บทที่ 152 กายเทพอัสนีปัญจธาตุหยางเล็ก
ร่างเถากลืนกินเซียนมหึมาแห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็วและเน่าผุ
แก่นพลังชีวิตของมันกลายเป็นสีสันสีขาวเงินจุดๆ รวมกันอย่างต่อเนื่อง ไม่นานแสงสว่างสีขาวเงินเหล่านั้นก็รวมเป็นของเหลวสีขาวเงินทีละหยด
มองจากสีสัน ของเหลวพวกนี้คล้ายกับน้ำมวลหนักปฐมกาลเล็กน้อย แต่คุณลักษณะต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ก่อนหน้าที่เสิ่นเทียนจะดูดซับหลอมรวมน้ำมวลหนักปฐมกาล ทุกส่วนของมันแผ่กระจายอาณาเขตแรงกดดันแก่กล้า ทรงพลังยิ่ง
ของเหลวชนิดนี้กลับแผ่กระจายพลังชีวิตที่บริสุทธิ์ยิ่ง มองไกลๆ ก็รู้สึกว่าเซลล์ทั่วร่างกำลังกระโดดโลดเต้นด้วยความกระหาย
เมื่อของเหลวชนิดนี้ปรากฏขึ้นแล้ว พลังงานคัมภีร์คบเพลิงในกายเสิ่นเทียนก็เกิดความบ้าคลั่งอย่างรุนแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันต้องการ!
ความกระหายนี้ไม่น้อยไปกว่าตอนนั้นที่เสิ่นเทียนพบน้ำมวลหนักปฐมกาลเลย กระทั่งรุนแรงยิ่งกว่า แน่นอน ครั้งนี้เสิ่นเทียนไม่ได้ถูกความปรารถนาล้างสมอง เขาฝืนกลั้นเอาไว้ได้
ตลก ตอนนี้มารดาเถายังไม่ตาย เขาจะเข้าไปแย่งสมบัติหรือ
นางไม่ต้องใช้วิชาก็ใช้ก้นทับเจ้าตายได้แล้ว
ยิ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญก็ยิ่งบุ่มบ่ามไม่ได้ จะต้องใจเย็นไว้!
เสิ่นเทียนหลบหลังหินอย่างมั่นคง พยายามซ่อนกลิ่นอายพลังในขณะที่หุบเขาถล่ม มีหน้ากากขนหงส์ซ่อนพลังอยู่ ผนวกกับตอนนี้มารดาเถาลวี่จีไม่มีใจจะตรวจสอบโดยรอบจริงๆ
ดังนั้นเสิ่นเทียนเลยยังไม่ได้ถูกพบตัว กลับกันเขาอาศัยดินเลนที่ถล่มลงมาบังตัว ทำให้อำพรางได้แนบเนียนกว่าเดิม
ในที่สุด เถากลืนกินเซียนแทบทั้งหมดก็แห้งเหี่ยว เหลือเพียงเถากลืนกินเซียนท่อนสุดท้ายที่เปล่งแสงสว่างจ้าขึ้นเรื่อยๆ
ร่างดั่งมรกตของเถากลืนกินเซียนนั้นค่อยๆ เปลี่ยนไป จิตต้นกำเนิดของมารดาเถาลวี่จีค่อยๆ รวมเป็นร่างเดียว
ตอนนี้มารดาเถาลวี่จีแปลงร่างไปอย่างแท้จริง อีกทั้งทั่วร่างยังแผ่กระจายพลังที่หมายจะสูงส่งกว่าสวรรค์!
นางพลันเหยียบลงพื้น ทั้งร่างพุ่งเข้าใส่ผนึกห้าอัสนีราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
พื้นดินใต้เท้าแตกแยกโดยพลัน ผืนปฐพีในรัศมีสิบจั้งพังทลายลง
บึ้ม~!
ร่างเงาสีเขียวมรกตกลางฝุ่นควันคละคลุ้งเหมือนกับกระบี่เทพทะลวงฟ้า
ร่างนางชนเข้ากับผนึกห้าอัสนีก่อนจะระเบิดออกทันที
ใช่ มารดาเถาลวี่จีเลือกระเบิดทำลายตัวเอง
ใช้การทำลายร่างจริงหลังแปลงกายเป็นราคาต้องจ่าย นางจะทวงความยุติธรรมกับกฎแห่งสวรรค์!
แรงระเบิดตัวเองของมารดาเถาลวี่จีรุนแรงอย่างยิ่ง ตอนนี้ทุกสรรพสิ่งกลางฟ้าดินถอดสี เหลือเพียงแสงสีเขียวมรกตที่แตกกระจายกลางฟ้านั้น กระทั่งกดเหนือกว่าสีสันของสายฟ้าในชั่วพริบตา
ผนึกห้าอัสนีมหึมานั้นเกิดรอยปริแตกน่ากลัว สายฟ้ากำเนิดฟ้าตกลงมาราวกับก้อนหิน กลายเป็นสายฟ้าผ่า
หุบเขาหมอกลับแลที่ถล่มทลายเป็นซากพลันกลายเป็นคุกสายฟ้า ทุกแห่งหนมีแต่ประกายสายฟ้าสีทอง
“มีแต่คนบอกว่าฟ้าดินไร้เมตตามองทุกสรรพสิ่งเป็นสุนัขรับใช้ แต่ดันลำเอียงรักเผ่ามนุษย์ สวรรค์ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยอม วันนี้แม้จะสิ้นชีพ แต่ข้าจะต้องกลับมาแน่! ถึงตอนนั้นพลังบำเพ็ญสูงสุดบรรลุนิพพานเป็นเซียน สวรรค์ก็ทำอะไรข้าไม่ได้!”
เสียงมารดาเถาลวี่จีดังกึกก้องกลางหุบเขาพังทลายด้วยความหลงระเริง ก่อนค่อยๆ เงียบหายไป
ทางด้านเสิ่นเทียน ตอนนี้เขาไม่มีเวลามากินเมล็ดแตงนั่งชมแล้ว
เพราะตอนที่ผนึกห้าอัสนีแตกกระจาย เขารู้สึกได้มากกว่าเดิม เดิมทีการเชื่อมต่อเป็นวงเวียนของผนึกห้าอัสนีมีความลึกล้ำ คลุมเครือเข้าใจยากมาก
แต่เมื่อมารดาเถาลวี่จีระเบิดร่างจริงสั่นสะเทือนผนึกห้าอัสนี นี่ทำให้เกิดช่องโหว่ขึ้นในพริบตา
เสิ่นเทียนใช้วิชาลับเปลี่ยนร่างแปลงทัณฑ์สวรรค์หลอมรวมเข้าไปผ่านช่องโหว่ชั่วครู่สั้นๆ ยามนี้เขารู้สึกว่าตนเหมือนกลายเป็นส่วนหนึ่งของเคราะห์สวรรค์
ฐานรากมรรคในกายเขากู่ร้องพร้อมกับผนึกอัสนีปัญจธาตุบนฟ้า ลวดลายเทพปรากฏขึ้นทีละลาย
ข้างหลังเสิ่นเทียนเกิดห้าปรากฏการณ์ใหญ่รางๆ มีมังกรเขียว พยัคฆ์ขาว วิหคชาด เต่าดำและกิเลน เวลานี้เขารู้สึกว่าตัวประกอบสายฟ้าที่กระจัดกระจายใกล้ชิดกับเขามาก และไม่ทำอันตรายเขาแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน