บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน นิยาย บท 151

บทที่ 151 ไอ้พวกมีมหาโชคควรจะตายกันไปให้หมด

ก่อนหน้านี้เสิ่นเทียนเคยวิจัยว่าเขาแบ่งโชคลิขิตกับคนอื่นหรือชี้แนะโชคลิขิตให้คนอื่น จะเพิ่มดวงชะตาของเขาได้

ยิ่งแบ่งโชคลิขิตให้คนอื่นมากเท่าไร ดวงชะตาทั้งสองคนก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น และห้าส่วนคือเส้นแบ่งเขต

แต่เสิ่นเทียนไม่เคยคิดเลยว่าสวมชุดผู้หญิงจะเพิ่มดวงชะตาได้ นี่มันไม่สมเหตุผลเลย!

เพราะเหตุใดกัน หรือว่าสวรรค์จะเป็นพวกชอบแต่งหญิง ชอบดูข้าแต่งหญิงกัน?

เสิ่นเทียนหลอมรวมอัสนีเทพธาตุดินลำดับห้าที่กระเด็นมาข้างกายเข้าไปในต้นกำเนิดอัสนีเทพไปพลาง ครุ่นคิดไปพลาง

ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจเหตุผล

การเพิ่มดวงชะตาครั้งนี้ไม่ใช่เพราะการสวมชุดผู้หญิง

ถ้าเขาเดาไม่ผิด น่าจะเป็นเพราะจ้าวเฮ่าฟื้นพลังบำเพ็ญแล้ว จ้าวเฮ่ามีคุณสมบัติกายบุตรแห่งโชคที่มีวงรัศมีดำครึ่งทองครึ่ง วงรัศมีพิเศษมาก

และโชคลิขิตที่ใหญ่ที่สุดในช่วงนี้ของเขาก็คือต้นกำเนิดอัคคีอรุณใต้ที่มาพร้อมกับเสี้ยวดวงวิญญาณของเจ้ากระบี่สุริยะฟ้า มันจะฟื้นพลังบำเพ็ญและปลุกคุณสมบัติกายให้เขา

เมื่อครู่เจ้ากระบี่สุริยะฟ้าโดนมารดาเถาลวี่จีโจมตีร่างแหลกลาญ เสี้ยววิญญาณดวงหนึ่งถูกต้นกำเนิดอัคคีอรุณใต้พาหนีออกไป

ตามการคำนวณแล้ว ตอนนี้จ้าวเฮ่าน่าจะเจอกับอาจารย์นำโชคของตนแล้ว ดังนั้นเสิ่นเทียนให้จ้าวเฮ่าไปรอในหุบเขาก่อน ก็ถือว่าว่าผูกชะตากุศลกรรมสำเร็จแล้ว

ดังนั้นด้วยความที่โชคลิขิตตอบแทนกลับมา ดวงชะตาของเสิ่นเทียนกับจ้าวเฮ่าจึงเพิ่มขึ้นทั้งคู่

ได้เกาะโชคลิขิตใหญ่เช่นนี้ ดวงชะตาเพิ่มเป็นสีเขียวแก่ก็เป็นเรื่องปกติ

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนอดถอนหายใจให้ตัวเองมิได้ โชคดีที่การเพิ่มดวงชะตาครั้งนี้ไม่ใช่เพราะชุดผู้หญิง ถ้าไม่อย่างนั้นจากนี้เขาจะไม่ต้องสวมชุดผู้หญิงบ่อยๆ หรือ

เสิ่นเทียนตัดสินใจเงียบๆ ในใจ หลังจากเป็นอิสระแล้วจะเปลี่ยนชุดผู้หญิงนี่ทันที

นี่คือประวัติศาสตร์อันมืดมนที่ไม่มีใครรู้ เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายในชีวิตที่เขาจะสวมชุดผู้หญิง

มันน่าขายหน้าเกินไปแล้ว!

ไม่มีทางเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง!

ขอข้ามเรื่องที่เสิ่นเทียนกำลังว้าวุ่นใจอย่างยิ่งที่นี่ไปก่อนแล้วกัน ตอนนี้มารดาเถาลวี่จียังคงฝ่าด่านเคราะห์ต่อไป

หลังจากอัสนีเทพกิเลนเสียหัวไป อานุภาพของมันพลันลดลงอย่างมาก ไม่นานก็ถูกทำลายสิ้น

ระหว่างที่สายฟ้าแตกกระจายไปทั่วฟ้าดิน ยังทำให้ทุกแห่งหนในหุบเขาหมอกลับแลเต็มไปด้วยพลังงานสายฟ้า ดูคึกคักอย่างยิ่ง

ร่างมารดาเถาลวี่จีรวมขึ้นอีกครั้ง เกราะเถาปริแตกเผยประกายแสงใบไม้ผลิลับๆ ใบหน้าขาวซีด ทั้งตัวนางเต็มไปด้วยบาดแผล ตรงบาดแผลยังมีประกายสายฟ้าขยับแสง แฝงไว้ด้วยพลังแห่งกฎเกณฑ์ นี่ทำให้มารดาเถาลวี่จีฟื้นฟูบาดแผลได้ยากลำบากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

หลังจากฝ่าอัสนีเทพแก่กล้าธาตุทอง ไม้ น้ำ ไฟและดินห้าธาตุแล้ว นางเสียพลังไปมากเกินไป ผนวกกับประมือกับเจ้ากระบี่สุริยะฟ้าก่อนหน้านี้ แม้นางจะชนะ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่บาดเจ็บเลย

ในปราณกระบี่ของเจ้ากระบี่สุริยะฟ้าแฝงไว้ด้วยพลังแห่งอัคคี และยังมีอานุภาพแห่งอัคคีแท้ของดวงตะวันที่มีความแข็งกร้าวและเป็นหยางสูงสุด

ปราณกระบี่นั้นทะลวงเถาหลักของเถากลืนกินเซียน เวลานี้ปราณกระบี่อัคคีอรุณใต้กลุ่มหนึ่งกำลังทำลายล้างในร่างมารดาเถาลวี่จีอย่างคลุ้มคลั่ง

นางไม่ได้อยู่ในช่วงที่เฟื่องสุดขีด กระทั่งถือว่าอยู่ในช่วงม้าตีนปลายแล้ว ทว่าเคราะห์สวรรค์ก็ยังไม่สิ้นสุด เคราะห์สวรรค์ลำดับหกที่แกร่งที่สุดเริ่มรวมตัวแล้ว

พลังงานสายฟ้าทั้งหมดกลางมวลอากาศเหมือนถูกขับเคลื่อน เมฆเคราะห์ภัยบนฟ้าเริ่มหมุนม้วนไม่หยุด พลังวิญญาณในรัศมีพันลี้ถูกสูบเข้ามา ก่อนจะรวมขึ้นเป็นร่างมายาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าน่าสะพรึงห้าตัวกลางเมฆเคราะห์ภัย ลงมาเยือนใต้หล้า

มังกรเขียว พยัคฆ์ขาว วิหคชาด เต่าดำ และกิเลน สัตว์เทพปัญจธาตุกำลังส่งเสียงคำราม พุ่งทะยาน กระทั่งหลอมรวมกัน

ผนึกใหญ่มหึมาร้อยจั้งปรากฏขึ้นกลางฟ้า แผ่กระจายอำนาจสวรรค์กว้างใหญ่ ผนึกนี้มีห้าหน้า ประทับเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์สัตว์เทพ เรียกขานกันว่าอำนาจสวรรค์ปัญจธาตุ

พลังงานห้าชนิดวนเวียนกันกลางผนึกใหญ่ไม่หยุด คละรวมกันเป็นร่างเดียว

ขาว เขียว ดำ แดงและเหลือง อัสนีห้าสีกำลังหลอมรวมกัน สุดท้ายรวมออกมาเป็นสีทองสว่างจ้า

สีนั้นคล้ายกับสีอัสนีเทพกำเนิดฟ้าตรงระหว่างคิ้วของเสิ่นเทียนเล็กน้อย แต่ดูเหมือนจะสูงส่งกว่า ยิ่งใหญ่กว่า

เสิ่นเทียนเห็น ‘ผนึกห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรม’ บนฟ้าแล้วเกิดความตระหนักเสี้ยวหนึ่งในใจ บทสุดท้ายของคัมภีร์จักรพรรดิอัสนีเทพสวรรค์ลอยขึ้นมาในความคิด

นั่นคือบทต้องห้ามเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์ ให้ความสำคัญกับการตระหนักความหมายของแก่นแท้วิชาอัสนีในเคราะห์สวรรค์

เคล็ดวิชานี้ก็เป็นหัวใจสำคัญสูงสุดของคัมภีร์จักรพรรดิอัสนี ทำให้ผู้ฝึกบำเพ็ญที่ฝึกเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมรวมอัสนีเทพกำเนิดฟ้าได้

เสิ่นเทียนซ่อนอยู่ข้างๆ แอบโคจรวิชาลับเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์ ประทับตราลวดลายเทพของเคราะห์สวรรค์ หล่อหลอมฐานรากมรรค

ฟาร์มเงียบๆ ไป~

ทว่ามารดาเดาลวี่จีมองผนึกห้าอัสนีที่กำลังรวมอานุภาพพลังไม่หยุดด้วยใบหน้าสิ้นหวังยิ่ง

ในผนึกห้าอัสนีนี้ กำลังรบของสัตว์เทพทุกด้านเทียบเท่ากับกิเลนธาตุดินลำดับห้านั้น ตอนนี้ผนึกห้าอัสนีลงมา แม้แต่นางในช่วงเฟื่องสุดขีดก็อาจจะต้านไม่ไหว

จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงมารดาเถาลวี่จีในตอนนี้ที่บาดเจ็บสาหัสจากเคราะห์อัสนีห้าครั้ง

อัตราที่นางจะผ่านเคราะห์อัสนีที่หกนี้ได้แทบจะเป็นศูนย์

มารดาเถาลวี่จีเงยหน้ามองเคราะห์อัสนีบนฟ้าพลางกัดฟันพูด “สวรรค์ไม่ยุติธรรม! ช่างเถอะ ครั้งนี้ข้าแพ้แล้ว แต่ถ้าจะทำลายข้า มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น!”

บึ้ม~!

ยามนี้ทั้งหุบเขาหมอกลับแลเริ่มพังทลายลง เถากลืนกินเซียนมหึมาที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกพื้นดินเผยออกมาทั้งหมด

เครารากดั่งมรกต เถาวัลย์ดั่งมรกต ทุกส่วนทั่วร่างขยับแสงวาววับสวยงาม

ทว่าตอนนี้เครารากและเถาวัลย์ทั้งหมดกลับขดเป็นก้อนและเริ่มเน่าสลาย พวกมันสิ้นสีสันทั้งหมดไปก่อนจะรวมออกมาเป็นของเหลวสีสันแวววาว สมจริงดั่งมีชีวิตอยู่กลางอากาศ

ทันทีที่เห็นของเหลวหลายหยดนั้น เสิ่นเทียนตื้นตันจนน้ำตาไหล

ใช่ นี่ก็คือโชคลิขิตที่เขาเห็นเหนือศีรษะของฟางฉางก่อนหน้านี้

ฟางฉางแค่มาเดินเล่นในที่ราบหมอกลับแลก็หาเจอ

เหตุใดมาถึงข้าถึงเกือบเอาชีวิตไม่รอดล่ะ

ตอนนี้เสิ่นเทียนมีความคิดหนึ่งเดียวในใจ

ไอ้พวกมีมหาโชคควรจะตายๆ กันไปให้หมด!

…………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน