็นหยางสูงสุด

ถ้าใช้ในการต่อสู้ มันจะทำให้ผู้ฝึกศาสตร์หลอมกายเทพมารมีพลังงานคล้ายๆ กับพลังต้นกำเนิดกระจายออกมา ใช้กลยุทธ์จำพวก ‘หัตถ์ยักษ์ต้นกำเนิดพลัง’ ได้

ถ้าใช้ในการฝึกบำเพ็ญ มันจะซึมเข้าไปในกายผู้ฝึกบำเพ็ญ เข้าไปขัดเกลาอวัยวะภายในของผู้ฝึกบำเพ็ญทุกซอกทุกมุม

เมื่อผ่านการขัดเกลาและบำรุงจากต้นกำเนิดพลังเลือดลมแล้ว อวัยวะภายในของผู้ฝึกบำเพ็ญจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่ในยามต่อสู้ที่การป้องกันต่ออวัยวะภายในจะเพิ่มขึ้นสูง ไม่บาดเจ็บง่ายๆ เท่านั้น แต่ยังเสริมปัญจธาตุกายมนุษย์จากรากฐานได้ ทำให้กายหยาบผู้ฝึกบำเพ็ญแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้น!

การใช้ต้นกำเนิดพลังเลือดลมขัดเกลาอวัยวะภายในก็เป็นเป้าประสงค์หลักของระดับเหนือสามัญนั่นเอง มีเพียงขัดเกลาอวัยวะภายในให้ถึงระดับเพชรเท่านั้นถึงจะใช้พลังทะลวงกฎเกณฑ์การฝึกทั้งภายนอกและภายในได้

ศิลาวิญญาณกลายเป็นเศษละเอียดเยอะขึ้นเรื่อยๆ เถาจองจำเซียนก็ถูกเสิ่นเทียนดูดกินไปจนเหลือแค่เปลือกมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

จนในที่สุดเสิ่นเทียนรู้สึกว่าร่างหิวโหยของตนถึงจุดอิ่มชั่วคราว กินต่อไม่ไหวอีกแล้ว

ทว่าตอนนี้เองต้นกำเนิดพลังเลือดลมทะลวงกายที่ไหลเวียนบนผิวกายสูงถึงเก้าจั้งห้าฉื่อแล้ว!

ต้นกำเนิดพลังเลือดลมบนผิวกายเขาเป็นสีแดงเข้ม ดูซ่อนอยู่ลึกยิ่ง

เมื่อต้นกำเนิดพลังเลือดลมพวกนี้สัมผัสโดนเถาจองจำเซียน ผิวเถาจองจำเซียนพวกนั้นก็เริ่มมีควันดำโชยขึ้น เถาจองจำเซียนเองก็ดิ้นรนอย่างรุนแรง ดูไม่ชอบต้นกำเนิดพลังเลือดลมนี้เอามาก

เสิ่นเทียนลืมตาขึ้น ในดวงตาสองข้างเหมือนมีเปลวไฟลุกโชน

เขารู้สึกว่าตอนนี้ตนเปี่ยมไปด้วยพลัง สามารถชกระดับหลอมรวมเทพแหลกได้ในหมัดเดียว

แน่นอนว่าถ้ามีคนใหญ่คนโตระดับหลอมรวมเทพอยู่จริงๆ ก็ถือว่าเขาไม่ได้พูดอะไรแล้วกัน

เสิ่นเทียนยื่นมือขวาออกมาช้าๆ น้ำมวลหนักสีเงินโยงใยปลายนิ้วเขาราวกับกำลังระบำอยู่ ตอนนี้เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าพลังการควบคุมน้ำมวลหนักปฐมกาลในกายสูงขึ้นมากแล้ว

เดิมทีเขาพอจะบังคับให้น้ำมวลหนักปฐมกาลคลุมกำปั้นได้ หรือยืมใช้อัสนีเทพธาตุน้ำลำดับเก้าถึงจะทะลวงกายทำอันตรายกับศัตรูได้

แต่ตอนนี้ขอแค่เสิ่นเทียนยินยอม ก็จะควบคุมน้ำมวลหนักปฐมกาลได้อย่างง่ายดาย

เขาลากเบาๆ น้ำมวลหนักนั้นพลันถูกดึงเป็นเส้นสายน้ำหนาขยับประกายแสงเงิน แม้ความหนาถึงจุดสำคัญแล้วจะระเบิดอย่างรวดเร็วก็ตาม แต่มันก็เสถียรภาพกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า!

กระทั่งเสิ่นเทียนยังคิดว่าถ้าตนทะลวงพลังอีกครั้ง ถึงขั้นจะใช้น้ำมวลหนักรวมเป็นอาวุธได้เลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน