บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 150

ตอนที่ 150 เมื่อเรื่องไม่คาดคิดมาเคาะประตู!

ในรถนิสสัน โจวเจ๋อนั่งอยู่ที่ตำแหน่งคนขับ ส่วนหมอหลินนั่งอยู่ข้างคนขับ

เดิมทีคู่แต่งงานใหม่ข้าวใหม่ปลามันหรือคู่หนุ่มสาวสามีภรรยานั่งอยู่ในรถด้วยกัน มักจะเกิดเรื่องกุ๊กกิ๊กได้ง่ายมาก ภายใต้เพลิงปรารถนาอันร้อนแรงแม้กระทั่งตัวรถก็ยังอดไม่ได้ที่จะสั่นไหวเพื่อแสดงความเคารพ

แต่ในเวลานี้บรรยากาศตรงนี้กลับค่อนข้างอึดอัดเล็กน้อย

โจวเจ๋อสูบบุหรี่ต่อ ภาพของนักผจญเพลิงร่างเตี้ยคนนั้นผุดขึ้นมาในหัวไม่หยุด

มันน่าเศร้าเล็กน้อย ถึงแม้ความจริงในตอนท้ายนักผจญเพลิงคนนั้นอาจจะไม่พอใจและเกลียดชังโจวเจ๋ออยู่บ้าง เพราะโจวเจ๋อไปเย้ยหยันเขาต่อหน้า แต่ในนาทีสุดท้ายของชีวิตเขายังคงใช้ไหล่ที่อ่อนแอของตัวเองหยุดต้นไม้ใหญ่เอาไว้

ไม่อย่างนั้น หากตึกหลังนั้นถล่มลงมาอีกครั้ง คาดว่าโจวเจ๋อและชายชราคนนั้นคงจะออกมาไม่ได้แน่ๆ

โจวเจ๋อรู้สถานการณ์ของตัวเองดี ร่างกายของเขายังเป็นเลือดเป็นเนื้อ แม้จะเป็นยมทูตแต่ภายใต้สภาพแวดล้อมแบบนั้นเขาก็ตายอยู่ดี ถ้าหากเขาเข้าสู่สภาวะผีดิบบางทีอาจจะมีทางรอดก็ได้ แต่ในขณะนั้นเขาไม่ได้คาดคิดและก็สายเกินไปที่จะเข้าสู่สภาวะนั้น

ดังนั้น ถึงอย่างไรในตอนสุดท้าย นักผจญเพลิงคนนั้นก็ช่วยชีวิตเขาเอาไว้

เดิมทีโจวเจ๋ออยากจะช่วยชีวิตเขา แต่สุดท้ายกลับถูกเขาช่วยชีวิตเอาไว้แทน

ความรู้สึกนี้ทำให้โจวเจ๋อสะท้อนใจมาก แต่ก็เป็นการเสียสละของเขาคนนั้นด้วย มันทำให้โจวเจ๋อทรมานกับความสามารถในการพยากรณ์ของสมุดบันทึกพังๆ เล่มนี้มาก

หมอหลินจะถูกลิขิตให้ตายเหมือนกันหรือไม่

พญายมราชสั่งให้คุณตายตอนเที่ยงคืนแล้วใครจะกล้าปล่อยให้คนมีชีวิตอยู่ถึงตอนรุ่งสาง

สมุดบันทึกถูกโจวเจ๋อทิ้งเอาไว้ในรถ เขาไม่คิดจะพกของแบบนี้ติดตัวไปด้วยหรอก ไม่อย่างนั้นอีกหน่อยเดินไปบนถนน คนนั้นก็กำลังจะตาย คนนี้ก็อาจจะตายได้ เขาจะต้องเหนื่อยกว่าพวกซุปเปอร์ฮีโร่หัวใจบริสุทธ์เหล่านั้นเสียอีก

ไม่เห็นก็ไม่ทุกข์ใจ เกิด แก่ เจ็บ ตายของคนเป็นเรื่องปกติ แล้วแต่พวกคุณเลยดีกว่า

หมอหลินกัดริมฝีปาก เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี ท่าทีแข็งกร้าวของโจวเจ๋อทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้ดี ถ้าหากไม่เกิดเรื่องอะไรร้ายแรงขึ้นจริงๆ โจวเจ๋อก็คงจะไม่เป็นแบบนี้

“บอกกับฉันมาให้ชัดๆ ได้ไหมคะ ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่”

หมอหลินเอ่ยถาม เธออยากได้ยินคำอธิบายสักหน่อย

โจวเจ๋อเลียริมฝีปากแล้วพูดขึ้น

“ผมมีของอย่างหนึ่ง มันสามารถรู้เรื่องความเป็นและความตายของคนคนหนึ่งล่วงหน้าได้ มันรู้ล่วงหน้าว่าคุณกำลังจะตายเร็วๆ นี้ ก่อนหน้านี้มันก็พยากรณ์ว่านักผจญเพลิงคนนั้นจะตาย ผมพยายามช่วยชีวิตเขาแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็ตายอยู่ดี”

เมื่อหมอหลินได้ยินดังนั้นสีหน้าพลันนิ่งขรึมเล็กน้อย

เธอไม่ได้โต้ตอบอะไรกับโจวเจ๋อ และไม่ได้ร้องขอและบังคับให้โจวเจ๋อปล่อยเธอไป หรือตะโกนออกไปว่า ‘ต่อให้ตัวเองจะตายก็ตายในหน้าที่ ยังมีผู้บาดเจ็บที่ต้องการให้ฉันไปช่วยชีวิตและรักษาอีกมากมาย’

เธอนิ่งมาก หลังจากได้ยินคำอธิบายของโจวเจ๋อแล้ว เธอก็ยอมรับวิธีจัดการของโจวเจ๋ออย่างใจเย็น

โจวเจ๋อพอใจในจุดนี้มาก นี่เป็นส่วนที่ดึงดูดใจที่สุดของหมอหลิน เธอช่างสง่างามและเข้าใจผู้อื่น เธอมักจะทำให้คุณสบายใจเมื่ออยู่กับเธอเสมอ

เมื่อเอื้อมมือไปกุมมือหมอหลิน โจวเจ๋อยิ้มเมื่อรู้สึกได้ว่าฝ่ามือของอีกฝ่ายเย็นเล็กน้อย

“ผมอยู่ข้างๆ คุณเอง ไม่เป็นไรหรอก”

หมอหลินพยักหน้า และนั่งอยู่ข้างคนขับต่อไป แต่ทว่าดูเหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้จึงพูดขึ้น “ฉันจะไม่เป็นภาระของคุณใช่ไหมคะ”

หมอหลินเป็นห่วงว่าถ้าโจวเจ๋อช่วยเธอแล้วจะเกิดเรื่องอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้น

“ถึงอย่างไรเราก็ยังไม่ได้หย่ากัน”

หมอหลินไม่พูดอะไร และนั่งเงียบๆ ต่อไป

อันที่จริงเพียงไม่นานกู้ภัยทางนั้นก็เข้าสู่แนวทางที่ถูกต้องกันได้แล้ว แม้ว่าพายุจะแรงอยู่มาก แต่ก็ไม่มีความรุนแรงอย่างพายุทอร์นาโดก่อนหน้านี้ให้เห็นแล้ว บวกกับการมาถึงของหน่วยกู้ภัยจากหลากหลายที่ งานบรรเทาภัยพิบัติจึงดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบตามลำดับ

เมื่อคนของทางโรงพยาบาลถามถึงหมอหลิน ก็ถูกโจวเจ๋อบอกปัดไปว่าภรรยาของเขาไม่ค่อยสบาย

อืม เจอการแสดงช่วยชีวิตคนของโคตรคนโค่นทีมมหากาฬก่อนหน้านี้ของโจวเจ๋อเข้าไป คนของทางโรงพยาบาลก็ไม่ว่าอะไรเกี่ยวกับการขาดงานของหมอหลิน อีกอย่างสามีภรรยาคู่นี้ได้ทำมามากพอแล้ว

มีขนมและน้ำอยู่ในรถ โจวเจ๋อให้หมอหลินกินมันนิดหน่อย ส่วนเขาหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาสาวน้อยโลลิ

เพียงไม่นานปลายทางก็รับสาย ตามด้วยเสียงไม่พอใจของสาวน้อยโลลิดังลอยมา

“หาบาทหลวงเจอแล้ว แต่เจ้าจะกลับมาเมื่อไร เกิดเขาหนีไปแล้วจะทำอย่างไร เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนที่ข้าตามสืบเกือบถูกเขาจับได้แล้ว เขาอาจจะส่งสัญญาณเตือน…”

“หุบปาก”

สาวน้อยโลลิเงียบทันที

“ผมมีสมุดหยินหยางเล่มหนึ่งอยู่ในมือ ว่ากันว่าเป็นของที่ผู้พิพากษาใช้”

“ของสิ่งนั้นถูกเจ้าพบเข้าแล้วจริงๆ หรือ”

อันที่จริงสาวน้อยโลลิเห็นวิญญาณของซุนชิวก่อนหน้านี้ก็พอเดาอะไรออกบ้างแล้ว ตอนนั้นเธอจึงคิดว่าโจวเจ๋ออาจจะตายอยู่ที่นั่นไปแล้วก็ได้ เราอาจจะหยุดอัพเรื่องนี้เร็วๆนี้รอให้ตอนเยอะก่อนค่อยอัพอีกทีเหมือนผู้อ่านจะไม่ค่อยชอบกัน

แต่สิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็คือ ไม่เพียงแต่โจวเจ๋อจะมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย ยังครอบครองของสิ่งนั้นไว้ในมืออีกด้วย

เหตุการณ์นี้น่าตกใจอย่างยิ่ง ต้องบอกก่อนว่าสถานะในยมโลกนั้นเข้มงวดมาก และยมทูตก็อยู่ในลำดับที่ต่ำสุดในยมโลก

คล้ายกับทหารโบราณสองคนที่เฝ้าประตูเมือง และอยู่มาวันหนึ่งหนึ่งคนในนั้นดันเก็บตราประทับของแคว้นได้แล้วเอาไปอวดอีกคนหนึ่ง

“มันรู้เรื่องความเป็นความตายล่วงหน้าได้ใช่หรือไม่” โจวเจ๋อเอ่ยถาม

“มันสามารถรับรู้ได้ถึงความตาย” สาวน้อยโลลิเอ่ยแก้

“แม่นหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เลยหรือเปล่า” โจวเจ๋อถาม

“เรื่องนี้ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่น่าจะค่อนข้างแม่นเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ถึงกับหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้แต่สมุดบัญชีมรณะในมือพญายมราชทั้งสิบยังมีปัญหาได้เลย คงไม่ต้องเอ่ยถึงระดับผู้พิพากษาหรอก

อีกย่างถ้าข้าเดาไม่ผิดละก็ สมุดหยินหยางในมือเจ้าน่าจะเกิดปัญหาอะไรสักอย่าง คุณภาพลดลงงั้นหรือ”

“ใช่”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่น่าจะแม่นขนาดนั้น”

“แค่นี้นะ”

เมื่อพูดจบ โจวเจ๋อก็วางสายไป

ในร้านหนังสือ สาวน้อยโลลิปาโทรศัพท์ทิ้งลงบนโต๊ะอย่างโมโห!

เป็นคนแบบไหนกันเนี่ย!

หลังจากเขาพูดจบก็ตัดสายทิ้งไปดื้อๆ ตอนต้องการก็มาให้ข้าช่วยแก้ปัญหาให้ แต่พอไม่ต้องการก็ถีบหัวข้าส่งอย่างนั้นใช่หรือไม่

เธอยังอยากจะเตือนเขาด้วยว่าเมื่อไปถึงเมืองอื่น จะต้องทักทายยมทูตในพื้นที่ด้วย ไม่เช่นนั้นจะเป็นการยั่วยุคนอื่นเข้า

อีกอย่างที่นั่นก็เพิ่งเกิดภัยธรรมชาติขึ้นอีกด้วย คาดว่าน่าจะกำลังยุ่งวุ่นวายกันอยู่ ถ้ายมทูตนอกพื้นที่ไปแล้วไม่เข้าไปทักทายและเตือนก่อนล่วงหน้า จะทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดได้ง่ายๆ

ช่างเถอะ เจ้าจัดการเอาเองแล้วกัน

ข้าไม่สนใจแล้ว

“คุณก็กินสักหน่อยนะคะ”

หมอหลินยื่นขนมปังหนึ่งชิ้นให้โจวเจ๋อ

โจวเจ๋อรับขนมปังมา ก่อนจะกัดเข้าไปหนึ่งคำด้วยความยากลำบากและเคี้ยวด้วยความทุกข์ทน

“เราอยู่ที่นี่กันสักพักก่อนแล้วกัน” โจวเจ๋อพูด “ผมก็ไม่สบายใจที่จะขับรถกลับบ้านไปทั้งอย่างนี้เหมือนกัน”

หมอหลินพยักหน้าบ่งบอกว่าเห็นด้วย

เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ โจวเจ๋อให้หมอหลินนอนหลับไปก่อน พักผ่อนสักหน่อย ส่วนตัวเขากลับยืนอยู่นอกรถ

ทีมกู้ภัยออกจากหมู่บ้านนี้ไปแล้ว พวกเขาต้องไปช่วยเขตพื้นที่ประสบภัยพิบัติอื่น ในตอนนี้หมู่บ้านที่อยู่ตรงหน้าแห่งนี้นับว่าสงบเรียบร้อยดี มีบ้านอยู่ครึ่งหนึ่งไม่ได้ถูกพัดล้มครืนเพราะวัสดุคุณภาพดี ชาวบ้านมากมายต่างก็มาขออาศัยอยู่ที่นี่ และบางคนก็ไปขอพึ่งพิงญาติพี่น้อง

โจวเจ๋อบิดขี้เกียจ เขามีลางสังหรณ์ว่าถ้าหากสามารถอยู่รอดปลอดภัยได้จนถึงพรุ่งนี้ อุปสรรคนี้ก็น่าจะจบลง

เมื่อโจวเจ๋อมองเข้าไปในรถ หมอหลินกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ กำชับให้น้องภรรยาตั้งใจทำการบ้าน อย่าเอาแต่เล่นและดูทีวี

โจวเจ๋อยังคิดอยู่ว่า ถ้าหากยมทูตที่สิงอยู่ในร่างของน้องภรรยายังอยู่ เขาน่าจะมีคนมาแบ่งเบาภาระเพิ่มอีกหนึ่งคน ถึงอย่างไรทั้งสองฝ่ายก็เห็นพ้องต้องกันว่าจะปกป้องหมอหลิน

แต่น่าเสียดาย บางเรื่องก็ทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น และโจวเจ๋อก็ไม่ได้เสียใจที่ฆ่ายมทูตตนนั้นไป

ฟ้าเริ่มมืดลง โจวเจ๋อกลับเข้าไปเปิดไฟภายในรถ

หลังจากที่หมอหลินคุยโทรศัพท์เสร็จก็เริ่มผล็อยหลับไป โจวเจ๋อลืมตาขึ้นและสังเกตรอบๆ ตัว

บอกตามตรงว่าถ้าเป็นคล้ายๆ เรื่อง ‘โกงความตาย’ ที่เป็นการเชื่อมโยงเรื่องบังเอิญต่างๆ ที่คิดไม่ถึงเข้าด้วยกันทำให้ต้องตายอย่างกะทันหัน อย่างนั้นก็คงจะไม่มีทางขัดขวางจริงๆ แต่พอมาคิดดูแล้ว อาจจะไม่น่ากลัวขนาดนั้น

ช่วงประมาณกลางดึก โจวเจ๋อรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อยแต่กลับนอนไม่หลับเพราะไป๋อิงอิงไม่อยู่ จู่ๆ โจวเจ๋อก็ได้ยินเสียงเคาะอุปกรณ์

มันใกล้มาก มันอยู่ไม่ไกลจากจุดจอดรถด้านหน้า ตรงนั้นยังมีตึกสองชั้นที่ถูกพายุทอร์นาโดพัดถล่ม

อาจเป็นไปได้ว่าชาวบ้านกำลังกอบกู้ทรัพย์สินของตัวเองอยู่ในบ้านที่ถล่ม โจวเจ๋อไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเรื่องของชาวบ้าน ในเวลานี้ เขาไม่สามารถทิ้งหมอหลินให้อยู่คนเดียว แล้ววิ่งออกไปถามข้างนอกว่าต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือไม่

ในเวลานี้ หมอหลินที่นอนหลับไปครู่หนึ่งตื่นขึ้นมาแล้ว เธอมองโจวเจ๋อด้วยความเป็นห่วง และเอาเสื้อของเธอเอื้อมไปห่มให้โจวเจ๋อ

“ผมไม่หนาว” โจวเจ๋อพูด

“อืม”

“คุณเป็นอะไรไป” โจวเจ๋อเอ่ยถาม

“ฉันอยากจะ…ไปเข้าห้องน้ำหน่อยน่ะค่ะ”

“ผมไปเป็นเพื่อนนะ”

โจวเจ๋อมองไปรอบๆ

“พุ่มหญ้าหลังรถตรงนั้นไม่น่าจะมีใครเห็น”

หมอหลินรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย แต่ก็ยังพยักหน้า

จากนั้น โจวเจ๋อลงจากรถไปเป็นเพื่อนเธอ

หมอหลินลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร และไม่ขอให้โจวเจ๋อหันหลังไปด้วย แถมยังถอดกางเกงลงต่อหน้าโจวเจ๋ออีกต่างหาก

เธอนั่งยองๆ ลงมา

ในหนังผีหลายๆ เรื่อง มักมีฉากงี่เง่าแบบนี้เสมอ

นั่นก็คือรู้ว่าบริเวณใกล้เคียงนี้อันตรายมาก แต่เวลามีสาวๆ ในกลุ่มอยากจะชิ้งฉ่องก็มักจะขอให้คนที่ปกป้องเธอหันหลังไปอย่างโง่เขลา ห้ามมองก็เพราะเธออายน่ะสิ จากนั้นเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นในเวลานี้

สำหรับฉากไร้สมองที่ถูกจัดเอาไว้แล้วแบบนั้น โจวเจ๋อไม่มีทางให้มันเกิดขึ้นซ้ำรอยเด็ดขาด

ดังนั้นเขาจึงยืนตัวตรง

จ้องเขม็ง!

มองอย่างจริงจัง!

มองอย่างตั้งใจ!

มั่นใจแน่ชัดว่าปลอดภัย ความปลอดภัยมาเป็นอันดับแรก!

ไม่นาน หมอหลินก็ลุกขึ้นยืนและเดินกลับไปที่รถพร้อมกับโจวเจ๋อด้วยแก้มที่แดงระเรื่อ

“คุณขึ้นรถไปก่อน ผมจะไปหยิบน้ำจากหลังกระโปรงรถ”

หมอหลินขึ้นรถไปก่อนอย่างเชื่อฟัง เข้าไปนั่งที่ตำแหน่งข้างคนขับ

แต่ทว่า

หลังจากที่เธอเข้าไปนั่งแล้ว ทันใดนั้นกลับตัวแข็งทื่อทันที

“คุณจะดื่มอะไร เจ้าสวี่ตุนของไว้ตรงนี้ไม่น้อยเลย มีเครื่องดื่ม มีน้ำแร่แล้วยังมีนมด้วย”

โจวเจ๋อตะโกนถามจากด้านหลัง

หมอหลินไม่ได้ตอบ เพราะเธอพบว่าตรงตำแหน่งที่นั่งของคนขับ

ไม่รู้ว่ามีคนเข้าไปนั่งอยู่ก่อนแล้วคนหนึ่งตั้งแต่เมื่อไร

อีกทั้งคนคนนี้ยังหน้าตาเหมือนโจวเจ๋ออย่างกับแกะ และคนคนนี้ก็หันหน้ามาพอดี

ยิ้มให้เธอและเอ่ยขึ้นเบาๆ

“เร็วเข้า ผมถามคุณอยู่นะ อยากดื่มอะไร”

………………………………………………………………………..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน